เทคนิคจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core & Satellite มั่นคงระยะยาว ชิงโอกาสระยะสั้น ไม่หวั่นสภาวะตลาดผันผวน
💰การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ มากน้อยต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการจัดพอร์ตกลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนแต่ละคนเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและการรับความเสี่ยงได้ของตัวเอง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าสภาวะเศรษฐกิจทั้งในบ้านเราเองหรือระดับโลกก็ตามในตอนนี้มีความผันผวนเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
อาจจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด ความตึงเครียดด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อหรือดอกเบี้ยที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดได้ในเร็ววันนี้ หรือแม้แต่สภาพอากาศที่แปรปรวนต่างๆ ก็ส่งกระทบต่อเศรษฐกิจมากมายในหลายๆ ประเทศ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นที่สามารถกระทบกับพอร์ตการลงทุนของเราได้ทั้งสิ้น
หากเราเป็นนักลงทุนที่สามารถติดตามข่าวสารได้อยู่ตลอดเวลา การวิเคราะห์ข้อมูลและหาจังหวะเข้าซื้อสินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสมกับช่วงเวลา/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
🤔เพียงแต่ว่า...ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนั้นได้
คนธรรมดาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็นนักลงทุนมืออาชีพ ไม่ได้มีเวลานั่งติดตามข่าวเศรษฐกิจการเงินทุกวัน จึงต้องการแนวทางและเทคนิคการจัดพอร์ตลงทุนของตัวเองที่ใช้เวลาจัดการไม่ต้องเยอะมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างผลตอบแทนในระยะยาวตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ด้วย
วันนี้ทาง aomMONEY มีโอกาสได้พูดคุยกับ “คุณเล็ก-พยนต์ พงศาวรี” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานฝ่าย Wealth Products and Strategy บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เกี่ยวกับเรื่องนี้
“สำหรับนักลงทุนทั่วไป จุดเริ่มต้นที่ดี ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะไหนก็ตาม เราสามารถใช้การจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation ด้วยคอนเซ็ปต์ Core & Satellite ได้เลย เบสิกพื้นฐานของมันคือการกระจายความเสี่ยงและการจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมายของการลงทุน”
🛰️ Asset Allocation ด้วยคอนเซ็ปต์ Core & Satellite คืออะไร?
มีคำกล่าวคลาสสิกหนึ่งที่บอกว่า “Don’t put all eggs in one basket” หรือ อย่าเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะถ้ามันตะกร้ามันร่วงไข่ทั้งหมดที่เรามี (เงินของเรา) จะได้ไม่หายไปทั้งหมดในคราวเดียว
Asset Allocation คือ การจัดสรรสินทรัพย์ กระจายการลงทุนไปในหลาย ๆ สินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือเงินสด โดยกำหนดสัดส่วนไว้ในแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะสม
คำถามต่อมาคือ...แล้วจะจัดสรรยังไงให้เหมาะสมกับตัวเราหรือความต้องการของเราละ?
คุณเล็กบอกว่า “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะของชีวิตและการรับได้ของความเสี่ยงของแต่ละคน หากเราอายุยังน้อย ก็อาจจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากหน่อย พวกหุ้นหรือกองทุน ส่วนตราสารหนี้ก็อาจจะน้อยหน่อย แต่พออายุมากขึ้นก็ปรับตามกันไป”
“การลงทุนหรือจัดพอร์ตแบบนี้อาจจะไม่ได้ทำให้คุณถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แต่คนส่วนใหญ่ที่จัดพอร์ตแบบนี้จะถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ในระยะยาว ที่แม้จะไม่เร็ว แต่ความผันผวนของตลาดและปัจจัยทางเศรษฐกิจ หรือวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นแทบจะไม่กระทบกับการลงทุนในระยะสั้นยาวเลย หากจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation ที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายๆ สินทรัพย์ ในระยะยาว”
การจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation มีหลายแนวทาง ซึ่ง Core & Satellite คือหนึ่งในรูปแบบการทำ Asset Allocation ยอดนิยมที่นักลทุนชื่อดัง อย่าง Warrent Buffet ก็เลือกใช้ ข้อดีของการจัดพอร์ตในรูปแบบนี้คือความยืดหยุ่น เป็นการจัดสรรพอร์ตลงทุนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถแสวงหาโอกาสในการลงทุนระยะสั้นตามแต่สภาวะตลาดได้ด้วย
อยากให้ลองนึกภาพระบบสุริยจักรวาลของเราก็ได้ครับ
🌞พระอาทิตย์อยู่ตรงกลาง ส่วนนี้เรียกว่า Core หรือศูนย์กลาง เป็นส่วนหลักของสร้างการลงทุนในระยะยาว
🪐ดาวเคราะห์ต่างๆ ที่วิ่งวนรอบๆ ดวงอาทิตย์ ส่วนนี้เรียกว่า Satellite หรือส่วนเสริม เป็นส่วนที่ทำเป้าหมายการเงินในระยะกลาง-สั้น
📌เป้าหมายและคุณสมบัติของกลุ่ม Core
เน้นการลงทุนระยะยาว (2 - 3 ปีขึ้นไป) ซื้อขายไม่บ่อย จึงทำให้ไม่ต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นทั้งในและต่างประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง งบการเงินมั่นคง และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนให้กับพอร์ตลงทุนโดยรวม ลดผลกระทบจากการตัดสินใจผิดพลาด ลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจลงทุนด้วยอารมณ์ของนักลงทุน
ตัวอย่างการลงทุนในส่วน Core เช่น กองทุนรวมดัชนี กองทุนรวมตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นรายตัวขนาดใหญ่กลุ่มหุ้นคุณค่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตระดับ Investment Grade เป็นต้น
📌เป้าหมายและคุณสมบัติของกลุ่ม Satellite
เน้นลงทุนระยะสั้นถึงปานกลาง บางคนที่มีเวลาเยอะหน่อยก็อาจจะเป็นระดับเดือน หรือคนที่มีเวลาน้อยก็อาจจะระดับ 2-3 ไตรมาสก็ได้ เป็นการชิงจังหวะของตลาดในช่วงนั้น
เพื่อความคล่องตัวของพอร์ตลงทุน และโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนในระยะสั้น
* ตัวอย่างการลงทุน เช่น กองทุนรวม Thematic หรือ Sector Fund หุ้นรายตัวขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น กลุ่มเทคโนโลยีหรือกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย หุ้นประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น
🛑 สิ่งที่ต้องระวัง
การจัดขนาดพอร์ต Core & Satellite ก็แล้วแต่ระยะเวลาในการลงทุนที่เรามีและความเสี่ยงที่เราสามารถรับได้ คนที่รับความเสี่ยงได้เยอะหน่อย ตัว Core ก็อาจจะมีสัก 60% และ Satellite 40% แต่ถ้าอายุเยอะขึ้นแล้วรับความเสี่ยงได้น้อยลงตัว Core ก็อาจจะมีมาก 70-80% ส่วน Satellite 20-30% ตามความเหมาะสมและเป้าหมายของเรา
“เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเราต้องมีการจัดสัดส่วนพอร์ตให้สมดุลอยู่เสมอ ไม่ให้หนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป”
📌ข้อเสียของระบบนี้ก็มีเช่นเดียวกัน
▶️1. การจัดพอร์ตแบบนี้ไม่ใช่ว่าจัดแล้วปล่อยมือได้เลย บางทีส่วน Core ที่มีสินทรัพย์หลายๆ อย่าง บางครั้งถ้าหุ้นขึ้นเยอะๆ สัดส่วนก็จะบวม ต้องมารีวิวจัดสมดุลกันด้วย
▶️2. ส่วนของ Satellite ที่ลงทุนไป ตลาดอาจจะไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่คิด ก็ต้องมาดูว่าจะตัดออก หรือจะอยู่ต่อ
เทคนิคในการเลือกส่วนของ Core Portfolio ก็คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง กระจายให้มากหน่อย โอกาสในความผันผวนให้น้อย ส่วนของ Satellite Portfolio คุณเล็กเน้นว่า เราต้องเข้าใจพื้นฐานของสิ่งที่ลงทุน “จะไปตามหุ้นปั่นอะไรแบบนี้ไม่ได้ หรือข่าวลือ อันนั้นไม่ใช่ เราต้องประเมินว่ามันมีโอกาสเติบโตได้จริงๆ”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะใช้การจัดพอร์ตแบบไหน กระจายความเสี่ยงยังไงก็ตาม มันก็มีโอกาสขาดทุนได้ แต่อย่างที่คุณเล็กบอกว่าการจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation ด้วยคอนเซ็ปต์ Core & Satellite สามารถช่วยลดความเสี่ยงเหล่านั้นลงได้ และในระยะยาวแล้วคนส่วนใหญ่ที่จัดพอร์ตแบบนี้จะถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ในระยะยาว แม้จะไม่เร็วก็ตาม
การลงทุนที่ดีที่สุด อาจจะไม่ใช่การลงทุนที่ได้ผลกำไรมากที่สุดหรือเร็วที่สุด แต่เป็นการลงทุนที่ทำให้กลางคืนไม่ต้องนอนเอาขาก่ายหน้าผากแล้วตาค้างนอนไม่หลับ
“ช้าๆ แต่มั่นคง” คตินี้ยังใช้ได้เสมอ
- โสภณ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ #aomMONEY)
#MakeRichGeneration #Investment #ลงทุน #แนวทางการลงทุน #จัดพอร์ตลงทุน #CoreSatellite
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
