ในขณะที่เราเจาะลึกโลกแห่งของ Art Toys ในประเทศไทย เราก็ค้นพบการผสมผสานที่น่าทึ่งของงานฝีมือแบบดั้งเดิมและ Pop Culture ร่วมสมัย ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่เบ่งบานเข้าสู่ตลาดที่เฟื่องฟู
Art Toy เป็นสินค้าของเล่นของสะสมที่ออกแบบจากศิลปินหรือนักออกแบบ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะสมัยใหม่กับของเล่นแบบเดิม จุดเด่นของอาร์ตทอยจะเน้นการสร้างสรรค์ตัวละครแบบไม่ต้องมีเนื้อเรื่อง แต่มีรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ ผลิตในจำนวนที่จำกัด ทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อการครอบครอง และหากเป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงหรือกำลังอยู่ในกระแส ความต้องการยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ข้อมูลจาก HTF Market Intelligence บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลก ระบุว่า ในปี 2566 มูลค่าตลาด Art Toy ของโลกอยู่ที่ 8,517.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สอดคล้องกับการเติบโตของเจ้าตลาด Art Toys อย่างร้าน POP Mart ที่เริ่มมาเปิดสาขาในไทยและเพิ่มจำนวนสาขาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งก็ยังมีสินค้า Sold Out อยู่ตลอดเวลา สอดคล้องกับคอนเทรนใน Social Media Platform ต่างๆ เช่น IG, FB, Tiktok , X ที่มีการกล่าวถึง Art Toys จำนวนมาก
โดยศิลปินและนักออกแบบของไทยมีผลงาน Art toy สร้างชื่อเสียงระดับโลก อาทิ นิศา ศรีคำดี หรือ Molly ศิลปินผู้ออกแบบ “CRYBABY เด็กหญิงเปื้อนน้ำตา” พัชรพล แตงรื่น หรือ Alex Face ผู้สร้างสรรค์ “Mardi เด็กในชุดกระต่ายสามตา” และคุณศิรินญา ปึงสุวรรณ หรือ Poriin ศิลปินผู้สร้าง “Fenni จิ้งจอกหน้าตาน่ารัก”
ความสำคัญทางวัฒนธรรมและโอกาสในระดับโลก
Art Toys ไทยมีความโดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและกระแส Pop Culture ระดับโลก ศิลปินอย่าง JPX และ COARSE ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติจากการออกแบบที่ผสมผสานองค์ประกอบของนิทานพื้นบ้านและประเพณีของไทย ผลการสำรวจโดยหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) พบว่า 60% ของนักสะสมจากต่างประเทศชื่นชอบของเล่นศิลปะไทยเพราะมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและงานฝีมือ