5 มิ.ย. 2024 เวลา 10:49 • การตลาด

กรณีศึกษา LEGO และ H&M ในแคมเปญการตลาด Pride Month ที่สื่อสารได้ตรงจุด ต้องการมอบคุณค่ามากกว่าขายของ

ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกๆ ปี นักการตลาดจะเต็มเปี่ยมไปด้วยไอเดียสำหรับการสื่อสารให้องค์กร หรือ แบรนด์ที่ตัวเองดูแลอยู่อย่างไรให้เกิด Movement ในวงกว้างมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตระหนักรู้ความหลากหลายทางเพศ ความเท่าเทียม และการเรียกร้องสิทธิให้กับทุกคน
ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทำแคมเปญการตลาดให้สอดคล้องกับกระแสสังคม แต่โจทย์ง่ายๆ นี้ก็ทำให้หลายแบรนด์ตกม้าตาย แทนที่จะได้รับคำชื่นชมแต่ได้รับรถทัวร์แทนหลายต่อหลายครั้ง จากผลการสำรวจหัวข้อการรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับ Pride Month ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2019 พบว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างมองว่าแคมเปญ Pride Month เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาด และมีเพียงแค่ 21 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มองว่าเป็นคุณค่าที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสาร
ด้วยเหตุผลนี้เราจึงอยากจะมานำเสนอแคมเปญการตลาดที่ตรงจุดและส่งเสริมความเท่าเทียม สอดคล้องกับความเป็น Pride Month ได้ดีที่สุด ผ่านความจริงใจ ไม่เสแสร้ง และไม่เป็นการทำเพื่อการโฆษณาแต่อย่างใด
[ LEGO - Everyone is Awesome ]
แคมเปญการตลาดของ LEGO ใช้ชื่อว่า ‘Everyone is Awesome’ พร้อมด้วยคำโปรยว่า “เราต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างโลกที่ทุกคนได้รับการต้อนรับและมีคุณค่าผ่าน LEGO” วิธีการของแบรนด์คือนำเสนอหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งเป็นหน้าเพจที่รวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความหลากหลายของ Pride รวมไปถึงบทสัมภาษณ์จากนักแสดง Samira Wiley ผู้เป็น LGBTQIA+ ที่ร่วมมือกับ LEGO ในส่วนของ ‘Pieces of Me’
Pieces of Me เป็นการร่วมมือระหว่างนักแสดง Samira Wiley นิตยสาร Rolling Stone และ LEGO เพื่อสื่อสารและเชิญชวนให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเองผ่าน ‘Bricks’ ของ LEGO
Wiley ได้ให้สัมภาษณ์ผ่าน Rolling Stone และได้นำตัว Bricks ของ LEGO มาประกอบเป็นเรื่องราวของตนเอง “การเดินทางสู่การยอมรับตนเองทำให้ฉันเปลี่ยนแปลง ช่วยทำให้ฉันประสบความสำเร็จ” ด้วย Bricks กว่า 42,000 ชิ้น ประกอบร่างเป็น Samira’s Potrait ตัวตนของเธอผ่านองค์ประกอบต่างๆ ในชีวิต ที่แสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้เธอยอมรับการเป็นตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว
ส่งผลให้มีผู้คนสนใจอย่างมากกับบทความสัมภาษณ์ของ Wiley อีกทั้ง LEGO ยังปิดท้ายแคมเปญด้วยการประกาศสนับสนุนชุมชน LGBTQIA+ พร้อมทั้งนำพาองค์กรให้เป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลาย และความเท่าเทียม สร้างสถานที่สำงานที่เหมาะสมกับทุกเพศ ไม่ว่าคุณจะนิยามตัวตนของตัวเองว่าเป็นเพศใดก็จะได้รับความเท่าเทียมทางด้านนโยบาย สวัสดิการ และการปฏิบัติแน่นอน
[ H&M Beyond The Rainbow ]
สำหรับแบรนด์ H&M ได้ออกแคมเปญการตลาดในชื่อ ‘Beyond The Rainbow’ โดยมีเรื่องราวแนวคิดมาจากสีสันสดใสสวยงามภายในเดือนมิถุนายน ที่จะเต็มไปด้วยธงสายรุ้ง การตกแต่งสถานที่ต่างๆ ด้วยสีสันหลากสีที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในสังคม แต่ความหลากหลายนั้นเอง ก็อาจจะเป็นสิ่งที่บดบังวิสัยทัศน์ของการสื่อสารเสียเอง
มีหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่า Pride Month เท่ากับสีรุ้ง ความภาคภูมิใจถูกยึดโยงกับความหลากสีสัน จนเรื่องราวของการต่อสู้และความเจ็บปวดถูกมองข้ามไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทางแบรนด์จึงได้คิดแคมเปญการตลาดตัวนี้ขึ้นมาโดยร่วมมือกับ B-Reel (Creative Agency ชื่อดัง) เป็น Tech-Driven หรือ แคมเปญที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
ด้วยการสแกนสิ่งของที่มีสีรุ้ง ไม่ว่าจะเป็นธง ตุ๊กตาหมี โดนัท เสื้อผ้า อะไรก็ตามที่มีสีรุ้ง สามารถสแกนเพื่อที่จะเข้าถึงประสบการณ์ดิจิทัลแบบใหม่ที่มอบความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของ Pride Month เต็มไปด้วยวิดีโอที่เล่าความประทับใจ ความเจ็บปวด และตัวตนของ LGBTQIA+ ที่ค่อยๆ ถูกบดบังจากสีรุ้ง
จากทั้งสองแบรนด์เราเห็นได้ถึงความจริงใจที่ไม่ต้องการจะขายของ แต่ต้องการจะมอบคุณค่าที่ตรงจุดให้กับผู้คน และชุมชน LGBTQIA+ อีกทั้งยังเป็นการนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนแคมเปญการตลาดทั้งสองอีกด้วย เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ และน่าเก็บมาศึกษาหากคุณเป็นเจ้าของแบรนด์ ผู้บริหาร หรือ นักการตลาด นี่คือสิ่งที่ควรจะสื่อสารในช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจ ความเท่าเทียม และการต่อสู้เรียกร้องสิทธิ
เขียนโดยธนพนธ์ หัสกรรัตน์
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsBusiness #PrideMonth #LEGO #H&M
โฆษณา