26 พ.ค. 2024 เวลา 12:18

สุจาริณี วิวัชรวงศ์(ยุวธิดา ผลประเสริฐ)

สุจาริณี วิวัชรวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 มีชื่อแต่แรกเกิดว่า ยุวธิดา ผลประเสริฐ เป็นธิดาของธนิต ผลประเสริฐ และเยาวลักษณ์ โกมารกุล ณ นคร(วงศ์นาคน้อย) สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยนาฏศิลปเข้าสู่วงการแสดงจากการชักนำของศรินทิพย์ ศิริวรรณ โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า ยุวธิดา สุรัสวดี และยุวธิดา ผลประเสริฐ ที่เป็นชื่อจริงด้วย
เริ่มแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง"กฎแห่งกรรม" และ"มนุษย์ประหลาด" จากนั้นรับบทตัวประกอบในภาพยนตร์"15 หยก ๆ 16 ไม่หย่อน" เข้าฉายเมื่อปี พ.ศ. 2520) กำกับโดยชนะ คราประยูร และบทรองใน "เลือดในดิน" คู่กับสรพงศ์ ชาตรี และอรัญญา นามวงศ์ กำกับโดยสมสกุล ยงประยูร
และได้รับบทนำเป็น ช้อย ในภาพยนตร์เรื่อง"แสนแสบ" ในปี พ.ศ. 2521 คู่กับไพโรจน์ สังวริบุตร กำกับโดยไพรัช กสิวัฒน์ "ไอ้ถึก" ในปี พ.ศ. 2522 คู่กับสรพงศ์ ชาตรี กำกับโดยจรัล พรหมรังสี อำนวยการสร้างโดยชาญ มีศรี และ "หัวใจที่จมดิน" กำกับโดยเชาว์ มีคุณสุต คู่กับพิศมัย วิไลศักดิ์, พิศาล อัครเศรณี, อุเทน บุญยงค์ และมารศรี ณ บางช้าง
ช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2522 ยุวธิดาได้ออกจากวงการบันเทิง โดยปรากฏตามข่าวเพียงว่า "เธอ ยุวธิดา ผลประเสริฐ อดีตนางเอกดาวรุ่งหันหลังให้กับวงการบันเทิงด้วยความจำเป็นหลายประการ..."
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะนั้นยังดำรงพระยศเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถแล้ว ได้มีปฏิสันถารกับสุจาริณีที่ขณะนั้นเป็นนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียง และมีความสัมพันธ์ต่อกันช่วงปี พ.ศ. 2522-2530 ก่อนอภิเษกสมรสกัน สุจาริณีได้ให้ประสูติพระโอรส-ธิดา จำนวน 5 องค์ ได้แก่
จุฑาวัชร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านชายอ้วน (29 สิงหาคม พ.ศ. 2522)[15] สมรสกับริยา กอห์ฟ (Riya Gough)
วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านชายอ้น (27 พฤษภาคม พ.ศ. 2524)[16]
จักรีวัชร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านชายอ่อง (26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526)[17]
วัชรวีร์ วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านชายอิน (14 มิถุนายน พ.ศ. 2528)[18]
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา (8 มกราคม พ.ศ. 2530)
ล่วงมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 ทั้งสองได้อภิเษกสมรส โดยมีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินมาร่วมพิธี แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนีพันปีหลวงมิได้เสด็จพระราชดำเนินด้วย หลังพระราชพิธีอภิเษกสมรสจึงเปลี่ยนชื่อเป็น หม่อมสุจาริณี มหิดล ณ อยุธยา ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้มียศเป็น พันตรีหญิง แห่งกองทัพบกไทย และปรากฏตัวร่วมกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในพระราชพิธีต่างๆ
หลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อพ.ศ. 2539 หม่อมสุจาริณีและพระโอรส-ธิดาทั้งห้าองค์ได้ลี้ภัยไปยังประเทศอังกฤษด้วยเหตุขัดแย้งกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทำให้มีการโปรยใบประกาศรอบพระตำหนักนนทบุรี กล่าวหาว่าหม่อมสุจาริณีคบชู้กับพลอากาศเอกอนันต์ รอดสำคัญ ผู้ช่วยสมุหราชองครักษ์[19] ตามมาด้วยการถอดยศทหารอากาศคนดังกล่าว ด้วยข้อหาผิดวินัยและหลบหนีคดีอาญา
หลังหม่อมสุจาริณีลี้ภัยไปยังต่างประเทศ เธอและพระโอรสทั้งสี่องค์ถูกถอดจากฐานันดรศักดิ์และตำแหน่ง และใช้นามสกุลพระราชทานว่า วิวัชรวงศ์ ขณะที่หม่อมเจ้าบุษย์น้ำเพชร พระธิดาองค์เล็ก ได้กลับสู่ประเทศไทยโดยอยู่ในการดูแลของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร[22] ปัจจุบันคือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา[23][24] ส่วนสุจาริณีและพระโอรสทั้งสี่องค์ได้พำนักในสหรัฐจนถึงปัจจุบัน
โฆษณา