‘ผู้นำ ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุด แต่ต้องเข้าใจลูกน้องมากที่สุด’
ถอดบทเรียนจาก ‘อุบุยาชิกิ คางายะ’ กับบทบาทของผู้นำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา จากดาบพิฆาตอสูร
จบกันไปแล้วกับ ‘Demon Slayer’ ซีซันใหม่ที่เพิ่งฉายตอนสุดท้ายไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ในเรื่องตอนนี้คงจะเรียกได้ว่า “ความเงียบสงัดก่อนที่พายุจะเข้า”
และด้วยโอกาสนี้เอง Future Trends อยากจะมาเขียนถึงตัวละครหนึ่งตัวที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากภายในเรื่อง ‘อุบุยาชิกิ คางายะ’ ผู้นำตระกูลอุบุยาชิกิ และผู้นำขององค์กรนักล่าอสูร
ที่มีความเป็นผู้นำอย่างเด่นชัด โดยจะมีลักษณะอย่างไรนั้น ตามมาดูกันเลย
***** เนื้อหาบางส่วนอาจมีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญในดาบพิฆาตอสูร *****
[ ถอดแบบผู้นำอย่าง ‘อุบุยาชิกิ คางายะ’ ผู้นำของเหล่านักล่าอสูร ]
ผู้อ่านที่ติดตามเรื่องราวของดาบพิฆาตอสูรคงจะรับรู้ถึงสถานการณ์ของอุบุยาชิกิ ที่มีขีดจำกัดทางร่างกาย ตระกูลของเขาโดนคำสาปที่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังดำรงตำแหน่งผู้นำที่ครองใจผู้ใต้บังคับบัญชาได้ เพราะอะไรกัน?
1. ความเมตตาและความเข้าใจผู้อื่น
อุบุยาชิกิ เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อเหล่านักล่าอสูรทุกคนภายในองค์กร เขาเข้าใจสถานการณ์ที่ยากลำบากของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีตที่เลวร้าย หรืออะไรก็ตาม เขาพร้อมที่จะมอบความเมตตาและความเข้าอกเข้าใจให้
เห็นได้ชัดเจนจากครั้งแรกที่ทันจิโร่และเนซึโกะเข้ามาที่หน่วยพิฆาตอสูร เสาหลักหลายคนคัดค้านการยอมรับในตัวเนซึโกะที่กลายเป็นอสูรไปแล้ว แต่อุบุยาชิกิก็เลือกที่จะมอบความเมตตาและให้โอกาสทันจิโร่กับเนซึโกะพิสูจน์ตัวเอง จนสามารถเข้าร่วมกับกลุ่มพิฆาตอสูรได้
2. ความสามารถในการวางแผนและการตัดสินใจ
อุบุยาชิกิเป็นผู้นำที่มีความสามารถในการวางแผนและตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในสถานการณ์ที่ซับซ้อนโดยพิจารณาทั้งความเสี่ยงรวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอยู่เสมอ ถึงแม้ว่านั่นหมายความว่าจะกระทบต่อตัวเขาเองก็ตาม
เหตุการณ์ที่ชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นในตอนสุดท้ายของซีซันล่าสุดที่เพิ่งฉายจบไปกับการตัดสินใจวางกับดับมุซัน ด้วยการระเบิดปราสาทของตัวเองไปพร้อมกับมุซัน ส่งผลให้ตัวอุบุยาชิกิ ภรรยาและลูกของเขาอีก 2 คนต้องจบชีวิตไปพร้อมๆ กัน เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดและเดิมพันว่านี่จะเป็นศึกสุดท้ายระหว่างหน่วยพิฆาตอสูรและมุซัน
3. เป็นตัวอย่างที่ดี
อุบุยาชิกิต้องต่อสู้กับความเจ็บป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่เขาไม่เคยที่จะนำขีดจำกัดของเขามาสร้างมลพิษให้กับผู้อื่น เขาพยายามที่จะทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ทำให้เขาได้รับความน่าเชื่อถืออย่างมาก
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการประชุมที่เคร่งเครียดเขาก็ไม่กดดันทุกคนและพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีในการประชุมถึงแม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ชี้เป็นชี้ตายของพวกเขา
4. ผู้นำไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุด
อุบุยาชิกิไม่ใช่ผู้นำที่แข็งแกร่ง เขาอ่อนแอด้วยซ้ำจากร่างกายที่โดนคำสาป แต่การเป็นผู้นำของเขาไม่ต้องใช้ความแข็งแกร่งมาเสริมบารมีเพียงแต่เขาจริงใจกับทุกคน มีเมตตา พร้อมรับฟังเรื่องราวของผู้อื่น ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็ไม่จำเป็น
อย่างในตอนที่ทันจิโร่กับเนซึโกะไม่ถูกยอมรับจากเสาหลัก แต่อุบุยาชิกิไม่ต้องใช้กำลังหรืออำนาจใดๆ ในการโน้มน้าวใจพวกเขาเลย เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน และการรับฟังด้วยความเมตตาเท่านั้น
5. บุคลิกที่ผ่านคลายทำให้ทุกคนสบายใจ
อุบุยาชิกิเป็นคนที่มีลักษณะผ่อนคลายตลอดเวลา ดีใจในทุกๆ เรื่อง ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม เราไม่เคยเห็นอุบุยาชิกิแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาการเลย เขามีแต่พลังงานบวกที่พร้อมจะมอบให้กับทุกคน
อย่างตอนที่เขานอนติดเตียงและกลุ่มของทันจิโร่สามารถจัดการข้างขึ้นได้ เขาก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง พยายามที่จะพูดปลุกใจให้ทุกคนได้ยินดีไปกับความสำเร็จนี้ ถึงแม้สภาพของเขาตอนนั้นจะไม่สู้ดีก็ตาม
[ ข้อคิดที่ได้จาก ‘อุบุยาชิกิ คางายะ’ ]
⭐ ความเมตตาและความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นสมบัติสำคัญของผู้นำ
⭐ การวางแผนที่มีภาพรวมเป็นศูนย์กลางผู้นำจะไม่สนใจว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบใดบ้าง หากมันมีโอกาสที่จะนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร
⭐ ตัวอย่างที่ดีต้องแสดงให้เห็น
⭐ เราไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุดแต่เราต้องเข้าใจลูกน้องมากที่สุด
⭐ การผ่อนคลายช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างปราศจากความเครียด และมันจะส่งผลดีต่อผลงา
เป็นอย่างไรกันบ้างกับบทเรียนการเป็นผู้นำแบบฉบับของ ‘อุบุยาชิกิ คางายะ’ ผู้อ่านคิดว่าผู้นำลักษณะนี้โอเคไหมในชีวิตจริง หรือคิดว่าผู้นำที่มีลักษณะแบบนี้มีจริงไหมในสังคม สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเราได้นะ
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsLeadership
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
