5 ก.ค. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

สรุปเรื่อง Copper Beyond Buffet ใช้ร้านบุฟเฟต์ แค่สาขาเดียว ทำรายได้ 450 ล้าน

Copper Beyond Buffet คือร้านบุฟเฟต์อาหารนานาชาติระดับพรีเมียม ร้านดังจากฝั่งธนฯ ราคาเริ่มต้น 1,359 บาท ต่อหัว
ที่น่าสนใจคือ เห็นราคาแบบนี้ แต่มีคนต่อคิวแน่นทุกครั้งที่เปิดจอง..
เจ้าของ Copper Beyond Buffet คือบริษัทชื่อว่า บริษัท ชัยยะเจริญกิจ จำกัด
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ บริษัท ชัยยะเจริญกิจ จำกัด
ปี 2562 รายได้ 166 ล้านบาท กำไร 13 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 202 ล้านบาท กำไร 18 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 197 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 314 ล้านบาท กำไร 23 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 452 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
1
จุดเริ่มต้นของบริษัทนี้ คือการเกิดขึ้นของร้านชื่อว่า Copper Buffet (ชื่อเดิมก่อน Re-branding เป็น Copper Beyond Buffet ในปัจจุบัน)
12
โดยเริ่มจากผู้ก่อตั้ง คือ คุณสมศักดิ์ พินิจศักดิ์กุล ซึ่งมี Passion ในอาหารบุฟเฟต์นานาชาติและมักไปรับประทานบุฟเฟต์ที่โรงแรมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
จนอยากมีร้านเป็นของตัวเอง เลยเริ่มตระเวนกินบุฟเฟต์จากหลาย ๆ ที่ ตั้งแต่ร้านข้างทาง ไปจนถึงในโรงแรมหรู เพื่อนำมาสร้างคอนเซปต์ร้าน
 
จนได้คอนเซปต์ในการทำร้านคือ จะต้องเป็นบุฟเฟต์ที่อร่อยคุ้มค่า ระดับโรงแรมห้าดาว หลังจากนั้นคุณสมศักดิ์ ได้คุยไอเดียนี้ กับคุณเกษมสันต์ สัตยารักษ์ หนึ่งในทีมผู้ก่อตั้ง และทีมผู้บริหารในปัจจุบัน ผู้มีประสบการณ์ด้านร้านอาหารกว่า 20 ปี
3
เมื่อทั้ง 2 ท่านเห็นตรงกัน โปรเจกต์นี้จึงเริ่มต้นขึ้น..
1
โดยเริ่มเปิดบริการ Copper Buffet สาขาแรก ณ ศูนย์การค้า The Sense ปิ่นเกล้า ในเดือนมีนาคม 2559 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 35 ล้านบาท บนพื้นที่ 400 ตารางเมตร
ความท้าทายแรกของการทำธุรกิจบุฟเฟต์ คือ การตั้งราคา เพราะในช่วงแรก มีการตั้งโจทย์ว่าราคาจะต้องไม่เกิน 1,000 บาท และลูกค้าต้องรู้สึกว่าคุ้มค่าคุ้มราคา มากกว่าบุฟเฟต์เจ้าอื่นในตลาด
ด้วยแนวคิดนี้เอง ทำให้ในระยะเริ่มแรก แม้ร้าน Copper Buffet จะมีลูกค้าเยอะ แต่ช่วงแรกร้านยังทำกำไรยาก
แต่ในทางกลับกัน เสียงตอบรับที่ได้จากลูกค้าคือ ลูกค้าประทับใจในคุณภาพ บอกปากต่อปาก และกลับมาใช้บริการซ้ำ
ในปี 2562 หลังจากเปิดดำเนินการได้ 3 ปี ก็ได้ลงทุนเพิ่มอีกกว่า 50 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ร้านเป็น 2 เท่า คือกว่า 800 ตารางเมตร รองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ในปี 2566 ที่ผ่านมา ก็ลงทุนเพิ่ม 130 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ร้านอีกครั้ง เป็น 2,300 ตารางเมตร คิดเป็นพื้นที่เกือบ 1.5 ไร่ หรือเกือบ 3 เท่า ของพื้นที่เดิม
พร้อมการเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือการ Re-branding เปลี่ยนตัวแบรนด์จาก Copper Buffet สู่ Copper Beyond Buffet
2
ถ้าให้ลองนึกดูเล่น ๆ ว่าจะมีสักกี่ร้าน ที่ใช้พื้นที่กว่า 1.5 ไร่ หรือ 2,300 ตารางเมตร บนศูนย์การค้า เพื่อทำร้านอาหารแค่ร้านเดียว หลายคนคงจะนึกไม่ออกแน่
และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ในเดือนธันวาคมปี 2566 ที่ผ่านมา แค่เพียงเดือนเดียว สาขา The Sense ปิ่นเกล้า ทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยมียอดขายกว่า 60 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 1 เดือน
1
ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคมปีนี้ หลังเปิดดำเนินการครบ 8 ปีเต็ม
Copper Beyond Buffet ก็ได้เปิดสาขาใหม่ Gaysorn Amarin ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ แยกราชประสงค์ ใจกลางกรุงเทพมหานคร
1
โดยลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเนรมิตสาขาใหม่นี้ ให้มีมาตรฐานระดับ World-class ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการขยายสาขาเพิ่ม นับตั้งแต่เริ่มเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2559
ทำให้ปัจจุบันร้าน Copper Beyond Buffet มีทั้งหมด 2 สาขา และมีรายละเอียดราคาตามนี้
1. สาขา The Sense ปิ่นเกล้า (เปิดให้บริการปี 2559)
- Weekday เริ่มต้น 1,359.- (สำหรับวันจันทร์ - ศุกร์ ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์)
- Weekend เริ่มต้น 1,499.- (สำหรับวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
- Beyond Finest Package แพ็กเกจพิเศษร่วมกับ Hungry Hub มีทั้งหมด 14 แพ็กเกจ ราคาเริ่มต้น 1,999.- เป็นต้นไป
2
2. สาขา Gaysorn Amarin (เปิดให้บริการปี 2567)
- Weekday เริ่มต้น 1,499.- (สำหรับวันจันทร์ - ศุกร์ ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์)
- Weekend เริ่มต้น 1,599.- (สำหรับวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
- Beyond Finest Package แพ็กเกจพิเศษร่วมกับ Hungry Hub มีทั้งหมด 14 แพ็กเกจ ราคาเริ่มต้น 2,599.- เป็นต้นไป
ซึ่งหากเรามาดู Timeline จะเห็นว่า ร้านบุฟเฟต์สาขาที่ 2 เพิ่งจะเปิดในปีนี้เอง
เท่ากับว่า รายได้กว่า 452 ล้านบาท เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เกิดจากร้านบุฟเฟต์เพียง 1 สาขาเท่านั้น
คือ Copper Beyond Buffet สาขาแรกที่ The Sense ปิ่นเกล้า
1
และพอมาเทียบกับรายได้ในปีเดียวกัน จากแบรนด์ต่าง ๆ เหล่านี้
- บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้าน MAGURO, Hitori Shabu, SSamthing Together
รายได้ 1,046 ล้านบาท จำนวนสาขารวม 25 สาขา
คิดเป็นรายได้เฉลี่ย = 42 ล้านบาท ต่อสาขา
- บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด เจ้าของร้าน ทองสมิทธ์
รายได้ 857 ล้านบาท จำนวนสาขารวม 16 สาขา
คิดเป็นรายได้เฉลี่ย = 54 ล้านบาท ต่อสาขา
1
- บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด เจ้าของร้าน Mo-Mo-Paradise และ Nabezo Premium
รายได้ 1,751 ล้านบาท จำนวนสาขารวม 26 สาขา
คิดเป็นรายได้เฉลี่ย = 67 ล้านบาท ต่อสาขา
จะเห็นว่า Copper Beyond Buffet ถือเป็นร้านอาหารที่มีรายได้ต่อสาขาสูงมากเลยทีเดียว อาจจะสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้
แต่การจะมีรายได้ต่อสาขาสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศได้นั้น ก็ต้องแลกมาด้วยเงินลงทุน และการพัฒนาร้านเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเช่นเดียวกัน..
เฉพาะตอนเปิดร้านสาขา The Sense ปิ่นเกล้า ก็ลงทุนไปแล้ว 35 ล้านบาท ต่อมาก็ลงทุนอีก 50 ล้านบาท และล่าสุดก็ลงทุนเพิ่มอีก 130 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ร้านและ Re-branding
ส่วนสาขา Gaysorn Amarin ที่เพิ่งเปิดในปีนี้ บริษัทก็ลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท
1
โดยรวมแล้วเท่ากับว่า Copper Beyond Buffet ใช้เงินลงทุน และพัฒนาสาขาแรกไม่ต่ำกว่า 215 ล้านบาท และสาขา 2 อีกกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งก็ดูจะเป็นการลงทุนที่คุ้ม เพราะในมุมรายได้ของ Copper Beyond Buffet ก็ถือว่าน่าสนใจมาก
1
เฉพาะปี 2566 รายได้ 452 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีร้านบุฟเฟต์สาขาเดียว คือสาขา The Sense ปิ่นเกล้า
และก็ต้องรอดูว่า การขยายสาขา 2 โดยเลือกโลเคชันใจกลางเมือง ในศูนย์การค้า Gaysorn Amarin
จะทำให้ Copper Beyond Buffet โตได้อีกแค่ไหน..
1
Reference
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โฆษณา