“เจ็บนี้อีกนาน…เจ็บช้ำไม่ลืม”

(11)
ปี คศ 1981 มีการสวนสนามของกองทัพอียิปต์
ขณะที่ ปธน ซาดัต และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กำลังนั่งอยู่บนแท่น
ดูการสวนสนามนั้น…รถจีปคันหนึ่ง ที่ร่วมอยู่ในขบวนสวนสนามด้วย
ได้มาหยุดรถที่หน้าแท่น …ผู้ขับไม่ได้หยุดเพื่อทำความเคารพ
แต่กลับก้มหยิบเอาปืนไรเฟิล ยิงแบบไม่ยั้ง…
เล็งใส่ตรงแท่นที่คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่นั่งกันเป็นแถว
ทำเอานายทหารใหญ่บาดเจ็บไปหลายคน… แต่ซาดัต …ตายคาที่
ข่าวว่าผู้ยิง เป็นทหารหัวรุนแรง ที่ไม่ชอบทหารพันธุ์ต้นอ้อ
และอียิปต์ ก็ได้ประธาธิบดีคนใหม่ ชื่อ มูบารัค (Hosni Mubarak)
ซึ่งเป็นพวกกลุ่มทหารเสรีอีกเช่นกัน และนั่งอยู่บนแท่นติดกับซาดัต
ในวันสวนสนามนั้นด้วย…
มูบารัคได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสูงสุด
โดยไม่มีผู้ใดแข่งขัน
คงไม่มีใครกล้าแข่งกับคนดวงแข็งขนาดนั้น
เพราะวันนั้นกระสุนได้เฉี่ยวหัวมูบารัค
จนหมวกที่เขาใส่อยู่กระเด็นไป
หมวกนั้นมีรอยกระสุนพุ่งผ่านอย่างเห็นชัด
แต่มูบารัคไม่เป็นอะไรเลย…
มูบารัค เป็นนายทหารอากาศระดับจอมพล ที่เคยรบกับไอ้อิส
อย่างเอาจริงมาตลอด …จนมาเป็นประธานาธิบดี
ที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด คือประมาณ 30 ปี (คศ 1981-2011)
และ กลายเป็น (เหมือน) ยอมตามใจไอ้ปากเหม็นอย่างที่สุด
ในช่วงที่มูบารัคเป็นท่านผู้นำ… อียิปต์ถือโอกาสพัฒนากองทัพของตน
อย่างเต็มที่ จนในช่วงนั้น อียิปต์ได้ชื่อว่ามีกองทัพที่ใหญ่ที่สุด
และ มีอาวุธที่ดีที่สุดในตะวันออกกลาง พร้อมกับสร้างหน่วยงานข่าวกรอง
ที่อยู่ในการควบคุมของทหาร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาสำคัญด้านความมั่นคง
ของมูบารัค…
สรุปว่า มูบารัคยังมีความเป็นทหารเต็มตัว
แต่เรื่องการทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองอียิปต์ ไม่รู้จะเต็มตัวเต็มที่หรือไม่
เพราะชาวอียิปต์ส่วนใหญ่ ก็ยังยากจนเหมือนเดิม
ส่วนชาวอียิปต์ที่ร่ำรวยและนิยมตะวันตกอย่างฝังหัว
ก็พากันย้ายครอบครัว ไปอยู่ที่เกาะนิ้วก้อย หรือ เมืองหรูๆ
ในยุโรปกันเป็นแถว
ระหว่างนั้น มูบารัค ก็ยังรับใช้บ้านปากเหม็น
โดยทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ระหว่างไอ้อิส กับ ปาเลสไตน์
และ ระหว่างไอ้อิส กับกลุ่มอาหรับอื่น (Arab Leaque)
มูบารัค พยายามญาติดี กับไอ้อิส ตามสัญญา Camp David Accord
ที่ไอ้ปากเหม็นบีบให้อียิปต์ทำกับไอ้อิส ในปี คศ 1978 (สมัยซาดัต)
และ ในปี คศ 2000 เขาได้พยายามประสานงาน
(ตามคำสั่งของ ปธน คลินตันคนนิยมเด็กฝึกงาน)
ให้ไอ้อิส จับมือ กับ ปาเลสไตน์…
โดยจัดการเอา Yasser Arafat ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม PLO ของปาเลสไตน์
มาออกหน้า เป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด
แต่การดำเนินการดังกล่าว ทำให้กลุ่มพวกอาหรับ (Arab Leaque)
ไม่พอใจอียิปต์…มันเหมือนกับหักหลังกันนี่หว่า
และฉากจับมือกันนั้น มันก็เป็นเพียง “ฉากหนึ่ง” จริงๆ …
เพราะ Arafat ก็ดูเหมือนเป็นตัวละครตัวหนึ่ง
ที่บ้านปากเหม็นเอามาเชิดหลอกชาวโลก
ขณะเดียวกัน มูบารัคก็ไม่ได้เห็นคล้อยตามบ้านปากเหม็นไปทุกเรื่อง
เช่นเรื่องการบุกอิรัค เขาบอกว่าบ้านปากเหม็นควรจัดการเรื่องปาเลสไตน์
กับไอ้อิสให้เรียบร้อยเสียก่อน
ดูเหมือนลึกๆแล้ว อียิปต์ ก็ยังมีจุดยืนเหมือนเดิมอย่างเหนียวแน่น
คือ ไม่พอใจเรื่องไอ้อิส… ที่มาเป็นเสี้ยนอยู่กลางดงตะวันออกกลาง
และโดยเฉพาะ มายึดเอาดินแดนของพวกปาเลสไตน์ไป
แล้วอยู่ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี คศ 2011… ขณะที่ มูบารัค
คิดว่าการปกครองอียิปต์ของตัวที่ผ่านมา 30 ปี ไม่มีปัญหาหนักหนาอะไร
ก็เกิดเหตุการณ์ ที่เรียกว่า “อาหรับ สปริง”(Arab Spring) ขึ้นมาในอียิปต์
ชาวอียิปต์เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา พร้อมด้วยความรู้สึก
ที่เหมือนกันหมด เหมือนถูกสะกดจิตหมู่
จากการส่งข้อความให้กัน ผ่านโซเชียลมีเดีย
ว่า เราเบื่อผู้นำประเทศของเรา ที่ไม่ได้ทำอะไรให้พวกเราอยู่ดีกินดีขึ้น
แต่พวกมันที่ปกครองเรา กลับรวยเอา รวยเอา…
ใครเห็นเหมือนเรา ก็เชิญออกมาร่วมชุมนุมกัน ที่สี่แยกTahrir
ในวันที่ xx นะ
และอาการแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในอียิปต์เท่านั้น
มันลามไปเกือบทั่วตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในบรรดาประเทศ
ที่อยู่ในกระจุกเดียวกันทางด้าน อียิปต์ และเพื่อนบ้าน
ที่มีเส้นทางออกทะเล หรือ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดม
หรือ แม้กระทั่ง เป็นมิตรกับรัสเซีย…
บรรดาประเทศเหล่านั้น เช่น ลิเบีย ซีเรีย เลบานอน ตูนีเซีย
อัลจีเรีย มอรอคโค ฯลฯ
ที่อียิปต์ นั้น การออกมาชุมนุมประท้วงใหญ่ ได้ลุกลามลามไป
เกือบทุกเมือง มีการเผาสถานที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง
รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางด้านศิลปวัฒนธรรมของอียิปต์
ก็เหมือนโดนลูกหลง (หรือตั้งใจ?) ทำให้พินาศไปด้วย
สำหรับอียิปต์ ที่มีรายได้ไม่น้อย จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่ขึ้นชื่อลำดับต้นๆ ของโลก …
การชุมนุมและการทำลายทรัพย์สมบัติของชาติเช่นนั้น
มันคือความหายนะของประเทศ
เพราะทำให้การท่องเที่ยวอียิปต์ ได้หยุดชะงักไปหลายปี
และสภาพเศรษฐกิจของอียิปต์ ก็เลยยิ่งย่ำแย่ลง
หลังจากการประท้วงในอียิปต์ ดำเนินไปได้ 20 วัน
มูบารัค ก็จำใจประกาศลาออก พร้อมกับรองปธน ของเขา…
และส่งมอบการปกครองอียิปต์ ให้แก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
และในเดือนเมษายน คศ 2011 …มูบารัค พร้อมด้วยลูกชาย
ของเขาอีก 2 คน ก็โดนข้อหา ว่าโกงกินและใช้อำนาจเกินหน้าที่
และ จบลงด้วยการถูกพิพากษาในปี คศ 2012 ให้จำคุกตลอดชีวิต
แม้จะขอบรรเทาโทษอ้างว่าป่วยหนัก ก็ไม่สำเร็จ
มูบารัค ติดคุกจริง …ไม่ใช่ติดคุกแต่ชื่อ !!
