Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
•
ติดตาม
16 ก.ค. 2024 เวลา 12:42 • การ์ตูน
EP : 1,269 7 นินจามหากาฬ
เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากที่ในบ้านเราผลงาน LC ของ อ. Takayuki Yamaguchi มีเพียงเรื่อง “ทายาทอสูรสงคราม” เพียงเรื่องเดียว และเป็นเรื่องนี้แหละที่สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านในบ้านเรา ให้หลงไหลไปกับเรื่องราวแฟนตาซีสายดุเดือดที่มีการนำเสนอไปในทางสุดโต่งของตัวละครไปพร้อมๆกับท่วงท่าและตัวละครชิดเส้น 18+
ก็อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นด้วย ถึงไม่มีใครซื้องาน LC ของ อ. มานำเสนอกันอีก เพราะคงสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ซื้อที่จะต้องมานำเสนอพร้อมกับเซ็นหลายๆจุดในเรื่องที่มันเกินอัตราไปมากโขจากบรรทัดฐานการเซ็นเซอร์ของยุคสมัยนั้น
แต่ก็ใช่ว่างานของ อ. จะหาอ่านในบ้านเราไม่ได้เลย เพราะแม้จะไม่มี LC ซื้อเข้ามาแต่ก็ยังมีผลงานอีก 3-4 เรื่องถูกนำเสนอผ่าน สนพ ไพเรทให้ได้อ่านกัน ซึ่งเรื่องอย่าง “Shigurui” ก็เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่างานของ อ. สร้างความลำบากให้กับคนที่ต้องทำงานนำเสนอเรื่องนี้ออกมาแค่ไหน เพราะการได้เห็นการตัดฉากและเซ็นเซอร์ตลอดทั้งเรื่องเกือบจะทุกตอนก็ช่วยตอกย้ำผลงานของ อ. เป็นอย่างดีว่ามันนำเสนอออกมาในตลาดวงกว้างได้อย่างยากลำบากแค่ไหน
ด้วยเงื่อนไขที่ดูเยอะไปซักหน่อยสำหรับงานเรทระดับนี้ จะว่าผมแปลกใจก็ได้ ที่ได้เห็นว่ามีค่ายไพเรทในยุคใหม่นี้ หยิบผลงานช่วงหลังของ อ. เรื่องนี้มาจัดทำ กับผลงานที่หลอมหลวมตัวตนของ อ. เข้ากับยุคสมัย การผสมเรื่องราวการต่อสู้ของเหล่าผู้กลับมาจากโลกอันมืดมิดเพื่อภารกิจแก้แค้นใน “เจ็ดนินจามหากาฬ”
.... ไม่มีพื้นที่ให้กับผู้พ่ายแพ้ เพราะแบบนั้น หลังจากสงครามแย่งชิงแผ่นดินระหว่าง 2 ขั้วอำนาจจบลงด้วยชัยชนะที่ไม่คาดคิดของ “โตคุกาวะ อิเอะยะสึ” ไม่แปลกที่สิ่งแรกที่เขาจะทำคือคำสั่งกวาดล้างทุกคนที่เกี่ยวข้องและยังหลงเหลืออยู่ของฝ่ายผู้พ่ายแพ้อย่าง “ตระกูลโตโยะโตมิ” นั่นก็ทำให้ “อิโอริ” บุตรสาวของหนึ่งในข้ารับใช้ชั้นสูงต้องหลบหนีการตามล่าไปพร้อมกับข้ารับใช้คู่ใจของตระกูลที่เหลืออยู่
แต่เพราะพื้นที่ทุกแห่ง ณ ตอนนี้คือของ ตระกูลโตคุกาวะ ทำให้พวกเขาต้องเดินทางหนีไปยังดินแดนแห่งชนเผ่านอกสารบบ ที่อยู่บนภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งยังมีสายสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลโตโยะโตมิ แน่นอน พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวเผ่าแห่งหุบเขาฮางะคุเระ ที่พวกเขาต้องไปพึ่งพา
