29 พ.ค. 2024 เวลา 07:48 • นิยาย เรื่องสั้น

วิญญาณวัดเก่า

วิญญาณวัดเก่า
เขียนโดย DKD
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย มีวัดเก่าแก่ที่ถูกลืมเลือน วัดนี้ตั้งอยู่ในป่าทึบและถูกทิ้งร้างมาหลายปี ไม่มีใครกล้าเข้าไปในวัดนี้ยามค่ำคืน เพราะมีเรื่องเล่าขานถึงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในนั้น
1
กาลครั้งหนึ่ง วัดนี้เคยเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมาก ผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมาที่นี่เพื่อทำบุญและสวดมนต์ แต่วัดนี้ต้องพบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เมื่อหลายร้อยปีก่อน เจ้าอาวาสและพระภิกษุหลายรูปถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือหรือเหตุใดถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตั้งแต่นั้นมา วัดก็ถูกทิ้งร้างและกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนกลัวเกรง
คืนหนึ่งที่มืดมิดและเงียบสงัด อ้อย นักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในเรื่องลึกลับ ตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ เธอได้ยินเรื่องเล่าจากชาวบ้านว่า ถ้าใครกล้าเข้าไปในวัดยามค่ำคืน จะได้พบกับวิญญาณของเจ้าอาวาสที่ยังคงสิงสถิตอยู่ในวัดนี้
เมื่ออ้อยเดินทางมาถึงวัด เธอเห็นรูปปั้นเก่าแก่ที่ถูกสภาพอากาศกัดกร่อน และโคมไฟที่มีแสงสลัวๆ สร้างเงาที่น่าขนลุก วัดถูกล้อมรอบด้วยป่าทึบ และที่ประตูทางเข้า เธอเห็นเงาร่างวิญญาณในชุดไทยลอยอยู่
อ้อยไม่ย่อท้อ เธอก้าวเข้าไปในวัด ภายในวัดมีแท่นบูชาเก่าๆ ที่มีเทียนเล่มเล็กๆ ส่องแสงริบหรี่ ที่แท่นบูชานั้น เธอเห็นพระสงฆ์ในรูปแบบของวิญญาณ นั่งสวดมนต์ด้วยดวงตาที่กลวงโบ๋ วิญญาณพระสงฆ์นี้เคยเป็นเจ้าอาวาสของวัด เมื่อเขาตายไป วิญญาณของเขาไม่สามารถละทิ้งวัดได้ และเขาสิงสู่อยู่ในวัดนี้ตลอดมา
อ้อยรู้สึกถึงความหนาวเย็นและความไม่สงบที่แผ่กระจายอยู่ทั่ววัด เธอพยายามสวดมนต์เพื่อส่งวิญญาณพระสงฆ์ให้ไปสู่สุคติ แต่ทันใดนั้น วิญญาณพระสงฆ์ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอ เขายื่นมือออกมาเหมือนขอความช่วยเหลือ อ้อยกลั้นใจและพยายามส่งเสริมให้วิญญาณพระสงฆ์ไปสู่ทางสว่าง
ทันใดนั้น เงามืดก่อตัวขึ้นรอบๆ ตัวอ้อย เธอรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นจากทุกทิศทาง เสียงกระซิบเหล่านั้นเป็นเสียงสวดมนต์เป็นภาษาโบราณที่เธอไม่เข้าใจ อ้อยพยายามเดินไปยังทางออก แต่ทางเดินกลับบิดเบี้ยวและเปลี่ยนทิศทาง
ภายในห้องโถงหลักของวัด เธอพบกับรูปปั้นพระพุทธรูปที่มีรอยเลือดแห้งเกาะอยู่ รูปปั้นเหล่านี้ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าๆ เมื่อเธอจ้องมองไปที่มัน อ้อยเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากขึ้น เธอรู้ว่าต้องหาทางออกจากวัดนี้ก่อนที่วิญญาณจะทำอะไรกับเธอ
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง หันกลับไปมอง เธอเห็นเงาร่างของพระสงฆ์ที่ไม่มีใบหน้าเดินมาทางเธอ อ้อยรู้สึกถึงความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เธอพยายามเร่งเดิน แต่ทางเดินกลับเต็มไปด้วยใยแมงมุมและเถาวัลย์ที่พยายามจะจับเธอไว้
ในที่สุด อ้อยก็พบกับประตูทางออก เธอวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก่อนที่เธอจะก้าวออกจากวัด เธอรู้สึกได้ถึงมือเย็นเฉียบที่จับข้อเท้าของเธอ วิญญาณเจ้าอาวาสยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น อ้อยสวดมนต์อีกครั้งและใช้แรงทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากการจับกุม
ทันใดนั้น ประตูทางออกก็เปิดออก อ้อยพุ่งออกไปจากวัดและหันกลับมามอง เธอเห็นวัดทั้งหลังจมอยู่ในความมืดและเสียงสวดมนต์ค่อยๆ เบาลงจนหายไปในที่สุด
เธอรู้ว่าเธอได้รอดพ้นจากวัดแห่งความวิปโยค แต่เธอก็ยังคงรู้สึกถึงความหนาวเย็นของวิญญาณที่ตามติดตัวเธอออกมาจากวัด อ้อยสาบานว่าจะไม่กลับไปที่วัดนั้นอีกและจะเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นๆ ได้ฟังเป็นอุทาหรณ์
เมื่อเธอกลับมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างตกใจและแปลกใจที่เห็นอ้อยรอดกลับมา พวกเขาเล่าว่าไม่มีใครเคยกลับมาได้จากวัดแห่งนั้นในยามค่ำคืน อ้อยเล่าเรื่องราวที่เธอประสบให้พวกเขาฟัง ชาวบ้านจึงตัดสินใจที่จะทำพิธีกรรมเพื่อปลดปล่อยวิญญาณของพระสงฆ์ที่สิงสู่อยู่ในวัด
ชาวบ้านรวมตัวกันในคืนต่อมา พร้อมกับพระภิกษุจากวัดใกล้เคียง พวกเขานำธูป เทียน และดอกไม้เข้าไปในวัดเพื่อทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณ การสวดมนต์และการทำพิธีกรรมทำให้วัดสั่นสะเทือน ราวกับว่ามีแรงลึกลับพยายามขัดขวาง
ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าส่องทั่ววัด เงาร่างของพระสงฆ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาดูสงบขึ้นและไม่แสดงความโกรธแค้นอีกต่อไป หลังจากพิธีกรรมเสร็จสิ้น วัดกลับคืนสู่ความเงียบสงบ ชาวบ้านรู้สึกได้ว่าพระสงฆ์ได้พบความสงบและวัดก็ปลอดภัยจากวิญญาณที่สิงสู่อยู่
ตั้งแต่นั้นมา วัดเก่าแก่ก็กลับมาเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านอีกครั้ง แต่ชาวบ้านก็ยังคงเล่าเรื่องราวของอ้อยและประสบการณ์ที่น่ากลัวในวัดเก่าแก่ให้คนรุ่นหลังฟังเป็นตำนานที่ไม่มีวันลืม
โฆษณา