คดีฆาตกรรม Jiang Yuan Nong
She's Got No Name (2024)ปีเตอร์ ชานมากับจาง ซิยี่
หนังที่ผมอยากดู
พรมแดงเมืองคานส์ปีนี้ ผู้จัดงานต้องใช้เวลาเคลียร์พรมแดงสำหรับจาง ซิยี่เป็นเวลาสองนาที เพื่อให้กล้องทั้งหมดมุ่งความสนใจไปที่ซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติของจีนที่กลับมาคานส์อีกครั้ง จาง ซิยี่ และผู้กำกับปีเตอร์ ชาน ปรากฏตัวพร้อมกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของพวกเขา ที่เอาคดีฆาตกรรมเจียงหยวนนอง(Jiang Yuan Nong) หรือที่หนังใช้ชื่อว่า She's Got No Name มานำเสนอ
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้อยู่ในสายการประกวดแข่งขัน แต่ก็ได้เข้าฉายในตอนท้ายของเทศกาลและได้รับการต้อนรับอย่างดี โดยเฉพาะจางซิยีกลับมาเป็นดาวดวงเด่นเหนือดาราหญิงจากจีนทุกคน
ยิ่งหนัง She's Got No Name มีพื้นเพมาจากคดีจริงในประวัติศาสตร์ถือเป็นคดีใหญ่ในยุคสาธารณรัฐจีน ก่อให้เกิดการถกเถียงทางสักคมมากมาย และมีเอามาทำหนังทำละครหลายต่อหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ตีความกันไปจนคดีในหนังกับคดีจริงๆ จะเหมือนกันสักแต่ไหน
อยากดูฝีมือปีเตอร์ ชาน จะตีความเรื่องราวไปทางไหน อีกทั้งคิดถึงจาง ซิยี่ เรื่องที่โอเคที่สุดของเธอต้องย้อนไปถึง The Grandmaster กันเลยทีเดียว
ตอนนี้ย้อนรอยคดีฆาตกรรมกันดีกว่า
1. นางจ้านโจวสังหารสามี
ในตอนเช้าวันที่ 20 มีนาคม 1945 ในยุคสาธารณรัฐจีน เกิดเหตุน่าตกใจที่เจียงหยวน Jiangyuan Lane ถนนซินชาง นครเซี่ยงไฮ้ เจ้าของบ้านเช่าพบว่ามีเลือดไหลซึมผ่านแผ่นไม้บนเพดานและหยดลงมาตามช่องว่าง เจ้าของบ้านรู้สึกถึงบางอย่างผิดปกติ จึงรีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอพบว่าจ้านโจวซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ได้ฆ่าหั่นศพจ้านยุนอิ๋งสามีของเธอเอง
ไม่เพียงเท่านั้น อวัยวะทั้งร่างกาย ลำตัว แขนขายังถูกตัดเป็น 16 ชิ้นและบรรจุลงในกล่องไม้อีกด้วย เจ้าของบ้านให้การว่าเมื่อเจอกับจ้านโจว เธอดูหมองคล้ำและเงียบ ๆ ราวกับว่าเธอกำลังรอชะตากรรมบางอย่างที่จะมาถึง หลังจากที่นางจ้านโจวถูกตำรวจพาตัวไป เธอก็สารภาพว่าตนก่ออาชญากรรม หลังจากมีข่าวออกมา ผู้คนก็งงงวย มีแต่คนบอกว่าจ้านโจวเป็นคนใจดี แล้วทำไมเธอถึงเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้
นางจ้านโจวมีความสูงประมาณ 150 ซม. ถือว่าเตี้ยและผอม แล้วเธอจะหั่นศพชายที่หนักถึง 100 กิโลกรัม ซึ่งมีทั้งเนื้อและกระดูกออกเป็น 16 ชิ้นได้อย่างไร
2. นายจ้านยุนอิ๋ง สามีผู้เป็นนักพนันและเลี้ยงเมียด้วยลำแข้ง
การสอบปากคำทำให้ตำรวจและประชาชนทราบถึงประสบการณ์ชีวิตของนางจ้านโจว ฆาตกรผู้สังหารสามีรายนี้ จากบันทึกการสอบปากคำของปีนั้น จ้านโจวมีมีนามสกุลเดิมคือตู เธอสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอมาที่เซี่ยงไฮ้เมื่ออายุ 9 ขวบ แรกๆญาติก็เลี้ยงดูแต่ต่อมาก็ขายเธอไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จากนั้นเธอก็เปลี่ยนชื่อเป็นโจว
เมื่อเธออายุ 19 ปี เจ้านายของเธอได้ตัดสินใจให้เธอหมั้นหมายกับจ้านยุนอิ๋ง เมื่อเธออายุ 21 ปี ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ ขณะเกิดเหตุฆาตกรรม ทั้งคู่อยู่กินกันมาแล้ว 9 ปี จ้านโจวต้องอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดจากสามีที่ทั้งติดการพนัน ชอบใช้ความรุนแรง
จ้านยุนอิ๋งเป็นคนตัวใหญ่ สูง ใบหน้าเหลี่ยมและหูใหญ่ หนักถึง 100 กิโลกรัม เพื่อนบ้านเรียกเขาว่า"พี่โต" เขามีงานเป็นหลงจู้ในโรงรับจำนำ รับผิดชอบเรื่องการประเมินมูลค่าของจำนำ และรายได้ของเขาค่อนข้างมั่นคง
จ้านโจว พึ่งพาตนเองตั้งแต่เด็ก ถูกขาย ถูกคลุมถุงชน สำหรับผู้หญิงเช่นเธอที่มาจากภูมิหลังที่ยากจน ความคาดหวังในการแต่งงานด้วยความรักดูเหมือนเกินจริง แต่หลายคนที่เป็นเหมือนเธอก็มีชีวิตที่ดีให้เห็น สำหรับเธอแล้วเธอแค่อยากมีบ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเอง และพอใจกับการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายด้วยอาหารและเสื้อผ้าธรรมดาๆ ก็พอ
3 เรื่องน้ำเน่าของชีวิตคู่
นางจ้านโจวคิดไม่ถึงว่าหลังจากแต่งงานได้สองเดือน จ้านยุนอิ๋งก็นอกใจเธอที่แย่กว่านั้นคือเขาหมกมุ่นอยู่กับการพนันและไม่ยอมลุกออกจากโต๊ะพนันทั้งวันทั้งคืน เจามักจะหงุดหงิด เมื่อไม่ได้เล่นพนัน เมื่อมีเงินเขาจะหมกตัวอยู่ในบ่อน และกลายเป็นคนอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวเมื่อสูญเสียเงิน และลงท้ายด้วยการทุบตีและดุด่าจ้านโจว
นางจ้านโจวเลือกที่จะอดทน โดยหวังว่าวันหนึ่งสามีของเธอจะเปลี่ยนใจ แต่สามีซึ่งจมอยู่กับโต๊ะพนันจนทำให้โรงรับจำนำไล่ออก เขาตกงานและในไม่ช้าชีวิตของทั้งคู่ก็เลวร้าย แม้แต่อาหารและเสื้อผ้าก็กลายเป็นปัญหา
เพื่อช่วยเลี้ยงดูครอบครัว นางจ้านโจวได้ค้นพบทางออกทำงานเป็นคนงานหญิงในโรงฝ้าย งานในโรงฝ้ายหนักมากและค่าจ้างก็ไม่มาก แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องอดอาหาร เมื่อสามีรู้ภรรยาของเขาได้งานแล้วก็โกรธมาก เขารู้สึกว่าภรรยาดูถูกเขาเมื่อเธอไปทำงาน และเธอไม่ชอบเขาที่ยากจน เขากล่าวหาว่าเธอเอาข้ออ้างออกไปทำงาน แต่จริงแล้วนัดชายอื่น
นางจ้านโจวทนคำใส่ร้ายไม่ได้ เธอจึงทะเลาะกับสามีรุนแรง และถูกสามีทุบตีจนเลือดสาด ไปทำงานไม่ได้หลายวันจนตกงาน หลังจากสูญเสียงานนางจ้านโจวต้องเอาของเล็กๆน้อยๆที่พอมีในบ้าน ไปจำนำบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่พอ ต้องยืมเงินเพื่อนบ้านแต่ก็ไม่เคยคืนเงินที่ยืมมาเลย
