7 มิ.ย. 2024 เวลา 11:00 • ไลฟ์สไตล์

กะปิกับแผลตะปูตำ

มีบางเริ่องที่อยากเล่า
7 มิถุนายน 2567
ในช่วงวัยเด็กที่อายุได้ 7-8 ขวบ ในห้วงเวลาที่เรียนในโรงเรียนประถมในบ้านชนบท การไปโรงเรียนด้วยเท้าเปล่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาของพวกเรา
และเเม้ว่าผมจะเป็นลูกครูที่พอจะมีกำลังทรัพย์ซื้อหารองเท้ามาสวมใส่ แต่บ่อยครั้งที่ผมเลือกจะไม่ใส่ไปโรงเรียน เพราะไม่อยากแปลกแยกกับเด็กคนอื่นๆที่ไม่มีรองเท้าสวมใส่ ทั้งๆที่ตอนนั้น คุณพ่อก็เป็นคุณครูที่สอนในโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่
และในเช้าวันหนึ่ง หลังเราเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว ระหว่างที่เดินเรัยงแถวจะเข้าห้อง ผมได้วิ่งแตกแถวออกมาเพื่อจะเข้าห้องน้ำ และพอทำธุระเสร็จ ผมก็วิ่งจะกลับเข้าแถวที่ยังทะยอยเดินเข้าห้อง
แต่ก่อนที่จะทันได้กลับเข้าไปในแถว เท้าขวาผมไปเหยียบอะไรเข้าสักอย่าง ที่ทำให้ฝ่าเท้าเจ็บแปลบจนต้องล้มลงนอน พอยกฝ่าเท้าเปลือยเปล่ามาดู ก็เห็นเลือดแดงฉานทะลักออกมา โดยมีตะปูที่ปักบนแผ่นกระดานเสียบเข้าไปที่ฝ่าเท้าผม
ผมร้องไห้เสียงดังออกมาด้วยความตกใจระคนกับความเจ็บปวด มีคนวิ่งเข้ามามุงดู พร้อมกับมีคนไปตามคุณพ่อของผมที่ยืนอยู่กับกลุ่มครูหน้าเสาธงให้วิ่งมาที่ผมล้มนอนอยู่
ผมจำไม่ได้ว่า พ่อพูดว่าอะไรบ้าง แต่เนื่องจากเวลานั้น โรงเรียนเรายังไม่มีห้องพยาบาล พ่อได้ขอให้ภารโรงอุ้มตัวผมไปนอนที่โต๊ะนั่งเล่นใต้ต้นไม้รอบโรงเรียน แล้วให้คนเอาน้ำเปล่ามาล้างเท้าหลังจากที่ได้ดึงตะปูออกจากฝ่าเท้าผมแล้ว
แต่ที่ผมแปลกใจ และยังจำได้มาถึงตอนนี้คือ ไม่รู้ว่าคุณพ่อผมเอากะปิมาจากไหน พ่อควักกะปิออกมาจากกระปุก แล้วยัดเข้าไปในรูแผล โดยบอกว่า ช่วยฆ่าเชื้อและกันบาดทะยัก
จากนั้น ก็ให้ภารโรงช่วยอุ้มผมไปที่อนามัยประจำตำบลที่อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณสองสามกิโล เพื่อทำแผล และฉีดยาป้องกันการอักเสบ และเชื้อบาดทะยัก ซึ่งก็ใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ
จนมาถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า
ความเชื่อในการรักษาแผลที่โดนตะปูตำด้วยกะปิ มาจากไหน ใครเป็นคนริเริ่มคิดสูตรการรักษาแบบนี้
และไม่รู้ว่า ที่ผมรอดจากเชื้อบาดทะยักมาได้ เป็นเพราะกะปิที่ยัดเข้าไป หรือ เพราะยาที่หมออนามัยฉีดให้กันแน่
#ตะปูตำเท้า
Credit photo Pantip
โฆษณา