29 พ.ค. 2024 เวลา 08:50 • นิยาย เรื่องสั้น

ตำนานศาลเจ้ากลางป่า: บทแห่งความสยองที่ไม่มีใครลืม

ในจังหวัดอุดรธานี มีป่าลึกที่ถูกเรียกว่า "ป่ามรณะ" ชาวบ้านเชื่อว่ามีศาลเจ้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางป่า ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ หากใครกล้าล่วงเกินศาลเจ้า จะต้องพบกับหายนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
วันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง กลุ่มนักศึกษาจากกรุงเทพฯ จำนวนห้าคนตัดสินใจสำรวจป่ามรณะเพื่อพิสูจน์ความจริงของตำนานที่ได้ยินมา เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้านใกล้ป่า ชาวบ้านต่างพากันเล่าถึงเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เคยล่วงเกินศาลเจ้า คนเหล่านั้นไม่มีใครกลับมาอย่างปกติ บางคนหายตัวไปอย่างลึกลับ บางคนกลับมาด้วยสภาพจิตใจที่เสียหายและบ้าคลั่ง
นักศึกษาไม่สนใจคำเตือนและมุ่งหน้าเข้าสู่ป่ามรณะ ความมืดมิดและความเงียบสงบทำให้พวกเขารู้สึกถึงความผิดปกติ ราวกับว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมอง พวกเขาได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ จากทุกทิศทาง บางครั้งได้กลิ่นเน่าเหม็นของซากศพที่ไม่สามารถระบุที่มาได้
เมื่อมาถึงทางแยกที่ไม่มีในแผนที่ นักศึกษาคนหนึ่งชื่อ "บอย" เสนอให้เลือกทางที่เขาคิดว่าน่าจะนำไปยังศาลเจ้า พวกเขารู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย ทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวัน
หลังจากเดินทางมาเป็นเวลานาน พวกเขาพบศาลเจ้า ศาลเจ้านั้นเก่าแก่และถูกปล่อยให้รกร้าง รูปปั้นเทพเจ้าถูกปกคลุมด้วยมอสและเถาวัลย์ บอยตัดสินใจถ่ายรูปและโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ เตือนว่าไม่ควรทำเช่นนั้น
ทันทีที่บอยกดถ่ายรูป ฟ้าผ่าลงมา ทำให้ท้องฟ้าสว่างวาบและลมพัดแรง ทุกคนรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่กระจายไปทั่วร่างกาย เสียงกระซิบแปลกๆ ดังขึ้นรอบตัวพวกเขา ร่างกายของทุกคนเริ่มสั่นเทา สายตาของพวกเขาปรับตัวให้เข้ากับความมืดมิด แล้วพวกเขาเห็นเงาร่างเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ศาลเจ้า
รูปปั้นเทพเจ้าที่เคยยืนนิ่งกลับดูเหมือนเคลื่อนไหวได้ ดวงตาของรูปปั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด และมีน้ำตาดำไหลออกมา บอยรู้สึกถึงมือเย็นเยียบจับที่ไหล่ เขาพยายามดิ้นรนแต่กลับรู้สึกเหมือนมือของเขาถูกยึดติดกับบางสิ่งที่มองไม่เห็น เสียงกรีดร้องของบอยดังก้องทั่วป่า เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความหวาดกลัว
เงาร่างดำดึงบอยเข้าไปในศาลเจ้า เงาร่างนั้นมีหน้าตาเหมือนผีตายโหงที่ถูกทรมานจนบิดเบี้ยว ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธแค้น เพื่อนๆ ที่เหลือพยายามวิ่งเข้าไปช่วยแต่กลับถูกขวางด้วยเถาวัลย์ที่เคลื่อนไหวได้และเงาร่างที่ปรากฏขึ้นมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยเสียงกระซิบและเสียงกรีดร้องที่ไม่รู้จบ เสียงนั้นก้องกังวานในหัวใจและจิตใจของพวกเขา
เพื่อนๆ ที่เหลือหนีออกจากป่าด้วยความหวาดกลัว แต่รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างติดตามมาตลอดทาง เมื่อกลับถึงที่พัก ทุกคนพบว่ามีรอยข่วนลึกลับบนร่างกายและฝันร้ายตลอดคืน บางคนได้ยินเสียงกระซิบในหูและเห็นเงามืดในห้อง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัย
ทุกคืน พวกเขาตื่นขึ้นมาด้วยเสียงกรีดร้องในหัว และภาพของบอยที่ถูกลากเข้าไปในความมืดยังคงติดอยู่ในจิตใจ พวกเขารู้สึกถึงความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยที่ไม่เคยเจอมาก่อน รอยข่วนบนร่างกายกลับมาทุกคืน ราวกับว่ามีบางสิ่งพยายามจะออกจากร่างกายของพวกเขา
เสียงกระซิบเริ่มชัดเจนขึ้น พวกเขาได้ยินเสียงบอยเรียกชื่อพวกเขา เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง แต่เมื่อหันไปกลับไม่พบใคร บางคนเห็นเงาร่างของบอยเดินผ่านหน้าต่างในตอนกลางคืน บางครั้งเงานั้นยืนอยู่ที่ปลายเตียง มองจ้องด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความทุกข์
วันถัดมา พวกเขาตัดสินใจกลับไปที่ป่าเพื่อหาบอย แต่กลับพบว่าศาลเจ้าและรูปปั้นเทพเจ้าเปลี่ยนไป รูปปั้นดูเหมือนมีชีวิตและมองตามพวกเขา เถาวัลย์ที่เคยขวางทางกลับกลายเป็นเงามืดที่เคลื่อนไหวได้ ชาวบ้านบอกว่าพวกเขาควรทำพิธีขอขมาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ในคืนที่เงียบสงัด พวกเขาตัดสินใจกลับไปที่ศาลเจ้าและทำพิธีขอขมา พวกเขานำเครื่องเซ่นและจุดธูปเทียนขอขมา วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาได้ยินเสียงกระซิบและเห็นเงาร่างในความมืด แต่ไม่มีใครกล้าขยับตัว เสียงหัวเราะเบาๆ และเสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นจากทุกทิศทาง ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ไม่เคยเจอมาก่อน เงาร่างดำที่เคยลากบอยเข้าไปในศาลเจ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เงาร่างนั้นยื่นมือออกมาจับข้อมือของหนึ่งในพวกเขา เสียงกระซิบที่มาจากเงาร่างนั้นทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงและหวาดกลัวถึงที่สุด ภาพของบอยที่ถูกลากเข้าไปในศาลเจ้าปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขาทุกคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความหวาดกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
เสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นรอบทิศทาง และเงาร่างของผีไทยต่างๆ ก็ปรากฏขึ้น มีทั้งแม่นาคที่มีใบหน้าซีดเซียวและร่างกายยาวเหยียด ผีกระสือที่มีหัวลอยได้และลำไส้ยาวหยดเลือดลงมา ผีตายโหงที่มีร่างกายบิดเบี้ยวและหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล ทุกตัวต่างพยายามเข้ามาใกล้และล้อมรอบพวกเขา
หลังจากทำพิธี ทุกคนกลับมาที่กรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย แต่บอยไม่เคยกลับมาอีกเลย เพื่อนๆ ของเขาเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังเพื่อเตือนใจว่าความเชื่อและความเคารพในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ตำนานศาลเจ้ากลางป่ายังคงเป็นที่เล่าขานถึงความหลอนและความเชื่อในวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องศาลเจ้าและผู้ที่เคารพ
โฆษณา