เพียงแต่ว่า เหล่าข้ารับใช้ผู้มีหน้าที่ตามล่าของตระกูลโตโยะโตมิ ก็เช่นกัน ที่กำลังเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ยังดินแดนแห่งนี้ กับเรื่องราวการต่อสู้ล้างแค้นหลังสงครามกลืนแผ่นดินญี่ปุ่นแห่งนี้ จากเหล่าปีศาจที่ต้องการล้างแค้นให้กับความเจ็บปวดที่พวกเขาได้โดนกระทำใน “เจ็ดนินจามหากาฬ”
ผมว่าร้อยละ 90% ของคนที่ซื้อเรื่องนี้มาอ่านเป็นแฟนงานของ อ. มาก่อนจากเรื่อง “ทายาทอสูรสงคราม” เพราะฉะนั้นไม่แปลก ที่สิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นจากเรื่องนี้ก็คือ เรื่องราวอันดิบเถื่อนที่ทำให้เกิดการต่อสู้อันดุเดือดระดับไส้แตกเครื่องในกระจาย ชุดเกราะเท่ๆ ของเหล่าตัวละครที่จะมากระชากใจนักอ่านผู้ชื่อชอบ ซีนฉากต่อสู้ที่เรียกเสียงว๊าวที่ชวนให้เราต้องค่อยๆ ไล่ดูรายละเอียดในซีนนั้นด้วยรายเส้นระดับเทพ สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนที่ซื้อเรื่องนี้มาอ่านคาดหวังไว้ก่อนซื้ออย่างแน่นอน
ใช่ครับ สิ่งแรกที่ผมสามารถยืนยันได้ก็คือ ในเรื่องนี้มีสิ่งเหล่านี้อยู่แบบจัดเต็มแบบไม่ต้องห่วงครับ แต่แน่นอนว่าในเรื่องนี้ก็มีหลายอย่างที่อยากพูดถึงเพราะถือว่ามีความแตกต่างและแปลกจากผลงานเก่าๆ ของ อ. โดยสิ่งที่อยากพูดถึงอย่างแรกก็คือ เนื้อหาของเรื่อง
ผมว่าแต่ไหนแต่ไร เรื่องที่ อ. จะนำเสนอ ถ้าเราดูแก่นของมันจริงๆแล้ว ไม่ใช่เรื่องอะไรที่แหวกแนวนัก แม้จะมีธีมของเรื่องที่แฟนตาซีกันก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น การต่อสู้ระหว่างพี่น้องผู้ครอบครองพลังแห่งชุดเกราะ หรือ การต่อสู้ระหว่างซามูไรที่ต่างชนชั้นและที่มา หรือ หยิบเรื่องการเดินทางของพระถังมาเล่า เหล่านี้ส่วนตัวผมว่าไม่ใช่เรื่องราวที่แปลกอะไร
นั่นเลยเป็นจุดที่ทำให้คนอ่านใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็จะเข้าถึงเนื้อหาของเรื่องและติดตามเรื่องราวไปตามเส้นทางที่เรื่องต้องการเล่า อย่างไม่ต้องมีคำถามอะไรมาก และใช้เวลาสนุกไปกับการอ่านที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ตลอดทั้งเรื่อง
ใช่ครับเรื่องนี้ก็เช่นกัน เพราะหากมองถึงแก่นของมันแล้ว การหยิบเรื่องราวหลังสงครามแย่งชิงแผ่นดินของ 2 ฝากใหญ่ที่เราเคยอ่านมาบ่อยครั้งแล้วนั้น ไม่ใช่ช่วงเวลาที่แปลกอะไรนัก เราเข้าใจบริบทของเรื่องราวได้ตั้งแต่ตอนแรกว่าเขากำลังเล่าอะไร แล้วเราจะเห็นอะไรต่อไป
แต่สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือการเซ็ทตัว “อสูร” ทั้ง 7 ที่มีความแค้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อฝ่ายผู้ชนะของสงครามในครั้งนี้ ซึ่งเลข 7 ที่ว่าก็เป็นตัวตัวเลขที่เหมาะสมกับจำนวนตัวละครที่ไม่มากไม่น้อย นิยมใช้ในหลายๆอย่างเสมอมา แบบที่จำได้เลยก็ 7 เซียนซามูไร เป็นต้น
