1 มิ.ย. 2024 เวลา 01:16 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

เดชไอ้ด้วนตะลุยแดนพยัคฆ์ หนังสองแผ่นดินแผ้วถางทางใหม่ให้กำลังภายใน

หนังสองเรื่องแรกในอาชีพการแสดงของชิจุน(Dragon Inn และ A Touch of Zen)กับคิงฮู เขามีลุคที่แตกต่างไปจากกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งเป็นจอมยุทธยอดฝีมือผู้มีเป้าหมายแรงกล้ากับอีกเรื่องเป็นบัณฑิตยากไร้ แต่เมื่ออยู่ในมือของผู้กำกับคิงฮูหรือหูจินฉวนแล้ว แม้ภาพลักษณ์ของตัวละครจะแตกต่างกัน ชิจุนกลับทำหน้าที่ได้ดี ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นนักแสดงหน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด
เมื่อทั้งสองพบกันครั้งแรก หูจินฉวนดูเหมือนจะมองผ่านร่างกายของเขาเข้าไปเห็นบุคลิคที่สามารถสะท้อนส่วนลึกของจิตวิญญาณของตัวละครที่เขาต้องการ และขอให้เขาเข้าร่วมในการคัดเลือกของ Federal Pictures ที่เขาก่อตั้งขึ้นมาหลังจากกลับจากฮ่องกงมาทำงานในไต้หวัน
หูจินฉวนยืนยันอย่างหนักแน่น เขาต้องการมือสมัครเล่นที่ไม่เคยแสดงหนังมาก่อนคนนี้ แม้ว่าหนังกำลังภายในจะมีฉากต่อสู้เป็นหัวใจสำคัญ แต่หูจินฉวนไม่ได้ให้น้ำหนักกับนักแสดงต้องเก่งกังฟู เขาสามารถที่จะใช้ภาษาหนังเข้ามาช่วยจุดอ่อนด้านนี้ได้
การพบกันครั้งแรกระหว่างทั้งคู่สามารถเอามาร่างเป็นเหมือนโครงเรื่องของหนังสักเรื่องได้ คนแปลกหน้าสองคนพบกันโดยบังเอิญที่ร้านไอศกรีมในย่านซีเหมินติง ไทเป แล้วเกิดถูกใจชักชวนไปเล่นหนังในคราวแรกที่พบกัน
ในวัย 88 ปี เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ ชิจุนก็หัวเราะออกมาดัง ๆ และรู้สึกว่ามันเป็นเวรกรรมมาก เพราะกล้าที่จะทิ้งงานมั่นคงมาเป็นดารา "ตอนนั้นผมยังทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าจะทำงานแสดงเป็นพาร์ทไทม์ได้นะ แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเห็นสัญญาซึ่งบอกว่าจะเซ็นสัญญาครั้งละ 6 ปี”
ชิ จุน ซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยในขณะนั้น มีอายุ 30 ปีแล้ว เขาลังเลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นสัญญา ไม่เพียงแต่เขาจะต้องลงนามในสัญญา 6 ปี แต่ยังมีรายละเอียดทางรายได้ ซึ่งเงินเดือนที่เขาจะได้รับจากการเป็นนักแสดงต่ำกว่าเงินเดือนผู้ช่วยนักวิจัยของเขาในขณะนั้น
เดิมทีเขาต้องการนำสัญญากลับบ้านและอ่านอย่างละเอียด โดยไม่คาดคิดหูจินฉวนไม่เห็นด้วย ดังนั้นเขาจึงคืนสัญญาและเดินออกจากสำนักงานของบริษัทหนังที่เพิ่งก่อตั้ง
แต่แล้วชิจุนก็คิดว่าทำไมไม่ลองมาสักตั้ง เล่นหนังสักเรื่อง เมื่อถ่ายทำให้จบก็กลับไปทำงานช่วยงานวิจัยตามเดิมก็ได้ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์คู่นี้ก็เกิดขึ้น เขาไม่เคยกลับไปทำงานเดิมอีกเลย
ที่ฮ่องกงในปีเดียวกัน ปี 1967 จาเชอะได้ทำ "The One-Armed Swordsman" ที่นำแสดงโดยหวังอยู่ แม้จะเป็นหนังกำลังภายในเหมือนกัน แต่ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่จุดที่ทั้งคู่มีเหมือนคืออิทธิพลที่ส่งตรงไปถึงหนังรุ่นหลังที่สร้างตามออกมา
หนังทั้งคู่ได้เปิดศักราชใหม่ของหนังกำลังภายใน หนังจางเชอะเสนอสุนทรียภาพความเป็นชายด้วยการแสดงให้เห็นร่างกายชายกึ่งเปลือยอกจำนวนมาก รวมถึงแขนขาที่ถูกตัดขาด เลือด และองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นสไตล์สุนทรีย์ของความรุนแรงอย่างเต็มที่
จางเชอะผสมผสานฉากศิลปะการต่อสู้เข้ากับความรุนแรงและปลดปล่อยออกมาอย่างสุดขีด ในขณะที่ผู้กำกับหูจินฉวนถ่ายทำการต่อสู้ที่เต็มไปด้วย สุนทรียภาพสไตล์คิงฮู ที่ใช้ภาษาภาพ การตัดต่อชดเชยความสามารถทางด้านกังฟูของนักแสดง
ทั้งคู่สร้างการนำเสนอใหม่สำหรับหนังกำลังแบบดั้งเดิม ทำให้หนังกำลังภายในขยายลมหายใจออกไปได้จนถึงต้นทศวรรษ 1980
โฆษณา