1
(หมายเหตุ: ต่อมา มูบารัค ขออุทธรณ์
และใน ปี คศ 2015 เขาได้รับลดหย่อนโทษ และได้ย้าย
ไปนอนป่วย อยู่ในโรงพยาบาลของทหารระหว่างต้องโทษ
และในปี คศ 2017 …มูบารัคก็ได้รับการปล่อยตัว…
3 ปีหลังจากนั้น มูบารัค ก็เสียชีวิต
และได้รับเกียรติในการจัดการพิธีศพ
เยี่ยงอดีตประธานาธิบดีคนหนึ่ง)
ระหว่างนั้น ในอียิปต์ก็วุ่นวายหนัก ไม่รู้ใครเป็นผู้ปกครองกันแน่
มีรายงานว่า ในวันที่ 29 ธันวาคม คศ 2011…
ตำรวจอียิปต์ ยังไปรื้อค้นและกวาดล้างสำนักงานของพวกเอนจีโอ
ที่เป็นของอียิปต์เอง และของต่างชาติ รวมทั้งหมด 17 แห่ง
และ รวมทั้งสำนักงานสำคัญ ของบ้านปากเหม็น เช่น
International Republican Institute (IRI), the National Democratic
Institute (NDI), Freedom House และ Konrad Adenauer Foundation
ของเยอรมันด้วย …ด้วยข้อหาว่า “ให้เงินทุน” สนับสนุนการชุมนุม
แก่ชาวอียิปต์… เพื่อต่อต้านรัฐบาลอียิปต์
มีข่าวลือ บอกว่า ไอ้ปากเหม็นกริ้วจัด และขู่ว่า “จะระงับ”
การให้งบการทหารจำนวน 1.3 พันล้านเหรียญ
และ อีก 250 ล้านเหรียญ ที่บ้านปากเหม็นได้จ่ายให้เป็นรายปี
แต่ฝ่ายผู้ปกครองอียิปต์ตอนนั้น บอกว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้
แต่ข่าวจริง ยืนยันว่าในพวกเอนจีโอสายบ้านปากเหม็นนั่น
ดันมีพรรคพวกลูกหลานและคนใกล้ชิด ของรัฐมนตรีและสมาชิกสภา
ของบ้านปากเหม็น ติดร่างแหโดนกวาดไปด้วย …
นอกจากนี้ นางแนนซี่ โอเคล (Nancy Okail) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ
ขององค์กรจอมเสือก Freedom House ประจำ สนง อียิปต์
ยังโดนอียิปต์ตั้งข้อหา ว่านำเงินเข้าประเทศอียิปต์เป็นจำนวนมาก
“อย่างไม่ถูกกฏหมาย”
คงทำนองใส่ถุงเมล์สถานทูตเข้ามา
เรื่องทำนองนี้ทำกันประจำ ไม่ว่าที่ไหน
คำถาม คือ ไอ้พวกเสือก ขนเอาเงินสดๆ
เข้ามาในบ้านคนอื่น เป็นจำนวนมากมายทำไม
ต่อมาได้มีการเจรจากัน ระหว่างระดับสูงมาก
ของบ้านปากเหม็น กับอียิปต์…
และในที่สุดฝ่ายอียิปต์ ก็ตกลงยินยอมปล่อยตัว
ไอ้พวกเอนจีโอสายไอ้ปากเหม็น ให้กลับไปปากเหม็นอยู่ที่บ้านตัวเอง
และสัมพันธ์ ระหว่างบ้านปากเหม็น กับ อียิปต์
ก็เหมือนส่ออาการร้าว…
เมื่อตอนที่มูบารัค ถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
และต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิตในปลายปี คศ 2012 นั้น
แต่ชาวอียิปต์ ก็ดูเหมือนยังไม่พอใจ และเกิดการประท้วงรายการใหม่อีก
บอกว่า เราต้องการผู้ปกครอง “ที่ไม่ใช่เป็นทหาร”
คราวนี้พวกประท้วง ได้ไปบุกตะลุยใส่สถานทูตของบ้านปากเหม็น
ในกรุงไคโร พร้อมกระชากธงชาติของบ้านปากเหม็นลงมา
และ ชักธง ที่มีสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามขึ้นไปแทน
เออ เข้าใจเล่นนะ
และชาวอียิปต์ ก็จัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่
อย่างรวดเร็ว ในปลายปี คศ 2012 นั้นเอง
แล้วผู้ที่ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของอียิปต์ ในปีนั้น ก็ไม่ไช่เป็นทหาร
แต่เป็นชาวอียิปต์ …ที่เคร่งศาสนาอย่างมาก คือ นายโมฮัมเหม็ด มอร์ซิ
(Mohamed Morsi) ซึ่งสังกัดกับกลุ่ม Muslim Brotherhood
ที่ได้ชัยชนะอย่างฉิวเฉียด
จากนโยบาย…เรา จะปกครองอียิปต์ ตามหลักของศาสนา
นายมอร์สิ เป็นม้ามืดจริงๆ …ไม่รู้เข้าวินมาได้ยังไง
แต่หลังจากเขาได้รับตำแหน่งได้ไม่ถึง 2 เดือน…
คุณนายหน้าโหดคลินตัน ที่ตอนนั้น หล่อนเป็น รมว ตปท
ของบ้านปากเหม็น ก็รีบไปเยี่ยมอียิปต์ทันที
และแสดงท่าทีว่าพอใจมาก…ที่อียิปต์ ได้ประธานาธิบดี
ที่ไม่เป็นทหาร…และคราวนี้ ประชาธิปไตยจะได้บานแฉ่งในอียิปต์
1
ดูเหมือนการที่ รมต ตปท ของประเทศหนึ่ง
(เสือก)ไปเยี่ยมอีกประเทศหนึ่ง …ในขณะที่ประชาชนของเขา
เพิ่งมีเรื่องแตกแยกกันอย่างหนัก และประท้วงกันซ้ำซ้อนอย่างนั้น
น่าจะไม่ถูกมารยาททางการทูต
แต่ไม่มีปัญหา ไอ้ปากเหม็น ทำได้ทั้งนั้น
แต่ขณะที่คุณนายหน้าโหด ไปฉุยฉายอยู่ที่อียิปต์นั้น
กลับมีข่าวลือว่อนออกมาถึงนอกบ้านปากเหม็น
ว่าการที่นายมอร์ซิ ได้เป็น ปธน ของอียิปต์นั้น
มันเป็นโผล็อก… เข้าใจไหม
เพราะ นางฮูม่า อาเบอร์ดิน (Huma Aberdin) ผู้ช่วยหญิงคนสนิทมากกก
ของคุณนายหน้าโหด (สนิทมากถึงขนาดมีข่าวลือ
ว่า นางฮูม่า นอนค้างบ้านเจ้านายเป็นประจำ) นั้น
หล่อนเป็นพวก Muslim Brotherhood
และเป็นทั้งครอบครัว ตั้งแต่ พ่อแม่ ถึง น้องชาย
และพ่อแม่ของนางฮูม่า ยังเป็นหัวหน้าระดับใหญ่คนหนึ่ง
ที่ทำงานให้กลุ่ม Muslim Brotherhood ในแดนซาอูฐ …
อย่าลืมว่า ซาอูฐ นั้น มีความสัมพันธ์ระดับอยู่บนหิ้ง
ของบ้านปากเหม็น
ข่าวว่อน ยังอ้างว่า เครื่องคอมพ์ของคุณนายหน้าโหด
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รัฐจัดให้ในฐานะ ตำแหน่ง รมว ตปท
และเป็นเครื่องมือที่เจ้าตัว “เท่านั้น” จะใช้ได้ เพราะมีข้อมูลลับระดับชาติ
แต่คุณนาย ก็เอาไปให้นางฮูม่าคนโปรดใช้เฉยเลย
และ หัวหน้าเอฟบีไอ ซึ่งไม่รู้อยู่ฝ่ายไหน…ได้ไปทำการตรวจสอบ…
จากการตรวจสอบ ได้ความว่าคุณนาย “ให้รหัสผ่าน” เข้าเครื่องแก่นางฮูม่าจริง
และ มีรายการสื่อสาร ระหว่างนางฮูม่า กับ อีกหลายคน
ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในบ้านปากเหม็นด้วย
แต่คุณนายและนางฮูม่ามก็ไม่ได้ถูกสอบสวน
หรือถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
แล้วเรื่องก็เงียบหายวับไป อย่างรวดเร็ว
ตกลง นายมอร์ซิ เป็นคนของใครกันแน่
ใครส่งมา…ส่งมาทำไม …น่าสงสัยจัง
และทำไม มูบารัค ถึง “โดน” เล่นงานหนักเจียนตายถึงขนาดนั้น
สวัสดีครับ
จาก คนเล่านิทาน
7 พฤษภาคม 2567
เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
ภาพประกอบจากกูเกิล
โฆษณา