ด้วยการเซ็ทให้ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความแค้น การก่อตัวของกลุ่มคนที่ต้องทรมานและได้รับความเจ็บปวดจากในแง่ใดแง่หนึ่งแบบนี้ ความสนุกที่ถูกเซ็ทขึ้นในเรื่องที่ทำออกมาน่าสนใจมากก็คือ การสร้างคาเรทเตอร์ของตัวละคร “อสูร” ทั้ง 7 ให้ออกมาแฟนตาซีและหลากหลายมาก เพราะเป็นตัวละครที่ต้องเรียกว่า “วาไรตี้” กันสุดๆ แบบที่แฟนๆ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและแฟนมังงะจะต้องเอ๊ะ กันทุกจังหวะ ที่ตัวละครใหม่ๆ โผล่ออกมาเลย อันนี้คือความว๊าว ที่ผมมองว่าไม่คิดว่า อ. จะเน้นคาเรทเตอร์ตัวละครให้ออกมาแบบนี้ครับ
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า เพราะตัวละครสำคัญทั้งหลักและไม่หลัก โผล่มาฉากเดียวหรือเกือบทั้งเรื่อง มีความเป็นคาเรทเตอร์จากมังงะชื่อดังหลายเรื่องเลย ที่ผมคิดว่าใช้ก็มีจาก “ฤทธิ์ดาบไร้ปราณี” หรือ “Berserk” หรือแม้จากมังงะเรื่องเก่าของ อ. เองอย่าง “ทายาทอสูรสงคราม” ด้วยเช่นกัน นี่คือจุดที่ผมรู้สึกว่าเป็นความตั้งใจที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับการอ่านในแต่ละตอนได้อย่างดีเลยครับ
รวมถึงหยิบตัวละครในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นชื่อดังหลายคนมายำรวมนำเสนอไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายดีไม่ดี มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เมื่อรวมกับงานดีไซน์ชุดเกราะและร่างแปลงตลอดทั้งเรื่องแล้ว บอกเลยว่าโครตเร้าใจและชวนให้ตื่นตาเมื่อได้เห็นแต่ละตัวละครโผล่ออกมาครับ
เรื่องการดีไซน์ชุดเกราะและร่างแปลงในเรื่องก็เด็ดดวงมาก ในแง่ความเท่ ผมว่าเท่สะบัดเลย มีการดีไซน์ตีความของความเป็นปีศาจให้ออกมามีกลิ่นอายของประเทศเพื่อนบ้านอยู่ไม่น้อย รวมถึงการผสมความเป็นปีศาจให้แตกต่างกันไปตามแต่ละโจทย์ของแต่ละตัวละครที่มีที่มาต่างไป
และที่สำคัญ มันมีความหลากหลายของการนำเสนอตัวละครในร่างแปลงอย่างมาก ก็อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้มีทั้งตัวละครที่สวมชุดเกราะและแปลงร่างเป็นปีศาจซึ่งเรื่องนี้ตีโจทย์การนำเสนอการสวมเกราะไว้ให้ชวนคิดถึงมังงะเรื่องดังแนวสวมเกราะในอดีตไม่น้อย ผมไม่ได้มองว่ามันนำเสนอซ้ำในอดีตนะ กลับมองว่ามันชวนคิดถึง ฮา และดูวาไรตี้มากกว่าที่คิด ส่วนตัวมองว่าการนำเสนอในหลายๆรูปแบบในเรื่องมันดูสนุกมากกว่าจะคิดในแง่ลบครับ
หลังจากเปิดเรื่องด้วยการทำให้รู้สถานการณ์เรียบร้อย ตัวเรื่องใช้วิธีการเล่าสไตล์ลงรายละเอียดด้วยการค่อยๆ เล่าที่มาที่ไปของ “อสูร” แต่ละตัว โดยเรื่องราวที่เล่านั้นให้เวลาและเน้นองค์ประกอบของตัวละครให้ครบถ้วนมากที่สุด ซึ่งผมชอบการเล่าในแต่ละตอนมาก เพราะนอกจากจะแตกต่างกันด้วยตัวละครแต่ละตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ละอสูร อ. ไม่พยายามจับมายุ่งเกี่ยวกันเท่าไหร่นัก คือไม่จงใจต้องทำให้มันเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันตั้งแต่ต้น ทำให้มันดูแตกต่างทั้งตัวตนและเนื้อหาที่ไม่มีสายสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้องกันในแต่ละตอน
ทำให้ในแต่ละตอนเราจะได้เห็นตัวเอกที่แตกต่างกัน ได้เห็นความเป็นมาที่ไม่ทับซ้อน ศัตรูของแต่ละตอนที่ส่วนใหญ่แตกต่างกันไปหมด แม้จะอยู่ภายใต้กองทัพผู้ชนะเป็นหลักก็ตาม ซึ่งด้วยรายละเอียดที่แตกต่างกันนี้ มีผลอย่างมากกับดีไซน์ร่างอสูรที่ไม่เหมือนกัน แต่เน้นให้เข้ากับเรื่องราวความดิบของความแค้นแต่ละตัวละครเป็นสำคัญครับ
แม้จะดูเหมือนเป็นแบบอย่างชัดเจนอย่างนี้ แต่ก็มีหลายตอน ที่ อ. พยายามบิดเรื่องราวให้แตกต่าง เพราะอย่างที่บอกเอาไว้ว่าหลายตัวละครที่หยิบมาเล่าคือตัวละครสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจริงๆ จึงมีการนำเสนอที่มีหลายหน้า ไม่ใช่ว่าเรื่องราวแต่ละตอน “อสูร” ต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น วิธีการเล่าแบบนี้ทำให้เรื่องราวไม่นิ่งเป็นสูตรเดียวกันทั้งเรื่องซะทีเดียว เพิ่มความน่าสนใจระหว่างอ่านได้ดีครับ
อ่านมาถึงตรงนี้คงรู้สึกแหละว่าผมค่อนข้างชอบเรื่องนี้เอามากๆ เพราะส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้มีความแปลกใหม่ในการนำเสนออย่างมากกับความวาไรตี้ที่หยิบมาผสมกันได้อย่างน่าสนใจ โดยที่ไม่ทิ้งความดิบแบบที่เคย อารมณ์เหมือนว๊าวในสิ่งที่นำเสนอ เพิ่มเติมคือความตื่นตาที่อยู่นอกกรอบของสิ่งที่เคยเห็นในงานของ อ. มาก่อน
แต่สำหรับผมแล้วมันก็มีปัญหาอยู่บ้างนั้นก็คือเนื้อหาในเล่มจบ ที่ผมรู้สึกว่ามันโดดไปนำเสนอบางอย่างที่ไม่เข้ากับที่นำเสนอมาก่อนหน้านี้ซักเท่าไหร่ จะมองว่าเพราะ อ. กำลังปูเนื้อหาไปสู่ภาคใหม่ในอนาคตก็ได้นะ เพราะด้วยการนำเสนอที่เน้นหนักไปที่ตัวปีศาจหลักทั้ง 7 ตัวละครเป็นหลัก การลงดีเทล์เยอะๆ มันก็ทำให้เนื้อหามันหมดไปเยอะ
การที่จะใส่ศึกสำคัญให้จบภายในเล่มเดียวคงเป็นไปไม่ได้สำหรับ อ. เขา ส่วนหนึ่งเพราะความวาไรตี้ของแก หรือความต้องการเล่า ที่บางครั้งก็ดึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงเข้ามาเล่าแทนที่จะใช้เนื้อที่ตรงนี้เล่าถึงศึกกับฝ่ายตรงข้าม แต่สิ่งที่แกหยิบมาเล่าก็สนุกทุกตอนซะด้วยสิ ว่ากันไม่ได้
ผมก็เลยออกจะขัดใจกับเล่ม 10 ที่ อ. เขาหาทางออกให้กับพื้นที่ในเล่มสุดท้าย มองอีกแง่เล่ม 10 เป็นการหยิบทั้ง 7 ตัวละครมาทำความรู้จักกันเป็นสำคัญก็ได้ แต่ถ้าเทียบกับ 9 เล่มก่อนหน้านี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกเนื้อหาดร๊อปไปพอสมควร แล้วนี่ถ้า อ. เขาไม่เขียนต่อภาคสอง ถือว่าแย่เลยนะครับ เพราะมันปูตอนจบไว้ให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เอาเป็นว่าโดยส่วนตัวถือว่า งานทำออกมาดีแล้ว แต่ขัดใจเล่มจบที่นำเสนอออกมาแบบนี้เท่านั้นเองครับ
“เจ็ดนินจามหากาฬ” เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานจากค่ายงานดีอย่าง FREE WILL PUBLISHING อีกหนึ่งค่ายของฝั่งไพเรท ที่มั่นใจในงานผลิตของเขาได้อยู่เสมอ เป็นค่ายที่ลงทุนเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้ในงานของค่ายเขาได้โหดมากอีกค่าย แน่นอนใครเป็นแฟนค่ายนี้จะรู้ดีช่วงเปิดค่ายแต่ละผลงานทางค่ายนี้เขาใช้เวลาในการผลิตถือว่ายาวนานเป็นพิเศษ
