27 เม.ย. เวลา 13:16 • เกม

สรุปดราม่า! CrazyGuy เผย Yay ไม่ลงเเรงค์เลยก่อนช่วงเเข่ง Kick-Off

ดราม่าที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาของ Bleed eSports ที่เกี่ยวกับผู้เล่นคนดังอย่าง Yay ที่เรียกได้ว่าถูกจับตามองในเรื่องของฟอร์มการเล่นซึ่งล่าสุด CrazyGuy ตัวสำรองของ Bleed eSports ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ทำไม Yay ถึงมี Perfromance ที่ตกต่ำลง
โดยเจ้าตัว (CrazyGuy) ได้เปิดเผยเรื่องราวนี้ผ่านสตีมของ WatchParty ระหว่าง BLD vs DFM ว่าทางหลังจากจบทัวร์นาเมนต์ Riot Games ONE PRO INVITATIONAL 2023 ซึ่งทางทีมประกาศพักการซ้อมเพื่อให้นักกีฬาได้พักเพื่อเตรียมความพร้อมไปเเข่งขันในทัวร์ Kick-Off ต่อ เเต่ทางทีมงานได้ขอให้ผู้เล่นกลับไปเล่นเเรงค์บ้างเพื่อรักษา Performence ไว้
ซึ่งหลังจากนั้นทาง Ominous (analyst ของทีม) ได้กลับมาเก็บ Stat ของ Ranked mode ของผู้เล่นทุกคน ซึ่งก็ได้ข้อมูลมายกเว้นเพียงเเต่ Yay ที่ไม่ได้ส่งให้
พอมีการทวงถามทาง Yay ก็ให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้เล่น ID หลักของเขาเลยไม่มี Stat ให้เห็น เเต่พอมีการทวงถามไปถึง ID รองก็ไม่ได้มีการตอบรับเเต่อย่างไร นั่นเลยทำให้เจ้าตัว (CrazyGuy) สรุปได้ว่า Yay ไม่ได้ลงเเรงค์เลยทำให้ Perfromance ของ Yay ตกลง
นอกจากนี้ยังมีชาว Reddit ออกมาให้ข้อมูลมากมายทั้งเรื่อง Stat จาก Valorant Tracker ที่ทาง Yay ทำการ Offline ไม่มีการ Active บัญชีเลยในช่วงเวลา 1 เดือนหลังจบ ทัวร์นาเมนต์ Riot Games ONE ที่ทำให้เรื่องนี้ดูจะมีเค้าลางว่าจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เเต่ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่า Yay ได้เล่น ID รองจริงไหม (เพราะไม่มีใครรู้ๅ)
ลามไปถึงเรื่อง Performance ของทีมที่เเพ้เเม้กระทั่งทีม Tier 2 ของเวียดนาม อีกด้วย พร้อมทั้งเห็นพ้องต้องกันด้วยว่า ณ จุดๆนี้ ตัวปัญหาที่แท้จริงคือโค้ชเและผู้บริหารที่ปล่อยปัญหาต่างๆมันคาราคาซังมาจนมาถึงจุดนี้
อย่างไรก็ตามก็มี Reddit ที่ชื่อว่า yaysterz (ซึ่งน่าจะเป็น Yay) ได้ออกมาตอกกลับเรื่องนี้ว่า ความจริงเเล้วมันเป็นเพราะถ้าเล่น ID หลักมันจะทำให้เขาต้องเล่นด้วย Ping เเบบ 200++ เพราะ ID ถูก Lock ภูมิภาคไว้ให้อยู่ที่ NA
ส่วนเรื่องหยุดพักก่อนการเเข่ง Kick-Off ระหว่างนั้นเขามีเห็นจำเป็นที่ต้องกลับไปจัดการเรื่องที่ อเมริกาทั้งเรื่องอพาร์ทเมนต์ เรื่องการย้ายรัฐหรือเรื่องวีซ่าในการไปเล่นทัวร์ Kick-Off ที่ญี่ปุ่นก็จำเป็นต้องกลับไปดำเนินการด้วยตัวเองทั้งนั้น ส่วนเรื่อง Stat นั่นเขาก็ได้บอกว่า Ominous (analyst ของทีม) มีวิธีที่เขา stat จาก ID รองของเขาได้ด้วยตัวเอง
นี่อาจจะเป็นครั้งเดียวที่ออกมาตอกกลับดราม่าแปลกๆ ที่บอกว่าฉันไม่มีหลักฐานเเละสรุปไปเองโดยปริยายเเเบบนี้ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในระดับ Pro หรือสโมสรอื่นๆ คนๆนั้นคงโดนเตะออกจากทีมไปเเล้ว Reddit ที่ชื่อว่า yaysterz กล่าวปิดท้าย
เรียกได้ว่าไม่จบไม่สิ้นสำหรับดราม่า CrazyGuy vs Bleed eSports นอกจากดราม่านี้ยังมีดราม่าเรื่องเงินเดือนของ Yay ที่สูงเเต่ดันสวนทางกับฟอร์มในปัจจุบัน เเต่ที่อยากจจะเน้นย้ำคือเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ควรฟังหูไว้หู เเละหาข้อมูลให้รอบด้านก่อนจะตัดสินใจเชื่อฝั่งไหน
เเต่ความจริงตอนนี้คือ Yay เเละ Bleed eSports หมดสิทธิ์ไปเล่นในรอบ Play-Off ของรายการ VCT Pacific ไปเป็นที่เรียบร้อย มีเวลากลับไปเเก้ปัญหาที่ยังคั่งค้างก่อนที่ Stage ที่ 2 จะมาถึง
ซึ่งถ้าปัญหานี้ยังไม่ถูกเเก้ไขนี่อาจจะเป็นปีเเรกที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสำหรับ Bleed eSports ก็เป็นได้
#bleed #yay #vctpacific #Justggpodcast
โฆษณา