เมื่อเธอหิวมากจนคิดว่าดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเสียยังดีกว่าอยู่ สำหรับนางจ้านโจวในเวลานั้นกว่าความตายสบายกว่ามีชีวิตอยู่แล้ว
4. วันเกิดเหตุ
ในวันที่เกิดเหตุนายจ้านยุนอิ๋งกลับมาบ้านอย่างเมามายเหมือนที่เป็นมา ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นทั้งสองทะเลาะกันด้วยเรื่องออะไร แต่ตามคำบอกเล่าของเพื่อนบ้านเก่า คืนนั้นก็มีเสียงเล็ดลอดออกมาให้เพื่อนบ้านได้ยินเสียงของนางจ้านโจวว่า เมื่อเขาตายเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้
ในที่สุดเธอก็ฟันสามีที่กำลังหลับอยู่ด้วยมีด นางจ้านโจวสารภาพว่ากระทำฆาตกรรม แต่ตำรวจยังสงสัยเกี่ยวกับแรงจูงใจ และกระบวนการก่ออาชญากรรมที่ในสายตาของตำรวจ สามีทุบตีและดุด่าภรรยาและลูก ๆ ถือได้ว่าเป็นความขัดแย้งในครอบครัวธรรมดาเท่านั้น ผู้หญิงที่อ่อนแอจะทำสิ่งที่ผิดต่อศีลธรรมและคำสอนอย่าง "ฆ่าสามี" ได้อย่างไร
ผู้คนเริ่มคาดเดาว่าเบื้องหลังจะต้องมีการยุยงและความช่วยเหลือจากมือที่สาม
หรือว่านางจ้านโจว จะเป็นพานจินเหลียนจะกลับชาติมาเกิด
5.ถ้าเป็นพานจินเหลียน แล้วใครจะเป็นซีเหมินชิ่งหรือไซบุนเข่ง
จากการสอบสวน ไม่นานตำรวจก็ค้นพบว่านายเหอต้าจือ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านได้หายตัวไปเช่นกัน เป็นผลให้เหอต้าจือกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในคดีนี้ ถูกจับกุมและนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เหอต้าจือ ยอมรับว่าเขามีความสัมพันธ์กับจ้านโจวจริงๆ และบอกว่าเขาเห็นใจกับชะตากรรมของนางจ้านโจวมาโดยตลอด การค้นพบนี้ทำให้นางจ้านโจวเป็นการกลับชาติมาเกิดของพานจินเหลียนในทันที จากความเห็นใจ เปลี่ยนเป็นใครๆ ก็รังเกียจเธอ
ในเวลานี้นางจ้านโจวเริ่มเปิดปากว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน คือนายเหอเปาอี้ เดิมทีเหอเปาอี้เป็นเพื่อนสามี เธอให้การบอกว่าเขาเป็นล่วงประเวณีเธอและเป็นผู้ที่เสนอให้ฆ่าจ้านยุนอิ๋ง เธออธิบายเหตุการณ์โดยละเอียดว่า ในวันที่เกิดเหตุเหอเปาอี้เดินเข้าไปในบ้านของเธอขณะที่สามีหลับอยู่ โดยนางจ้านโจวหยิบมีดทำครัวออกมา แต่เป็นเหอเปาอี้ลงมือเฉือนคอของจ้านยุนอิ๋งก่อน
6. กลับตาลปัตร
เมื่อทุกคนคิดว่าคดีนี้คลี่คลายแล้ว ตำรวจก็ดันไปพบหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าทั้งเหอเปาอี้ และเหอต้าจือต่างก็มีข้อแก้ตัวเพียงพอ สุดท้ายนางจ้านโจวก็ยอมรับว่าเธอถูกสอบสวนหนัก เพราะตำรวจไม่เชื่อว่าเธอลงมือคนเดียว เนื่องจากเธอถูกมองว่า "ถ้าไม่มีการเข้ามาของบุคคลที่สาม หรือนอกใจสามี ก็คงไม่มีการฆ่า" ทำให้ต้องสารภาพว่านอกใจ และเธอคิดว่าสามีถูกเหอเปาอี้ชักชวนเข้าสู่การพนัน ด้วยความเกลียดชังในใจ เธอจึงใส่ร้ายเขา