โดยในเซ็ทนี้ ทางค่ายนำเสนอออกมาด้วยขนาดเล่ม BB ใหญ่สะใจ ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น ทำออกมาแบบปกสองชั้นตามต้นฉบับ ปกนอกพิมพ์สี บนกระดาษอาร์ตการ์ด 160 แกรมเคลือบด้าน งานพิมพ์คมชัด สีสวย ส่วนปกด้านใน พิมพ์บนกระดาษอาร์ตด้าน 250 แรก พิมพ์2สี โดยปกด้านหน้าเลือกใช้อักษรเป็นสำคัญแต่ปกหลังใช้ภาพของตัวละครสำคัญในแต่ละเล่มตามต้นฉบับครับ
ด้านในแต่ละเล่มจะมีหน้าสี 1 หน้าเป็นหน้าเปิด พิมพ์บนกระดาษอาร์ตด้าน 160 แกรม งานพิมพ์คมชัดสีสวยครับ นอกนั้นพิมพ์เป็นขาวดำ บนกระดาษกรีนรีด ออฟเซ็ต 100 แกรม Eco Figer 100%ที่ ทางค่ายเน้นย้ำว่านี่คือกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีราคาสูงกว่ากรีนรีดทั่วไป ให้สัมผัสที่ดี และมีน้ำหนักมากกว่ากรีดรีดทั่วไป ทำให้น้ำหนักหนังสือแต่ละเล่ม หนักกว่าจนรู้สึกได้ งานแปลทำได้ดี งานพิมพ์คมชัด
ภาพรวมเป็นงานผลิตที่สมกับที่ใช้เวลารอคอยมายาวนาน มั่นใจว่าใครได้จับถือแล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงใช้เวลาที่นานกว่าหลายๆค่าย เอาเป็นว่าส่วนตัว ถือว่าคุ้มค่าเงินทุกบาทอย่างไม่ต้องสงสัยครับ
นี่เป็นอีกเรื่องที่ผมอ่านแล้ววางไม่ลงครับ ถ้านอกจากความดิบที่ผมอาจจะอยากเห็นมากขึ้นกว่าค่ามาตรฐานของ อ. ในผลงานใหม่แล้ว นอกนั้นในเล่มนี้ถือว่าเกินคาดหมายเป็นอย่างมาก มองในแง่สำคัญ ด้วยการตัดสินใจนำเสนอแบบวาไรตี้ ที่หยิบเอาทั้งเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์ นิทานปรับปรา ตำนานของญี่ปุ่นมาผสม เข้ากับงานภาพที่โดดเด่นมาตลอดของ อ. กับการนำเสนอดีไซน์ที่อิงกับมังงะเรื่องดังในอดีตและเวลาใกล้เคียงอย่างตั้งใจ (ผมมั่นใจว่า อ. ต้องการนำเสนอให้รู้ว่าเอามาจากเรื่องไหนกันบ้างนะครับ)
ถ้าตัดเล่ม 10 ที่ผมอาจจะไม่ชอบการวางรอยต่อก่อนเข้าภาคสองแล้ว ผมให้คะแนนเต็มอย่างไม่ต้องสงสัย ใครเป็นแฟนงานของ อ. เรื่องนี้ห้ามพลาด ใครชอบงานวาดสวยๆ เกราะเท่ๆ ตัวละครดีไซน์เฉียบ เรื่องนี้ห้ามปล่อยผ่าน งานผลิตดีคุ้มค่าเงินแน่นอน ผมจัดให้เรื่องนี้อยู่ในลิสห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
ปล มีอยู่ในช๊อปปี้ด้วยนะเรื่องนี้ 55555
ภาพ 10/10
เรื่อง 9.9/10 (หักเล่มสุดท้ายไปหน่อยนะครับ)
ความประทับใจ 10/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #10เล่มจบ #FreeWill #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #การ์ตูนแนวอิงประวัติศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #10คะแนน #7นินจามหากาฬ #หนังสือการ์ตูน #Rate18 #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย