29 เม.ย. เวลา 13:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ETF101 พื้นฐานการลงทุนใน ETF ตอนที่ 1

รู้จัก ETF รวมข้อดีของหุ้นและกองทุน 😄
"คล่องตัว-กระจายการลงทุน-ค่าธรรมเนียมถูก"
และมาแบ่งประเภทของ ETF (มีเยอะแค่ไหนก็ไม่งง)
วันนี้ #เด็กการเงิน ขอพาทุกคนมารู้จักกับ ETF หรือ Exchange Traded Fund ซึ่งเป็นกองทุนเปิด ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบ real-time โดยกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงได้หลากหลายประเภท เช่น ดัชนีหุ้นทั้งในและต่างประเทศ
ETF เป็นกองทุนเปิดที่มีนโยบายลงทุนทั้งแบบเชิงรับ (Passive) และเชิงรุก (Active)
Active คือ มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ชนะ Benchmark โดยใช้ความสามารถของผู้จัดการกองทุนมาบริหาร
 
Passive คือ มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี (Index) หรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนอีทีเอฟนั้นใช้อ้างอิง ส่วนใหญ่ ETF มักจะมีการบริหารแบบ Passive เพื่อให้ต้นทุนการบริหารถูกที่สุด และแข่งขันได้กับ ETF ในประเภทเดียวกัน
เช่น ดัชนีตราสารทุน SET50, SET100 หรือ SETHD เป็นต้น นอกจากนี้ ยังอ้างอิงกับดัชนีอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ดัชนีราคาทองคำ ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีตราสารหนี้ ซึ่งต่างจากการลงทุนของกองทุนรวมส่วนใหญ่ที่เลือกลงทุนในหลักทรัพย์ หรือสินทรัพย์รายตัวตามนโยบายการลงทุนที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า
ดังนั้น การลงทุนของกองทุน ETF จึงสามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการกระจายการลงทุนตามดัชนี และที่สำคัญ คือ สามารถซื้อขายได้อย่างสะดวก รวดเร็วเสมือนกับการลงทุนในหุ้น
ข้อดีของ ETF มีดังนี้
1. คล่องตัว หรือมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีผู้ดูแลสภาพคล่อง และกลไก Creation & Redemption ช่วยให้กองทุน ETF มีสภาพคล่องที่สูง ดูแลโดย market maker ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่าง Real Time
2. กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นกองประเภทดัชนี หรือ Thematic และมีให้เลือกทั้งแบบ passive และ active
3. ค่าธรรมเนียมต่ำ กองทุน ETF มักจะมี Total Expense Ratio (TER) ที่ต่ำ
เป็นเครื่องมือการลงทุนอีกประเภทที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
อย่างไรก็ตามการซื้อขาย Broker อาจจะมีค่าธรรมเนียมซื้อ-ขายที่เราต้องศึกษาเปรียบเทียบ
เพื่อไม่ให้เกิดต้นทุนแฝง ที่เรามองข้ามไป
ETF คือกองทุนเปิดที่ซื้อขายได้สะดวก Real time ตามเวลาเปิดปิดของตลาดหลักทรัพย์ตามดัชนี หรือกลุ่มหลักทรัพย์อ้างอิง ซึ่งมีข้อดีของกองทุนรวม และหุ้นเข้าด้วยกัน คือกระจายความเสี่ยง และซื้อขายได้ real time
ETF ที่คนไทยนิยมเทรดกันคือ ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange เปิดตามเวลาของ USA
ETF เหล่านี้เราน่าจะคุ้นๆกันเป็นอย่างดี เช่น
QQQ ราคาเคลื่อนไหวตามดัชนี NASDAQ100
VOO ราคาเคลื่อนไหวตามดัชนี S&P500
INDA ราคาเคลื่อนไหวตามดัชนี MSCI INDIA
EWY ราคาเคลื่อนไหวตามดัชนี MSCI KOREA
SOXX ราคาเคลื่อนไหวตามดัชนีหุ้น semiconductor ใน USA
ONLN ราคาเคลื่อนไหวตาม ProShares Online Retail Index หรือธุรกิจกลุ่ม e-commerce & online retail
WCLD ราคาเคลื่อนไหวตาม BVP Nasdaq Emerging Cloud Indexหรือธุรกิจcloudและ internet
และยังมี Active ETF ที่ลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ที่หลายๆคนรู้จักกันดี
ARK Innovation ETF (ARKK)
ARK Genomic Revolution ETF (ARKG)
ETF เหล่านี้จะมีการเปลี่ยนสับเข้าออกหลักทรัพย์โดยผู้ออกหน่วย ETF ก็คือ ARK INVEST เป็นต้น
🧐จัดประเภทของ ETF
แบ่งตามการบริหาร
1. Passive / Index
2. Active
แบ่งตาม Asset Class
1. Cash / Currency ลงทุนในเงินสดหรือสกุลเงินสำคัญ
2. Fixed Income ลงทุนในตราสารหนี้ หรือ บอนด์
3. Equity ลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้น
4. Commodities ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์
5. Alternatives ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของสินทรัพย์ทางเลือก
6. Asset Allocation ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย มากกว่า 1 สินทรัพย์
1. Cash / Currency เงินสดและสกุลเงินสำคัญ
1.1 Currency ลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับ USD
2. Fixed Income ตราสารหนี้หรือบอนด์
2.1 Bond Type แบ่งตามผู้ออกหรือประเภท
Government ออกโดยรัฐบาล
Corporate หุ้นกู้เอกชน
Broad Market หุ้นกู้รวมทั่วไป
2.2 Credit Quality แบ่งตามคุณภาพ
Investment Grade เครดิตดี
High Yield เครดิตต่ำกว่า Investment Grade
2.3 Maturity แบ่งตามระยะเวลาครบกำหนด
Short Term (0-5Y)
Intermediate Term (5-10Y)
Long Term (10Y+)
Broad Maturity (Mixed)
2.4 Geography แบ่งตามภูมิภาคหรือตลาดของผู้ออกบอนด์
Global ทั่วโลก
Developed Market ตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
Emerging Market ตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่
Frontier Market ตลาดกลุ่มชายขอบ
By Country เลือกเจาะตลาดตามประเทศที่สนใจได้
3. Equity หุ้น (หลายคนชอบ😄)
3.1 Size แบ่งตามขนาดของหุ้น
3.2 Style แบ่งตามสไตล์ของหุ้นที่ถือ
3.3 Geography แบ่งตามภูมิภาคหรือตลาดของหุ้นที่จดทะเบียน
3.4 Sector แบ่งตาม sector
3.5 Theme แบ่งตามธีม (มีเยอะมากๆ)
4. Commodities ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์
4.1 Agriculture สินค้าเกษตร
4.2 Energy สินค้ากลุ่มพลังงาน
4.3 Industrial Metals โลหะอุตสาหกรรม
4.4 Precious Metals โลหะมีค่า
5. Alternatives ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของสินทรัพย์ทางเลือก
5.1 Volatilty (VIX) ผลตอบแทนตามดัชนีความผันผวน
5.2 Hedged Strategy กลยุทธ์เพื่อใช้ในการทำ hedge ต่างๆ เช่น short-long
5.3 Spread to inflation and interest rate ส่วนต่างของเงินเฟ้อและดอกเบี้ย
6. Asset Allocation ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย มากกว่า 1 สินทรัพย์
6.1 Target Outcome แบ่งตามผลลัพธ์ที่คาดหวัง
-Capital Appreciation เน้นส่วนต่างราคาหุ้นเพื่มขึ้น
-Income เน้นปันผล
6.2 Target Risk
-Agressive จัด Asset Allocation แบบเสี่ยงสูง มีหุ้นมากกว่า 70%
-Moderate จัด Asset Allocation แบบเสี่ยงกลาง มีหุ้นมากกว่า 40-70%
-Conservative จัด Asset Allocation แบบเสี่ยงต่ำมีหุ้นน้อยกว่า 40%
จบตอนที่ 1 หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่า ETF คืออะไร และแบ่งประเภทของ ETF ได้คร่าวๆนะ
เด็กการเงิน
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/10240
โฆษณา