Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ESGUNIVERSE
•
ติดตาม
5 มิ.ย. 2024 เวลา 09:09 • ธุรกิจ
ย้อนรอยผู้นำฝ่าวิกฤตมหาอุทกภัย
สู่ตันแลนด์ ดินแดนแห่งความสมดุล
ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ ถ่ายทอดประสบการณ์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 โรงงานอิชิตัน เสียหายมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ส่งเสียงถึงทุกคนตระหนักถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ
หากย้อนกลับไปในปี 2554 ประเทศไทยเกิดวิกฤติมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ภัยพิบัติที่เป็นเสียงสะท้อนจากคนต้นน้ำ ส่งผลกระทบถึงคนปลายน้ำโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม คนอาศัยในเมือง ต่างต้องใช้ชีวิตจมอยู่ในบาดาลนานนับเดือน ภาคเหนือ ภาคกลาง จนถึงกทม.
นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบสูง ธนาคารโลก (World Bank) ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมีมูลค่าสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท ความเสียหายขยายวงกว้างตั้งแต่ภาคประชาชนมากกว่า 4 ล้านครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ยังรวมไปถึง พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่เกษตรก็ได้รับความเสียหายครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การทำธุรกิจที่ต้องตระหนักรู้ร่วมกัน
ย้อนรอยน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554
โรงงานอิชิตัน เจอมหันตภัย จมบาดาล
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นักธุรกิจผู้สร้างตำนานเครื่องดื่มชาเขียว เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ประสบภัยน้ำท่วม เพราะโรงงานผลิตชาเขียวแห่งใหม่ ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่ทันได้ผลิตล็อตแรก กลับต้องจมน้ำเสียหายอย่างหนัก มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
คุณตัน บอกว่า ได้ผ่านช่วงเวลายากลำบากมานักต่อนัก แต่ในเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 เป็นครั้งเดียวที่ ‘พังข้ามวัน’ จากเป็นอาสาสมัครช่วยภัยน้ำท่วมตัวเล็ก ๆ คนนึง กลับต้องเป็นผู้ประสบภัยเพราะโรงงานนิคมฯ จมไปแล้ว ตอนนั้น ‘ไม่มีแผนหนี มีแต่แผนสู้’ โดยได้เดินทางลงไปดูโรงงานด้วยตาตัวเอง พร้อมกับขนเสบียงไปให้พนักงาน กินนอนในโรงงาน
ผ่านมากว่า 13 ปีนับเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง แต่ก็ไม่สามารถห้ามธรรมชาติได้ และด้วยปณิธานของคุณตันที่อยากแชร์เรื่องราว ประสบการณ์ตรงครั้งนั้นผ่าน ‘ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์’ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้ตระหนักรู้ถึงวิกฤตสภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่ทั่วโลกในวันนี้
ยิ่งปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวิกฤตที่ไม่อาจมองข้าม แม้ว่าตอนนี้ประชาคมโลกกว่า 200 ประเทศ ได้ให้คำมั่นสานต่อความตกลงปารีส ในการประชุมระดับโลกครั้งล่าสุดว่าด้วยการจัดการกับปัญหาโลกรวน ครั้งที่ 28 (COP28) สิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 2566 พร้อมกับข้อสรุปว่าโลกจะต้องเร่งรัดการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานทดแทน และเพิ่มสัดส่วนการพึ่งพาพลังงานทดแทนเป็น 3 เท่าภายในปี 2573 เพื่อจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
โดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ระบุว่า ตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียสถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนหลัก’ ที่หากโลกของเรามีอุณหภูมิสูงกว่านี้ ธรรมชาติจะอยู่ในสภาพเกินรับไหวจนไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก และหากวิกฤตนี้เดินทางไปถึงจุด ’Point of No Return’ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก
จึงเป็นความท้าทายการอยู่รอดที่ทุกคนต้องเผชิญไปพร้อม ๆ กัน และต้องการความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลงอย่างรู้คุณค่า
ธรรมชาติ สอนบทเรียน
รับมือภาวะโลกร้อน
พลิกฐานการผลิตโรงงานสีเขียว
ตัน ภาสกรนที ได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างคนทำธุรกิจที่ต้องยอมจำนนให้กับธรรมชาติว่า โรงงานผลิตชาเชียวได้รับบททดสอบจากธรรมชาติ ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้เราต้องมาตระหนักว่า เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างไร หลังจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยปี 2554 ผมเข้าใจถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างแท้จริง
“ตั้งแต่วันแรกของการสร้างโรงงานอิชิตัน เราตั้งใจอยากให้เป็นกรีนแฟคทอรี่อยู่แล้ว แต่เมื่อผ่านวิกฤตมาผมให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราได้ลงทุนในเครื่องจักรเทคโนโลยีทันสมัย ระบบบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อที่คงคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่าแบบดั้งเดิม และใช้พลาสติกน้อยกว่าในอดีตมาก จากเดิม 26 กรัมต่อขวด ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 17.5 กรัมต่อขวด เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้เรายังนำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ทั้งขวด ฝาปิด ฉลาก และลัง เพื่อให้พร้อมสำหรับนำกลับเข้าสู่ Circular Economy “
สินค้ากลุ่มแรกที่เป็นบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100% คือ อิชิตันกรีนที 500 มล. และชิซึโอกะกรีนที 440 มล. และในเดือนกรกฎาคม 2567 เราจะใช้ rPET (พลาสติกรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่) 30% ทดแทนพลาสติกใหม่ในผลิตภัณฑ์อิชิตันกรีนที 500 มล. ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่ได้ 175 ตันต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแสดงความตั้งใจในการผลิตอย่างรับผิดชอบและนำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนแก่ผู้บริโภคสอดคล้องกับเป้าหมายการเป็นองค์กรกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ที่อิชิตันกำหนดไว้
“วันนี้ปัญหาอุณหภูมิโลกสูงมาจากพวกเราทุกคน เช่นเปิดแอร์ในสำนักงาน วันนี้เปิดเท่าไหร่ก็ไม่พอ ยังคงร้อนอยู่ ซึ่งการแก้ปัญหาเราควรจะแก้ตั้งแต่ต้นทาง เราควรจะมีความรับผิดชอบในฐานะผู้ผลิต และผู้บริโภคก็ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ปี 2554 กว่า 2,000 โรงงานได้รับผลกระทบ ผมกังวลว่าปี 2554 จะไม่ใช่ปีสุดท้าย แต่มันจะมีอีกแน่ ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ ผู้บริโภคต้องตื่นตัว และรับผิดชอบร่วมกัน ต่อให้เรามีเงินเท่าไหร่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ โลกนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว การทำก็ไม่ใช่เพื่อโลก เพื่อเราด้วยซ้ำ อีกหน่อยไม่มีพื้นที่ให้ลูกหลาน ผมอยากเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตั้งแต่ธุรกิจของเรา ต้นทุนอาจจะแพงขึ้น แต่มันดีกว่าที่เราจะไปจ่ายค่าเสียหายทีหลัง ผมขอพยายามทำให้ดีที่สุด รักษ์โลกให้มากสุด”
‘ตันแลนด์’ ดินแดนแห่งความสมดุล
ศูนย์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผู้นำฝ่าวิกฤติจาก ‘ตัน’
สำหรับศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานอิชิตันในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เป็นพื้นที่จัดนิทรรศการ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงวิกฤตสภาพอากาศ และสร้างความร่วมมือในการดูแลสิ่งแวดล้อม
จัดแสดงเรื่องราวที่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในชื่อ ‘ตันแลนด์ ดินแดนแห่งความสมดุล’ ซึ่งศูนย์เรียนรู้ได้เปิดให้เข้าเยี่ยมชม หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายและโรงงานสามารถเปิดดำเนินการผลิตได้ตั้งแต่ปี 2555 สามารถรองรับผู้เยี่ยมชมได้ประมาณปีละ 1แสนกว่าคน ก่อนที่จะปิดให้บริการในช่วง 3 ปีที่มีสถานการณ์ โควิด-19 ระบาด และกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
https://www.esguniverse.com/content/252392
#ESGuniverse
#ตันแลนด์
#อิชิตัน
#เครื่องดื่มชาเขียว
#รักษ์โลก
#พลาสติกรีไซเคิล
#อัพไซเคิล
#นวัตกรรม
#โรงงาน
#น้ำท่วมใหญ่ปี54
ข่าว
ธุรกิจ
เศรษฐกิจ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย