Feynman Technique เทคนิคการเรียนที่ทำให้คุณเรียนเก่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน
การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกๆคน ซึ่งแต่ละคนก็เรียนรู้ในเรื่องที่แตกต่างกันไป มีความยากง่ายและซับซ้อนไม่เหมือนกัน ซึ่งผมอยากแนะนำเทคนิคการเรียนรู้เทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
เทคนิคการเรียนนั้นก็คือ Feynman Technique
Feynman Technique คือ เทคนิคการเรียนของ Richard Feynman นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน
ซึ่งเทคนิคนี้แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ
1. เลือกหัวข้อที่เราสนใจ
หากคุณชอบเรื่องอะไร ก็ศึกษาเรื่องนั้นๆ จากนั้นให้นำมาแตกเป็นหัวข้อย่อยๆให้ละเอียด ศึกษาแต่ละหัวข้อและอธิบายออกมา แล้วหาความเชื่อมโยงของหัวข้อแต่ละหัวข้อที่คุณลิสต์ออกมา
2. นำไปสอนผู้อื่น
เมื่อคุณศึกษาเรื่องที่คุณสนใจแล้ว ให้นำไปอธิบายให้ผู้อื่นฟังโดยใช้ภาษาของคุณในแบบที่คุณเข้าใจ (อธิบายตามความเข้าใจของคุณ)
3. หาจุดที่คุณต้องปรับปรุง
เมื่อคุณอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว ให้ขอ feedback จากการสอนของคุณ และเก็บ feedback กลับมาปรับปรุงตัวคุณเองว่าจุดไหนที่คุณยังไม่เข้าใจดีพอ
Ex. ถ้าเขาไม่เข้าใจคุณ บางทีคุณอาจจะใช้ศัพท์เทคนิคแล้วเขาไม่เข้าใจ ดังนั้นคุณต้องทำให้เขาเข้าใจศัพท์เทคนิคอย่างชัดเจน อาจจะใช้วิธีการเปรียบเทียบ/ยกตัวอย่าง
4. ทำซ้ำและทำให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
เมื่อคุณทำขั้นตอนที่ 3 เสร็จ ให้ทำวนลูปที่ขั้นตอนที่ 2 ซ้ำเพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งการใช้เทคนิคนี้ในการเรียนก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย นั่นคือ
ข้อดี
- ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
- ช่วยให้จำเนื้อหาได้นานขึ้น
- ช่วยระบุจุดอ่อน/จุดที่เรายังเข้าใจไม่ดีพอในความรู้ของเรา
- ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารของคุณให้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยแบ่งปันความรู้ของคุณให้กับผู้อื่น
ข้อเสีย
- อาจจะทำให้มีความยากลำบากในการเรียน
- จำเป็นต้องมีคนฟัง
- อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน Ex. ไม่มีคนฟังคุณ
สรุปคือ การใช้ Feynman Technique จะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้นและทำให้คุณพบจุดอ่อน/จุดที่คุณยังไม่เข้าใจดีพอ (ยังไม่แม่น)
ถ้าคุณชอบเทคนิคการเรียนนี้อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียนของคุณ เพราะถ้าคุณอ่านแต่ไม่นำไปใช้ผลลัพธ์ก็เท่ากับ 0
หากคุณชอบบทความนี้และคิดว่าเป็นประโยชน์ ฝากกดหัวใจ กดติดตาม กดแชร์ และถ้าคุณมีความคิดเห็นกับบทความนี้หรือมีคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์ได้เลยครับ 🙂
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
