22 ก.ค. 2024 เวลา 01:00 • ธุรกิจ

“บูม-เบลล์” 2 สาว ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ “หมีเนย”

“หมีเนย” ขวัญใจมหาชน ผู้ปลุกกระแสไวรัล ดังเป็นพลุแตก กับกลยุทธ์การตลาด Mascot Marketing เจ้าของร้าน “Butterbear” หนึ่งเดียว พร้อมปรับแผนเปิดจองตั๋วออนไลน์ เข้าคิวพบปะน้อง นำรายได้มอบให้กับรพ.ศิริราช เดินหน้าออกซิงเกิ้ลใหม่ ตอบรับ FC ไทย-จีน
ปรากฏการณ์ “ห้างแตก” จากเหล่าฝูงชนที่แห่มาชื่นชม “หมีเนย” ขวัญใจมหาชนดวงใหม่! คาแรกเตอร์สุดน่ารักจากร้าน “Butterbear” ที่กำลังโด่งดังไกลครองใจชาวจีนจนต้องบินมาพบตัว รวมไปถึงคนไทย ที่ถูกความน่ารักของ “หมีเนย” ตก จนกลายเป็นแฟนด้อมจำนวนมากทำให้หลายคนอยากรู้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของ “หมีเนย” คือใคร
วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์” และ “เบลล์-ธนาภา ปางพุฒิพงศ์” 2 สาว เจ้าของร้าน Butterbear ผู้สร้างให้เกิด “หมีเนย”
นางสาวธนวรรณ (ปางพุฒิพงศ์) วงศ์เจริญรัตน์ และนางสาวธนาภา ปางพุฒิพงศ์ 2 ทายาทของนางณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้าน “คอฟฟี่บีน บาย ดาว” (COFFEE BEANS by Dao) ร้านอาหารชื่อดัง ร่วมกันเล่าที่มาของ “หมีเนย” ว่า เพราะ เติบโตมาในครอบครัวที่มีแพชชั่นด้านการทำอาหารและขนม จึงได้มีโอกาสเรียนรู้การทำธุรกิจจากร้านคอฟฟี่บีน บาย ดาว ของคุณแม่ หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จึงนำมาต่อยอดสู่ธุรกิจตัวเอง
โดยเริ่มต้นร้าน Skinnylicious แบรนด์ขนมเบเกอรีเพื่อสุขภาพ และเมื่อ Skinnylicious ประสบความสำเร็จโด่งดังทั้งในร้านค้าออนไลน์และมีหน้าร้านในห้างชื่อดัง จึงจับมือกันคิดสูตรขนม ทุ่มแรงกายแรงใจปั้น ‘Butterbear’ แบรนด์น้องใหม่ที่สร้างปรากฏการณ์สุดคึกคักให้กับวงการคาเฟ่และธุรกิจร้านขนมไทยในขณะนี้
1
“บูม – ธนวรรณ” เล่าว่า แรงบันดาลใจให้เกิด “Butterbear” เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19 “ช่วงแรกที่มีความคิดอยากทำแบรนด์ใหม่ เพราะว่าตอนนั้นเราอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจหลักของครอบครัว ก็คือร้านอาหาร ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิดค่อนข้างหนัก ส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยความหม่นหมอง อยากทำแบรนด์ที่ส่งความสุขให้กับผู้คนได้ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
1
“พวกเรา 2 คนเป็นแฟนตัวยงของดิสนีย์แลนด์ และประทับใจกับโมเดลธุรกิจของดิสนีย์ ที่สร้างสรรค์คาแรกเตอร์การ์ตูนอันเป็นเอกลักษณ์ และนำความสุขให้กับผู้คนทั่วโลก จากความชื่นชอบดิสนีย์แลนด์ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างคาแรกเตอร์ “หมีเนย” ขึ้นมา หวังว่าหมีเนยจะสามารถส่งต่อความสุขให้กับทุกคน เหมือนกับที่คาแรกเตอร์การ์ตูนของดิสนีย์ทำ” เบลล์ - ธนาภา กล่าวเสริม
ซึ่งไอเดียการสร้างแบรนด์ Butterbear เริ่มขึ้นในปี 2562 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แบรนด์ขนมหวาน ที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน” ผ่านคาแรกเตอร์สุดน่ารัก “หมีเนย” เริ่มคิกออฟขายคุกกี้ Butterbear ในโลกโซเชียล ในปีถัดมา ด้วยจุดเด่นคือแพคเกจจิ้งสุดน่ารัก และจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
จนกระทั่งช่วงปี 2566 Butterbear เริ่มมีออร์เดอร์เข้ามามากขึ้น จึงมองหาสถานที่เพื่อขยายธุรกิจสู่ออฟไลน์ โดยเลือกปักหมุดสาขาแรก ณ ชั้น G ดิ เอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าแห่งใหม่ริมถนนสุขุมวิท พร้อมเปิดร้าน “Butterbear Dessert Cafe”
1
หลังจากเปิดร้านได้ไม่นาน “หมีเนย” ปลุกกระแสไวรัล ดันแบรนด์ดังเป็นพลุแตก ด้วยจุดเริ่มต้นในหมู่ชาวจีน เหตุจากมีคลิปวิดีโอที่ไปเต้นวันเด็ก และมีคนเอาไปแชร์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจีน จนชาวจีนให้ความสนใจ กลุ่มชาวจีนจึงติดตามและเดินทางมาที่ร้าน เกิดเป็นการแชร์ในโซเชียลแบบออร์แกนิก กลายเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อแม่จีน (แฟนด้อมชาวจีน) แห่เดินทางมาหา “หมีเนย” จนสร้างเป็นปรากฏการณ์ใหม่
1
ไม่เพียงเท่านั้น แฟนด้อมชาวไทยเองก็ไม่น้อยหน้า ด้วยคาแรกเตอร์สุดน่ารัก ถูกจริตคนไทยทำให้ตัวเลขแฟนด้อมไทย พุ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด
“บูม- ธนวรรณ” บอกถึงเคล็ดลับความสำเร็จของ “น้องเนย” ว่า “ฟังเสียงผู้บริโภค ใช้พลังแฟนคลับ พัฒนาสินค้า” สิ่งสำคัญคือ การทำการตลาดที่ฟังเสียงผู้บริโภค และ ใช้พลังของเหล่าแฟนคลับ หรือ ด้อมน้องเนย ให้เกิดประโยชน์ วางแผนปั้นอัลบั้มเต็มให้ หมีเนย พร้อมชี้ออกซิงเกิ้ลใหม่เร็ว ๆ นี้
1
“เราพยายามทำการตลาดแบบใกล้ชิดกับลูกค้า ศึกษาว่าลูกค้าชอบอะไร ต้องการอะไร และนำสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนาสินค้าและบริการของเรา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ในช่วงแรก Butterbear เป็นเพียงแบรนด์ขนมหวาน แต่เมื่อน้องหมีเนยโด่งดังขึ้น แฟนคลับต่างอยากได้สินค้าที่ระลึก ของสะสม ทางแบรนด์จึงรับฟังเสียงแฟนคลับ พัฒนาสินค้าลิขสิทธิ์ Butterbear ออกมาวางจำหน่าย”
1
ปัจจุบัน Butterbear มีสินค้าลิขสิทธิ์มากกว่า 40 รายการ เช่น ตุ๊กตา เสื้อยืด แก้วน้ำ และอื่นๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากแฟนคลับอย่างมาก ยังทำให้ยอดใช้จ่ายต่อบิลของ Butterbear เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 300 บาท เป็น 1,500 บาท
1
การส่งต่อความสุขผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบแยบยล แบรนด์วางหมากให้ “หมีเนย” ให้เป็นดาวเด่นตั้งแต่วันแรกที่มีความคิดสร้างแบรนด์ พร้อมโหมโรงการตลาดแบบใหม่ จับ “หมีเนย” ปั้นเป็นไอดอลสาวมีเพลงเป็นของตัวเอง “ชื่อน่ารักมั้ยไม่รู้” พร้อมตระเวนออกรายการทีวีประดุจ ดาราสาวตัวน้อย พลังของโซเชียลดันให้ หมีเนย มีกลุ่มแฟนคลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กลุ่ม Open chat ทะลุ 3 หมื่นคน แพลตฟอร์ม TikTok มีผู้ติดตามกว่า 6.8 แสนคน ยอดวิวเฉลี่ย 1 ล้านวิวต่อคลิป
“พลังของเหล่าด้อมน้องหมีเนย มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของ Butterbear แฟนคลับเป็นพลังขับเคลื่อนให้แบรนด์เติบโต Butterbear จึงเป็นตัวอย่างของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด เข้าใจผู้บริโภค และใช้พลังของแฟนคลับอย่างมีประสิทธิภาพ”
1
“เราตั้งใจสร้างน้องหมีเนยขึ้นมาเพื่อส่งมอบความสุขให้กับทุกคน และก็ดีใจที่น้องหมีเนยสามารถสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับแฟนคลับได้มากมายขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเป็นห่วงแฟนคลับบางคนที่ต้องทุ่มเทเวลาและพลังงานมากมายเพื่อมารอชมโชว์น้องเนยไม่อยากให้แฟนคลับต้องลำบาก จึงคิดหาวิธีใหม่
3
เพื่อให้แฟนคลับสามารถชมโชว์น้องเนยได้อย่างสะดวกและปลอดภัยนั่นคือ “ระบบจองตั๋วออนไลน์” ล่วงหน้าแฟนคลับสามารถจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ Butterbear โดยเงินรายได้จากการขายตั๋วทั้งหมด จะนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งระบบจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้านี้จะช่วยลดความแออัด และทำให้แฟนคลับสามารถชมโชว์น้องหมีเนยได้อย่างมีความสุข”
4
และแม้กระแส “หมีเนย” จะฮอตหรือร้อนแรงแค่ไหน แต่ “บูมและเบลล์” ยังยืนยันว่า จะไม่ขยายร้าน Butterbear ที่มีอยู่เพียง 1 เดียวเพิ่มขึ้น
สุดท้ายนอกจาก “น้องหมีเนย” จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงธุรกิจ ยังถูกยกให้เป็นไอดอลด้าน “Mascot Marketing” ที่มาถูกที่ ถูกเวลา และถูกใจผู้พบเห็น สมกับเป้าหมายของ 2 สาว “บูมและเบลล์” ... “ที่ต้องการให้หมีเนยเกิดมา เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน”
1
โฆษณา