ในท้ายที่สุดทั้งเหอเปาอี้ และเหอต้าจือก็พ้นผิด และนางจ้านโจวเป็นฆาตกรเพียงคนเดียวถูกศาลตัดสินประหารชีวิต
7. ปกป้องหญิงที่ฆ่าสามี นางจ้านโจวสะเทือนแผ่นดิน
หลังจากการตัดสิน "คดีฆาตกรรมเจียงหยวนนอง" ยังคงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงในหมู่ผู้คนตามท้องถนนและตรอกซอกซอยในเซี่ยงไฮ้ บางคนถือว่านางจ้านโจวเป็นผู้หญิงที่มีหัวใจเป็นงูพิษ ในขณะที่คนอื่นๆ มีความเห็นอกเห็นใจต่อเธอมากขึ้นหลังจากเข้าใจสาเหตุและผลแล้ว ในหมู่คนที่เห็นใจมีซูชิงนักเขียนหญิงในเซี่ยงไฮ้ ผู้มีชื่อเสียงจากสุนทรพจน์ที่กล้าหาญและตรงไปตรงมา พูดอย่างตรงไปตรงมาและตีพิมพ์บทความ "Defending Husband Killers" ในนิตยสารรายเดือนที่เธอทำงาน
จากมุมมองของผู้หญิง เธอเชื่อว่าเหตุผลที่นางจ้านโจวฆ่าสามีของเธอนั้นล้วนเนื่องมาจากชีวิตที่น่าสังเวชของเธอ ความหดหู่ทางจิต และการต่อต้านหลังจากการถูกทารุณกรรมในระยะยาว เธอหมดหวังที่จะมีชีวิตรอด “แม้ว่ากฎหมายจะยกโทษให้ไม่ได้ แต่อาชญากรรมก็สามารถยกโทษได้”
การอภิปรายทางสังคมเกี่ยวกับคดีนี้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กวน หลู่ นักเขียนหญิงอีกคนหนึ่งยังได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง "Zhan Zhoushi และ Pan Jinlian" ต่อมาถึงกับเปิดคอลัมน์ให้ผู้คนอภิปรายเกี่ยวกับ "คดีฆาตกรรม Jiang Yuan Nong" และตีพิมพ์บทความเชิงวิพากษ์ตีความออกมามากมายเพื่อสนับสนุนนางจ้านโจว
การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของสาธารณชน ทำให้นางจ้านโจวที่อยู่ในคุกมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด และเธอก็เริ่มอุทธรณ์อย่างแข็งขัน
8. หนีจากความตาย
ผู้คนในสังคมยื่นมือช่วยเหลือนางจ้านโจวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่คาดคิด ไม่กี่เดือนต่อมานางจ้านโจวได้รับการนิรโทษกรรม และโทษประหารชีวิตก็เปลี่ยนเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่เธอยังคงยื่นอุทธรณ์ต่อไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากทนายความและผู้ที่สนใจ หลังจากความพยายามจากทุกสาขาอาชีพ จากจำคุกตลอดชีววิตก็หลงเหลือจำคุก 15 ปี
หลังจากปิดคดีแล้ว ยังมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับนางจ้านโจว บางคนบอกว่าเธอถูกแขวนคอในคุกและเสียชีวิต บางก็ว่าเธอพ้นโทษออกไปใช้ชีวิตที่ดี
จนความจริงได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในปี 1990 ในปีนั้น นักข่าวหนุ่มชาวเซี่ยงไฮ้ได้พบกับ นางจ้านโจวที่แต่งงานใหม่ในฟาร์มแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเมืองเจียงซู แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นหรือพูดถึงเหตุการณ์ในคดีที่เกิดขึ้น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
