13 มิ.ย. 2024 เวลา 04:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ซีเอ็ดบุ๊ค @ โลตัส จรัญสนิทวงศ์

DCA ให้ได้ 100 ล้าน ทำได้ไหม

มีล้านแรก ตอนอายุ 45 ปี เมื่อ 65 ปี มีเงินกลายเป็น 100 ล้าน จากการออมต่อเนื่อง เดือนละ 10,000 บาท จาก วิธี DCA จะได้ไหมครับ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการมีเงิน 100 ล้านบาทเมื่ออายุ 65 ปี โดยเริ่มจากเงิน 1 ล้านบาทที่อายุ 45 ปีและทำการออมต่อเนื่องเดือนละ 10,000 บาท ด้วยวิธี DCA (Dollar Cost Averaging) เราจำเป็นต้องคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ต้องการเพื่อให้ได้ยอดเงินที่ต้องการ
สมมุติว่า:
- เงินเริ่มต้น (PV) = 1,000,000 บาท
- เงินออมเดือนละ (PMT) = 10,000 บาท
- จำนวนปีในการออม (n) = 20 ปี (จากอายุ 45 ปี ถึง 65 ปี)
- ยอดเงินเป้าหมาย (FV) = 100,000,000 บาท
เราสามารถใช้สูตรมูลค่าปัจจุบันและการออมเพื่อคำนวณหาอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (r) ที่ต้องการได้ โดยใช้ Python ในการคำนวณนี้
### สูตรคำนวณ
สำหรับการออมแบบ DCA:
\[ FV = PV \times (1 + r)^n + PMT \times \frac{(1 + r)^n - 1}{r} \]
### คำนวณโดยใช้ Python
เราจะใช้การแก้สมการเพื่อหาค่า r โดยใช้ Python ดังนี้:
```python
from scipy.optimize import fsolve
# ค่าตั้งต้น
PV = 1_000_000 # เงินเริ่มต้น
PMT = 10_000 # เงินออมต่อเดือน
n = 20 # จำนวนปี
FV = 100_000_000 # เงินเป้าหมาย
# ฟังก์ชั่นคำนวณมูลค่าอนาคต
def future_value(r):
return PV * (1 + r)**n + PMT * (((1 + r)**n - 1) / r) - FV
# หาค่า r โดยใช้ fsolve
r_guess = 0.1 # ค่าทายเบื้องต้นสำหรับอัตราผลตอบแทน
rate = fsolve(future_value, r_guess)[0]
# แปลงเป็นเปอร์เซ็นต์
annual_rate_percent = rate * 100
annual_rate_percent
```
เมื่อรันโค้ดนี้ เราจะได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่จำเป็นต้องได้รับเพื่อให้ได้ยอดเงินเป้าหมายที่ 100 ล้านบาทเมื่ออายุ 65 ปี
เริ่มจากน้อยๆ ให้โต มาก
การลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินอาจทำได้หลากหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้เพียงแค่วิธี DCA เท่านั้น ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ ระยะเวลาการลงทุน และเป้าหมายทางการเงินของคุณ นี่คือวิธีอื่น ๆ ที่คุณสามารถพิจารณา:
1. การลงทุนในหุ้น (Stocks)
การลงทุนในหุ้นแต่ละตัวที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นกัน การลงทุนในหุ้นต้องการการวิเคราะห์บริษัทและอุตสาหกรรมอย่างละเอียด
2. กองทุนรวม (Mutual Funds)
กองทุนรวมเป็นการลงทุนที่รวมเงินจากนักลงทุนหลาย ๆ คนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยมีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้ดูแล เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือความชำนาญในการเลือกลงทุนเอง
3. กองทุน ETF (Exchange-Traded Funds)
ETF เป็นกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ สามารถลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือพันธบัตร ETF มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและความยืดหยุ่นสูง
4. พันธบัตร (Bonds)
พันธบัตรเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าและมีการจ่ายดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุนและรับผลตอบแทนที่แน่นอน
5. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าหรือขายต่อสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ แต่ต้องมีการจัดการที่ดีและมีความเข้าใจตลาดอสังหาริมทรัพย์
6. การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือสินค้าเกษตร สามารถเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงและป้องกันเงินเฟ้อได้
7. การลงทุนในธุรกิจส่วนตัว (Private Business)
หากคุณมีความรู้และประสบการณ์ในการทำธุรกิจ การลงทุนในธุรกิจส่วนตัวหรือร่วมลงทุนในธุรกิจของผู้อื่นอาจให้ผลตอบแทนที่สูงมาก
8. การลงทุนในกองทุนรวม REITs (Real Estate Investment Trusts)
REITs เป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แต่ไม่ต้องการจัดการอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเอง
การเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ ระยะเวลาการลงทุน และเป้าหมายทางการเงินของคุณ ควรทำการศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนการลงทุนเพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
บทความดีๆจากหนังสือ สรุปให้ฟัง ทฤษฎีต้นไม้ใหญ่
ขอบคุณข้อมูลจากแชท gpt
โฆษณา