30 เม.ย. 2024 เวลา 16:28 • กีฬา

EP.37 คาร์สเทน ราเมโลว์ - พระรองตลอดกาล

- ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรดังของศึกบุนเดสลีกาเยอรมันได้สร้างประวัติศาสตร์ในฤดูกาล 2023/2024 ด้วยการผงาดคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้เป็นสมัยแรกของสโมสร ซึ่งนอกจากจะได้แชมป์ลีกสูงสุดของเยอรมันแล้ว พวกเขายังมีลุ้นคว้าทริปเปิลแชมป์ได้ในปีนี้เนื่องจากยังมีลุ้นในรายการบอลถ้วยอยู่ถึง 2 รายการทั้ง ยูโรปาลีก และ เดเอฟเบ โพคาล
- เลเวอร์คูเซ่น ในยุคปัจจุบันเป็นทีมพลังหนุ่มที่เล่นฟุตบอลได้ค่อนข้างเร้าใจและเอนเตอร์เทนคนดู แต่หากย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 90 ไปจนถึงช่วงต้นยุค 2000 ก็ต้องถือว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่สร้างสีสันให้แก่ฟุตบอลเยอรมันมากพอสมควร โดยที่พวกเขาเคยคว้าตำแหน่งรองแชมป์ของบุนเดสลีกาได้ถึง 5 สมัย
- แต่ถ้าหากให้แฟนบอลทั่วไปนึกถึงเลเวอร์คูเซ่นในยุคสมัยก่อนก็น่าจะมีหลายคนนึกย้อนไปถึงทีมชุดสู้ศึกฤดูกาล 2001/2002 ซึ่งในปีนั้นพวกเขาถูกจดจำในฐานะทริปเปิลรองแชมป์ โดยที่พวกเขาต้องอกหักพลาดแชมป์ระดับเมเจอร์ไปถึง 3 รายการในปี 2002
- แม้ในซีซั่น 2001/2002 จะเป็นซีซั่นอันสุดชอกช้ำของเลเวอร์คูเซ่น แต่ในทีมชุดนั้นพวกเขาก็อุดมไปด้วยนักเตะระดับชั้นยอดหลายคนทั้ง มิชาเอล บัลลัค / ลูซิโอ / ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ / โอลิเวอร์ นอยวิลล์ / เซ โรแบร์โต ไปจนถึงดาวเตะที่ถูกประเมินค่ำต่ำกว่าความเป็นจริงอย่าง คาร์สเทน ราเมโลว์
- คาร์สเทน ราเมโลว์ (Carsten Ramelow) เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปี 1974 ที่กรุงเบอร์ลิน ในฝั่งเยอรมันตะวันตก โดยเขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลให้กับทีมระดับท้องถิ่นหลายทีมในกรุงเบอร์ลิน ก่อนที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรใหญ่ในกรุงเบอร์ลินอย่างทีม แฮร์ธา เบอร์ลิน ในปี 1991
- ราเมโลว์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางและตำแหน่งกองหลัง แต่ส่วนมากเขาจะลงเล่นในฐานะกองกลางตัวรับซึ่งมีหน้าที่คอยปัดกวาดเกมรุกของคู่แข่งก่อนที่จะหลุดทะลุไปถึงแผงแบ็กโฟร์ แต่ถึงแม้ว่าหน้าที่หลักเจ้าตัวคือการทำลายเกมรุกของคู่ต่อสู้แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เขามักจะมีบทบาทอื่นๆกับทีมไม่ว่าจะเป็น การยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ การฉีกตัวออกไปเล่นริมเส้นหรือแม้กระทั่งการสอดขึ้นไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตู
- การที่เล่นได้สารพัดประโยชน์ทำให้เขาได้ย้ายไปร่วมทีม เลเวอร์คูเซ่น ในปี 1995 โดยแม้ว่าเขาจะยังเป็นแค่นักเตะดาวรุ่งแต่ด้วยผลงานที่เด่นเกินวัย ทำให้เขาถูกส่งลงเล่นเป็นตัวหลักในแผงแดนกลางของเลเวอร์คูเซ่นซึ่งเจ้าตัวก็ตอบแทนความไว้วางใจของสโมสรได้เป็นอย่างดีและกลายเป็นเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของสโมสร
- ราเมโลว์ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เลเวอร์คูเซ่นจบฤดูกาลไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 4 ในหลายฤดูกาล โดยที่พวกเขาจบในฐานะรองแชมป์บุนเดสลีกาทั้งในปี 1997 / 1999 รวมไปถึงปี 2000
- แต่ฤดูกาลที่เป็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของเลเวอร์คูเซ่นก็คือซีซั่น 2001/2002 โดยในฤดูกาลนี้ราเมโลว์ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมอีกเช่นเคย โดยนอกจากเรื่องของการไล่ตัดเกมของคู่ต่อสู้แล้วเขายังมีลูกตุกติกจังหวะตอดเล็กตอดน้อยและชอตการยั่วยุปั่นประสาทคู่แข่ง
- เลเวอร์คูเซ่น ทำผลงานในฤดูกาล 2001/2002 ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในเดือนพฤษภาคมของปี 2002 พวกเขาได้ลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการ แต่ช่วงต้นเดือนพวกเขาก็เป็นได้แค่รองแชมป์บุนเดสลีกา หลังจากมีแต้มน้อยกว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปแค่ 1 แต้ม หลังจากนั้นพวกเขาก็แพ้ให้กับ ชาลเก้ 04 ในเกมนัดชิงบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาลไป 4-2 และกลายเป็นดับเบิลรองแชมป์
- หลังจากชอกช้ำกับแชมป์ 2 รายการที่หลุดมือไป ทำให้ทีมนายห้างขายยาเหลือลุ้นแชมป์อยู่แค่รายการเดียวซึ่งก็คือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยในซีซั่น 2001/2002 ราเมโลว์ลงเล่นในถ้วยยุโรปไปถึง 16 เกมซึ่งในนัดชิงเขาคือกัปตันทีมที่เดินนำเพื่อนร่วมทีมลงสู่สนามแฮมป์เดน พาร์ค ในกรุงกลาสโกว์ของสกอตแลนด์
- คู่แข่งของเลเวอร์คูเซ่นในนัดชิงยูซีแอลปี 2002 ก็คือ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกาสเปน โดยถึงแม้ ราอูล จะยิงให้มาดริดออกนำไปก่อน แต่เลเวอร์คูเซ่นก็ตีเสมอได้จาก ลูซิโอ แต่ช่วงท้ายครึ่งแรกด้วยความมหัศจรรย์ของ ซีเนอดีน ซีดาน ที่ยิงประตูอย่างสุดสวยทำให้ท้ายที่สุดชัยชนะตกเป็นของทีมจากสเปนที่เอาชนะไปได้ 2-1 นั่นทำให้ราเมโลว์และเลเวอร์คูเซ่นต้องชอกช้ำและจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งทริปเปิลรองแชมป์ไปอย่างน่าเจ็บปวด
- หลังต้องเจอกับความผิดหวังในฤดูกาล 2001/2002 ราเมโลว์ก็ยังคงอยู่ปักหลักอยู่กับเลเวอร์คูเซ่นต่อไป แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมหลายคนจะย้ายออกไปค้าแข้งกับทีมอื่นๆกันแล้ว โดยที่ราเมโลว์ก็อยู่ในยุคที่สโมสรมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้จัดการทีมที่ เคลาส์ เอาเกนธาเลอร์ เข้ามาเป็นนายใหญ่ของทีม
- ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2004/2005 ในแมตช์ที่เลเวอร์คูเซ่นเจอกับ โรม่า ราเมโลว์ได้มีจังหวะปะทะเดือดกับ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ และเขาก็ถูกต็อตติกระโดดย่ำเข้าไปที่กลางหลังไปถึงช่วงไหล่ แต่สุดท้ายแล้วต็อตติกลับได้รับเพียงแค่ใบเหลือง
- ช่วงปี 2006 -2008 ราเมโลว์ได้ลงเล่นเพียงน้อยนิดซึ่งสาเหตุก็มาจากปัญหาอาการบาดเจ็บและอายุที่มาถึงวัย 30 กว่าๆนั่นจึงทำให้หลังจบฤดูกาล 2007/2008 เขาจึงประกาศตัดสินใจแขวนสตั๊ด โดยทำสถิติลงเล่นให้เลเวอร์คูเซ่นไปกว่า 13 ฤดูกาลซึ่งเขาลงเล่นไปถึง 437 นัดและทำไปได้ 32 ประตู
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติเยอรมัน เขาติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในปี 1998 ก่อนที่จะถูกเลือกเป็นหนึ่งในขุนพลทีมอินทรีเหล็กชุดทำศึกฟุตบอลยูโร 2000 และฟุตบอลโลก 2002
- ในศึกฟุตบอลโลก 2002 ราเมโลว์ลงเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟซึ่งเขาเป็นตัวจริงทั้ง 3 นัดในเกมรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่จะมาถูกไล่ออกในเกมที่เจอกับ แคเมอรูน หลังจากนั้นเขากลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกมรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ โดยเกมนัดชิงเยอรมันต้องโคจรมาเจอกับ บราซิล ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นทีมแซมบ้าที่เอาชนะไปได้ 2-0 นั่นจึงทำให้ปี 2002 กลายเป็นปีแห่งความผิดหวังของราเมโลว์อย่างแท้จริง เพราะเขาได้ทริปเปิลรองแชมป์กับสโมสรและยังมาอกหักในเกมนัดชิงฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมัน
- หลังจากนั้นในปี 2004 เขาได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติเยอรมันชุดสู้ศึกยูโร 2004 แต่ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มอีกไม่กี่สัปดาห์ เขาก็ตัดสินใจประกาศอำลาทีมชาติไปเสียก่อน โดยทำสถิติรับใช้ทีมชาติไป 46 นัดและทำไปได้ 3 ประตู
- ขณะที่ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด เขาได้เข้ารับตำแหน่งรองประธานของ VDV หรือสหภาพนักฟุตบอลอาชีพของประเทศเยอรมัน โดยมีเป้าหมายในการคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์ให้แก่นักฟุตบอลที่ค้าแข้งอยู่ในเยอรมัน โดยในช่วงที่สถานการณ์โควิด 19 แพร่ระบาด เขาได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการป้องกันและการรับมือกับไวรัสของทางภาครัฐรวมไปถึงสหพันธ์ฟุตบอลของเยอรมัน
#คาร์สเทนราเมโลว์
#ไบเออร์เลเวอร์คูเซ่น
#ทีมชาติเยอรมัน
คาร์สเทน ราเมโลว์ เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรแฮร์ธา เบอร์ลิน
เขาย้ายมาร่วมทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในปี 1995 และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมทันที
อกหักผิดหวังในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปี 2002 ซึ่งในปีเดียวกันนี้เขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นทริปเปิลรองแชมป์ไปอย่างสุดเจ็บปวด
ด้วยสไตล์การเล่นอันดุเดือดและมักจะมีลูกตอดเล็กตอดน้อย ทำให้เขามักจะมีการปะทะคารมกับนักเตะทีมคู่แข่งอยู่เสมอ
ถึงไม่เคยคว้าแชมป์อะไรได้เลยกับเลเวอร์คูเซ่น แต่เขาก็กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรที่อยู่ค้าแข้งไปกว่า 13 ฤดูกาล
ได้ดวลกับ โรนัลโด้ ในเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเขาก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง หลังจากที่เยอรมันแพ้บราซิลไป 0-2
หลังจากแขวนสตั๊ดก็ได้เข้าดำรงตำแหน่งรองประธานของ VDV หรือสหภาพนักฟุตบอลอาชีพในประเทศเยอรมัน
โฆษณา