15 พ.ค. 2024 เวลา 05:58 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

หวังจิง ห่วย ไม่ห่วย ข้าไม่สน แต่ข้าคือ ราชาทำเงิน

หวังจิงเพิ่งมีอายุครบ 69 ปี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมเดือนนี้ เป็นคนหนึ่งที่สามาถใช้คำว่า "ตำนาน" ได้อย่างเต็มปาก และเรื่องนี้คือแรงผลักให้เขากลายเป็นราชาหนังห่วยที่พ่อค้าหนังรัก
⭐️⭐️⭐️
เพื่อจะได้เป็นผู้กำกับหนัง หวังจิงยอมรับเงินเดือนที่ต่ำที่สุดเท่าที่ชอว์ บราเดอร์สจะให้เขาได้
เขาต่อรองกับรัน รัน ชอว์ว่า
"ผมขอเงินเดือนต่ำที่สุด แต่พนันกันไหมว่าหนังผมจะทำเงิน แล้วผมขอส่วนแบ่งมากที่สุด มากกว่าผู้กำกับของชอว์ทุกคนเคยได้ "
ไม่รู้ว่ารัน รัน ชอว์ คิดอะไร แต่เขาชอบไอ้หนุ่มคนนี้ อยากจะวางเดิมพันกับหวังจิง
"โอเค อั๊วชอบความคิดลื้อ แต่เอาอย่างนี้นะ ถ้าหนังไม่ทำเงิน ลื้อต้องเป็นหนี้หัวโตด้วยนะ"
ผลปรากฏว่าหนัง ทำให้หวังจิงได้รับส่วนแบ่งมากถึง 250,000 ดอลลาร์ฮ่องกง
ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าผู้กำกับหนังชอว์ได้รับส่วนแบ่งมากถึงขนาดนี้ ขนาดฉู่หยวนยังเคยได้รับสูงสุดแค่ 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกงเท่านั้น
🚩🚩🚩
ตอนที่หวังจิงเข้าวงการใหม่ๆ ฉู่หยวนสั่งสอนน้องร่วมวงการไว้ว่า สำหรับผู้กำกับแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำหนังเพราะรักที่จะทำ ไม่ใช่คิดทำเพื่อเงินเพราะนั่นคืออาชญากรรมร้ายแรง
หวังจิงน้อมรับคำสอบของผู้อาวุโส แต่สำหรับเขาแล้วหนังต้องทำเงิน ไม่มีใครสนใจหรอกว่าหนังคุณมันจะดีหรือห่วย หากคุณทำเงินเต็มกระเป๋าให้นายทุน แล้วเขาจะไม่มายุ่งกับคุณ คุณอยากทำอะไรก็ทำได้
สำหรับผู้กำกับหนังแล้ว มันมีเส้นบางๆ ระหว่างคำว่า GOD และ DOG อยู่ที่ว่าคุณจะให้ตัวอักษรใดนำหน้า
🚩🚩🚩
พ่อของหวังจิงคือหวังเทียนหลินหรือหว่องทินลาม เป็นทั้งนักเขียนบท นักแสดง ผู้สร้าง ผู้กำกับทั้งหนังและละคร มีผลงานต่อเนื่องยาวนานถึงหกทศวรรษ เขากำกับละครทีมีดังๆ มากมาย(ที่พอจำได้ก็มีหงส์ผงาดฟ้า ปี 1976 ที่มีหลิวสงเหรินเป็นเล็กเซียวหงส์ แล้วก็กำกับหนังไทย-ฮ่องกงเรื่องกตัญญูปกาสิต Flame in Ashe ฉบับปี 1958) หวังเทียนหลินประสบความสำเร็จในอาชีพจนได้รับรางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จ
แต่สำหรับผู้บุตรแล้ว ใครจะคิดว่าหว้งจิงซึ่งอยู่ในวงการหนังและโทรทัศน์มาตลอดชีวิต มีผลงานทั้งสร้าง กำกับ ไม่ต่ำกว่า 160 เรื่อง ไม่เคยได้รับรางวัล Hong Kong Film Awards เลย เขายังเป็นที่รู้จักในนาม "ราชาหนังห่วย" เนื่องจากการผลิตที่เร่งรีบ ตีหัวเข้าบ้าน โครงเรื่องที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ขาดความลึก และอุดมการณ์ แต่เขาเป็นนักการตลาดอ่านเกมเก่ง และเป็นผู้นำกระแสหนังทำเงิน หวังจิงบอกว่าสำหรับเขาแค่นี้ก็ดีแล้ว ดีกว่าได้รางวัลมากอดแต่ไม่มีเงินใช้
หวังจิงบอกว่าเขาอ่านวรรณกรรมคลาสสิกของจีนสี่เล่มจบเมื่ออายุ 9 ขวบ และอ่านผลงานทั้งหมดของกิมย้งเมื่ออายุ 11 ขวบ ในโรงเรียนก็ได้รับการยอมรับว่ามี IQ และ EQ สูงกว่าเด็กทั่วไป(ผมว่าเขาต้องอัจฉริยะถึงทำผลงานนำกระแสเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของวงการในยุคๆ หนึ่งแบบไม่ต้องมีใครมาเถียงได้) ตอนที่อายุได้ 19 ปี ขณะที่ยังเรียนอยู่ที่ Chinese University of Hong Kong ตอนนั้นที่บ้านเขามีปัญหา เพราะแม่ติดการพนันจนเป็นหนี้ก้อนใหญ่
เพื่อช่วยแม่ปลดหนี้เขาจึงได้เข้าร่วมกับ TVB ในฐานะนักเขียนบท หวังจิงได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงาน TVB ในด้านความเร็วของการทำงานมาก
"เวลาที่เร็วที่สุดคือตอนที่ผมได้รับคำสั่งให้เริ่มละครเรื่องใหม่ให้ได้ภายในสองวัน หลังอาหารกลางวันประมาณ 14.30 น. ผมวิ่งเข้าไปในห้องนอน ปิดประตู ไม่ให้ใครรบกวน หยิบกระดาษมาสองสามแผ่น แล้วก็เปิดประตูตอน 6 โมงเช้า พร้อมกับบทที่สามารถถ่ายทำตอนแรกได้แล้ว พร้อมกันนั้นก็มีโครงร่างอีก 20 ตอน"
🟣 เหตุการณ์นี้เขาเรียกว่า"ปาฏิหาริย์ใน TVB"🟣
🔺🔺🔺
หวังจิงเห็นพ่อของเขาเป็นภาพสะท้อนที่เขาไม่ต้องการตามรอย พ่อได้รับความนับถือ แต่ไม่ช่วยให้ครอบครัวสุขสบาย ผู้กำกับที่รักในงานอย่างหวังเทียนหลินไม่สามารถหาเงินได้มากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของเขาได้ หวังจิงมักจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของพ่อเสมอ เขาเล่าว่า
“พอเข้าวงการ ผมก็บอกตัวเองว่าพ่อเป็นคนดีมาก แต่ผมจะเลียนแบบพ่อไม่ได้ คนดีมักโดนเอาเปรียบ ถูกรังแกง่ายเกินไป ผมเลยตั้งใจว่าจะเป็นคนที่ไม่มีใครมาเอาเปรียบหรือรังแกได้ ” แม้ว่าพ่อจะได้รับความเคารพจากนักแสดง และมีชื่อเสียงมาหลายปีก็ตาม "เวลาที่บ้านเราลำบาก หนังไม่ทำเงิน จะมีภาพใบหน้าที่โหดร้ายของนายทุนบริษัทหนังมาให้เห็น มันติดตาผม "
เมื่อพูดถึงอดีตอันน่าเศร้าของพ่อ ความโกรธของหวังจิงก็เห็นได้ชัดเจน เขาเห็นว่าต้องประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศเท่านั้น เขาจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดแบบพ่อได้ เขากล่าวว่า
“จริงๆ แล้วพ่อของผมเป็นคนซื่อสัตย์มาก เขาทำหนังเก่งมาก แต่ชีวิตก็ทำให้เขาเจ็บปวดมาก เหตุผลหนึ่งคือเขามีครอบครัวใหญ่ที่ต้องเลี้ยงดู แล้วงานเขาไม่ทำเงินพอ ความพยายามของเขาไม่ได้รับผลตอบแทนตามแรงที่ลงไป นี่เป็นสิ่งที่บริษัทหนังทำกับผู้กำกับคุณภาพในยุคนั้น”
หวังจิงเข้าสู่วงการในฐานะนักเขียนบท แต่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะดูถูกว่า "ต้องพึ่งพ่อ" เขาจึงอยู่ห่างจากบริษัทกนังและเข้าไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์เพื่อเขียนบทรายการตลกวาไรตี้ เขาทำงานสัปดาห์ละห้าวัน และใช้สมองคิดหาเรื่องตลกสั้นๆ ที่จะทำให้ผู้คนยิ้มได้ เขาทำงานนี้มาถึงห้าปีแล้ว โดยอาศัยแรงบันดาลใจและไหวพริบบวกการทำงานที่รวดเร็ว
สิ่งหนึ่งที่เพิ่มพูนมาอย่างไม่รู้ตัวเลย คือ การเขียนบทวาไรตี้ตลกที่ต้องตามสถานการณ์ทุกวันทำให้เขาต้องอ่านหนังสือทุกอย่างมากกว่าคนปกติ เขาอ่านหนังสือมากกว่า 200,000 คำในหนึ่งวัน มำนจึงกลายเป็นคลังแสงหรือกระเป๋าโดราเอมอนให้เขาหยิบมาใช้ได้ไม่จบสิ้น
เรียกว่างานทีวีกลายเป็นฐานทำคัญของหวังจิงในการทำให้เขาเป็น "สิงห์ปืนไว" เมื่อเข้าสู่ตลาดหนัง เขาทั้งจับกระแสสังคมเก่า ทำงานเร็ว และแม่นยำในการกำกับ "ผู้ชม" ล้วนแล้วแต่มาจากการฝึกฝีมือที่สำนัก TVB ทั้งสิ้น
โฆษณา