Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Money lab
•
ติดตาม
19 มิ.ย. 2024 เวลา 03:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รวม 5 เหรียญคริปโตฯ ที่มีมาร์เก็ตแคป (Market Cap) สูงสุด
บทความนี้ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 10 เหรียญคริปโตฯ ที่มีมาร์เก็ตแคป (Market Cap) หรือมูลค่าตลาดสูงที่สุดในบรรดาเหรียญคริปโตฯ กว่า 10,000 เหรียญ จะมีเหรียญอะไรบ้าง แต่ละเหรียญมีรายละเอียดและมีความน่าสนใจอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันได้เลย!
1. Bitcoin (BTC)
หากพูดถึงเจ้าแห่งเหรียญคริปโตฯ ก็คงจะหนีไม่พ้น “บิตคอยน์” (Bitcoin) อย่างแน่นอน บิตคอยน์เป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกของโลกที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 โดยผู้สร้างที่ใช้นามแฝงว่า “ซาโตชิ นากาโมโตะ” (Satoshi Nakamoto) ซึ่งตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้
ปัจจุบันบิตคอยน์มีมูลค่าและส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในตลาดคริปโตฯ ด้วยปริมาณการซื้อขายอย่างมหาศาลในแต่ละวัน สำหรับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์จะเป็นอิสระจากรัฐบาลหรือตัวกลางใด ๆ โดยจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (DLT) บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ทำให้ยากที่จะย้อนกลับ ดัดแปลง หรือทำลายทิ้งได้
จำนวนบิตคอยน์มีอยู่จำกัดที่ประมาณ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2022 บิตคอยน์ถูกขุดไปแล้วกว่า 19.04 ล้านเหรียญ หรือราว 90.70% ของจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมด โดยคาดว่าบิตคอยน์จะถูกขุดหมดประมาณปี 2140
Market Cap: 580.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2. Ethereum (ETH)
อีเธอเรียม (Ethereum) ถูกสร้างขึ้นในปี 2013 โดยโปรแกรมเมอร์ชาวรัสเซีย-แคนนาดาที่มีชื่อว่า “วีตาลิค บูเจริน” (Vitalik Buterin) Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบกระจายอำนาจ โดยมีเหรียญ “อีเธอร์” (ETH) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2015 เป็นสกุลเงินหลักทำงานบน “Ethereum Blockchain” ซึ่งมีหลาย ๆ เหรียญในโลกคริปโตฯ ที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนนี้เช่นกัน โดยมีเป้าหมายในการเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกสำหรับแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ (DApp) ที่ผู้คนทั่วโลกสามารถใช้งานได้
เหรียญ ETH มีการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น (ICO) ไปในช่วงฤดูร้อนปี 2014 ที่มูลค่า 0.311 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหรียญ โดยมียอดขายมากกว่า 60 ล้านเหรียญเลยทีเดียว การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Ethereum ทำให้เหรียญ ETH กลายเป็นที่มีมูลค่าตลาดมากเป็นอันดับสองในตลาดคริปโตฯ รองจากบิตคอยน์เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น แต่ทั้งนี้เหรียญ ETH ไม่ได้มีจำนวนจำกัดเหมือนบิตคอยน์ ซึ่งล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2022 มีเหรียญ ETH หมุนเวียนในระบบกว่า 120 ล้านเหรียญแล้ว
นอกจากนี้ Ethereum ยังถูกใช้งานในรูปแบบของโทเคนที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ (Non-Fungible Token) หรือ เอ็นเอฟที (NFT) สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนงานศิลปะ รวมถึงไอเทมในเกมและโลกเสมือนจริง (Virtual World) ด้วย
Market Cap: 247.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
3. Tether (USDT)
เทเธอร์ (Tether) เปิดตัวในชื่อ Realcoin ในเดือนกรกฎาคมปี 2014 ก่อนจะมีการรีแบรนด์และเปลี่ยนไปใช้ชื่อเป็น Tether ในเดือนพฤศจิกายน 2014 Tether ถูกพัฒนาโดยบริษัท iFinex เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงอย่าง BitFinex
USDT เป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกในกลุ่ม “Stablecoin” ที่อ้างอิงกับมูลค่าของสกุลเงิน Fiat อย่างดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ในสัดส่วน 1:1 โดยถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสกุลเงิน Fiat และสกุลเงินดิจิทัล ในเรื่องของความมีเสถียรภาพ ความโปร่งใส และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้ USDT สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและเก็บมูลค่ามากกว่านำมาใช้ในรูปแบบของการลงทุนเพื่อเก็งกำไร
การตรวจสอบการสำรองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของ USDT จะถูกตรวจสอบโดยบริษัท Freeh Sporkin & Sullivan LLP บริษัทกฎหมายในสหรัฐฯ ส่วนเรื่องความถี่ในการเข้าตรวจสอบ ยังไม่ได้มีการระบุความถี่อย่างแน่ชัด
USDT เป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดมากที่สุดในกลุ่มเหรียญ Stablecoin ซึ่งเป็นรองเพียงเจ้าแห่งเหรียญคริปโตฯ อย่าง Bitcoin และ Ethereum เท่านั้น
Market Cap: 73.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
4. Binance Coin (BNB)
ไบแนนซ์ คอยน์ (Binance Coin) เปิดตัวในปี 2017 โดยเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นโดย “Binance” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Binance มีเป้าหมายที่จะทำให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็น
เหรียญ BNB เป็นโทเคนดั้งเดิม (Native Token) บนระบบนิเวศของ Binance ที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม Binance โดยผู้ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม Binance จะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหากใช้เหรียญ BNB นั่นเอง โดยเริ่มแรกเหรียญ BNB ทำงานบน Ethereum Blockchain ด้วยมาตรฐาน ERC-20 แต่ในระหว่างการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น (ICO) ในเดือนกรกฎาคม 2017 ก็ได้เปลี่ยนไปใช้ “Binance Chain” (BEP2) ที่พัฒนาโดย Binance เอง
Binance จะนำกำไรของบริษัท 20% มาดำเนินการ “เผา” เหรียญ BNB ทิ้งในทุก ๆ ไตรมาสเพื่อลดปริมาณการหมุนเวียนของเหรียญ BNB ไม่ให้เกิดการล้นตลาด และรักษามูลค่าให้กับเหรียญ ทำให้อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) มีความสมดุลกัน โดยจะซื้อคืนจนกว่าจะเหลือ 50% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งล่าสุดในช่วงเดือนเมษายนปี 2022 ที่ผ่านมาก็ได้มีการเผาเหรียญเป็นครั้งที่ 19 ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยมีเหรียญถูกเผาไปกว่า 1.83 ล้านเหรียญ มูลค่ารวมกว่า 741.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Market Cap: 53.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5. USD Coin (USDC)
USD Coin (USDC) เปิดตัวในปี 2018 โดยบริษัท Centre ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอย่าง Coinbase และบริษัท Circle โดยมีความตั้งใจที่ต้องการให้คนทั้งโลกสามารถเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ได้
USDC ทำงานอยู่บน Ethereum Blockchain โดยถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลกลุ่ม Stablecoin ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสองของตลาดคริปโตฯ รองจาก USDT และเช่นเดียวกันกับ USDT มูลค่าของ USDC ถูกอ้างอิงกับ USD ในอัตราส่วนคงที่ที่ 1:1 เสมอ จึงเหมาะกับการนำมาใช้ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดคริปโตฯ
สำหรับการตรวจสอบการสำรองเงินดอลลาร์สหัฐฯ USDC จะถูกตรวจสอบโดยบริษัท Grant thornton โดยจะเข้าตรวจสอบในทุก ๆ เดือนและประกาศให้นักลงทุนได้ทราบผ่านเว็บไซต์ของ Centre
Market Cap: 53.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ศึกษาเกี่ยวกับ Market Cap เพิ่มเติมได้ที่
https://www.finnomena.com
คริปโทเคอร์เรนซี
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย