13 พ.ค. เวลา 11:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีคนเป็น “โรคอ้วน” มากที่สุดในโลก

🍔 อาหารจานด่วนในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่กว่าในปี 2493 ถึง 4 เท่า !
เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ชาวอเมริกันเป็น “โรคอ้วน” มากที่สุดในโลก
🧐 โรคอ้วน หมายถึง ภาวะทางการแพทย์ที่มีไขมันส่วนเกินในร่างกาย และมีดัชนีมวลกาย หรือ BMI มากกว่า 30 กิโลกรัม/ตารางเมตร (สำหรับชาวเอเชียจะเป็น BMI > 25)
1
โดยจากข้อมูลของ The World Fact Book - CIA ในปี 2567 ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 20 ปี เป็นโรคอ้วนถึงร้อยละ 42.7 ซึ่งหากคิดเป็นจำนวนประชากรแล้ว จะมีจำนวนถึง 70 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในโลก
นอกจากผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 42.7 % จะเป็นโรคอ้วนแล้ว ยังมีผู้ใหญ่อีกราว 30.7 % ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน คือมี BMI > 25 กิโลกรัม/ตารางเมตร
🫀เท่ากับว่า ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันถึง 7 ใน 10 คน ล้วนมีปัญหาภาวะโภชนาการเกิน ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงไปยังโรคเรื้อรังต่าง ๆ ทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
โรคอ้วน ยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุขอเมริกันสูงถึง 173,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวอเมริกันมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น?
ศูนย์น้ำหนักและสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า อาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญ โดยเฉพาะอาหารที่ราคาถูกในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งนอกจากปัจจัยด้านอาหารแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
🚗 การกินอาหารนอกบ้าน
มากกว่าครึ่งของรายจ่ายค่าอาหารของชาวอเมริกัน เป็นรายจ่ายสำหรับร้านอาหารนอกบ้าน จากการสำรวจเมื่อปี 2558 พบว่าชาวอเมริกันใช้จ่ายเงินในการซื้ออาหารสำเร็จรูป มากกว่าการซื้อวัตถุดิบในร้านค้า
ซึ่งนักวิจัยระบุว่าเมื่อกินอาหารนอกบ้าน ผู้คนมักจะกินมากกว่าเดิม และได้รับพลังงานมากกว่าเดิม 20 - 40 % เมื่อเทียบกับการทำอาหารเองที่บ้าน
🍔 ขนาดของอาหารที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อกินอาหารนอกบ้าน ทุกคนย่อมต้องการความคุ้มค่ามากที่สุด จากการสำรวจพบว่า อาหารจานด่วนขนาดใหญ่ในปัจจุบันนั้น ใหญ่กว่าขนาดใหญ่ในปี 2493 ถึง 4 เท่า
📈 ด้วยปริมาณที่มากขึ้น ค่าเฉลี่ยของพลังงานที่ชาวอเมริกันได้รับในแต่ละวันจึงเพิ่มขึ้นตาม
จากเดิมในปี 2513 ค่าเฉลี่ยที่ได้รับในแต่ละวันอยู่ที่ 3,000 กิโลแคลอรี
แต่ในปี 2561 นั้นชาวอเมริกันได้รับพลังงานถึง 3,782 กิโลแคลอรีต่อวัน
พลังงานที่ได้รับต่อวันของคนอเมริกัน มากกว่าคนไทยถึง 35 %
และจะยิ่งสูงมากขึ้นในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพราะบรรดาอาหารจานด่วนที่มีราคาถูกนั้นมีพลังงานสูงมาก
🥤 ชาวอเมริกันนิยมดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
ในปี 2562 ชาวอเมริกันดื่มน้ำอัดลมกระป๋อง ขนาด 8 ออนซ์ เฉลี่ยคนละ 618 กระป๋องต่อปี
ซึ่งมากกว่าชาวญี่ปุ่น 5 เท่า มากกว่าชาวจีน 11 เท่า และมากกว่าชาวอินเดียถึง 34 เท่า
อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน คือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ชาวอเมริกันนั่งนานขึ้นเมื่อเทียบกับ 15 ปีที่แล้ว ถึง 15 % ยิ่งกระฉับกระเฉงน้อยลง พลังงานที่ถูกเผาผลาญตลอดทั้งวันก็จะยิ่งน้อยลง
ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ประมาณ 2 ใน 3 ของชาวอเมริกัน กล่าวว่าเฉพาะกำลังใจเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสําหรับคนส่วนใหญ่ที่พยายามลดน้ําหนัก
💊 นั่นทำให้ยาประเภทใหม่ที่ช่วยให้ผู้คนลดน้ําหนักกำลังเป็นที่สนใจ โดยเฉพาะยาในกลุ่ม GLP-1 ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนจากลำไส้เล็ก ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และยังยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ลดความอยากอาหาร ทำให้น้ำหนักตัวลดลง จึงมีการต่อยอดมาสู่การรักษาภาวะน้ำหนักเกินด้วย
ตัวอย่าง เช่น ยา Mounjaro จากบริษัท Eli Lilly (NYSE : LLY) บริษัทยาที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก
รวมถึงยา Ozempic และยา Wegovy จากบริษัท Novo Nordisk (NYSE : NVO) บริษัทยาสัญชาติเดนมาร์กที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของโลก
1
ซึ่งทั้ง 2 บริษัทล้วนมีรายได้หลักกว่า 50 % มาจากสหรัฐอเมริกา การเติบโตอย่างรวดเร็วของยอดขายยาในกลุ่ม GLP-1 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มูลค่าของบริษัทยาทั้ง 2 แห่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
📈 ถึงแม้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ J. P. Morgan Research ก็ได้คาดการณ์ว่า
ขนาดตลาดของยากลุ่ม GLP-1 จะสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 ล้านล้านบาทในปี 2573 ด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโต ก็ย่อมดึงดูดให้บริษัทยาอื่น ๆ ก้าวเข้ามาแข่งขันวิจัยและพัฒนายาลดน้ำหนักมากขึ้น
ก็ต้องติดตามต่อไปว่า จะมีการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยมากขึ้น
1
แต่จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีของทั้ง 2 บริษัทยา
นักลงทุนคงมองว่า “โรคอ้วน” กับชาวอเมริกัน คงจะอยู่คู่กันไปอีกนาน..
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ  
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยแหล่งข้อมูลสาธารณะ ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการต่าง ๆ ที่ปรากฏโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
มูลค่าบริษัท ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2567
════════════════════                   
#เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน                   
════════════════════                   
Dime! เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุก เพื่อความสุขอย่างเท่าเทียมของทุกคน                   
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0007-02
โฆษณา