Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กมลสันดาน
•
ติดตาม
2 ส.ค. 2024 เวลา 08:12 • นิยาย เรื่องสั้น
กมลสันดาน : ชีวิตปะหลาดของเด็กอีสานบ้านนอก
บักต้อม ศิษย์โชกโชน
แน่นอนตำแหน่งที่ถนัดคือการเชียร์เพื่อนข้างสนามและคอยถือถังน้ำช่วยครูที่เป็นโค้ช และนั่งอยู่ซุ้มม้านั่งสำรอง จากนัดแรกจนนัดสุดท้ายผมไม่ได้ลงเลยและเป็นอย่างนี้ในหลายทัวร์นาเม้นต์ แม้ว่าทีมเราจะเป็นทีมเล็กๆจากโรงเรียนบ้านนอกที่คนในระดับจังหวัดไม่คุ้นชื่อ
แต่ผมก็ยังนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ดี เหตุผลคือผมตัวเล็ก ไม่ดุดัน ไม่แข็งแกร่ง และชั้นเชิงฟุตบอลนั้นก็ไม่เอาเรื่องเลย ครูที่เป็นโค้ชคงให้ติดทีมเพราะมีความตั้งใจมาคัดตัว อย่างน้อยครูก็คงคิดว่าผมมีความมุ่งมั่นและไม่หันเหไปทางอื่นหรือกลายเป็นพวกเกเรและอาจข้องแวะกับเรื่องไม่ดี และแน่นอนผมก็แห้วครับ
ความภูมิใจในชีวิตนักฟุตบอลผมไม่เคยมีเลย หัวใจผมไม่เคยโป่งพอง ไม่เคยผยองอย่างชายวัยรุ่นที่จะได้วาดลีลาในสนามให้สาวๆได้กรี๊ด .... พูดแล้วก็เศร้า แม้ในวันนี้เมื่อย้อนกลับไปผมก็ยังเห็นตัวเองเป็นแค่ไม้ประดับในทีมที่ไม่ได้อยู่ในสายตาเพื่อนๆและโค้ชเลย
เอาหละเมื่อเมื่อเรื่องฟุตบอลไปไม่ได้สวย ผมจึงตั้งตารอคอยงานบุญเดือนสี่ที่หมู่บ้านเราจัดใหญ่ทุกปี จำได้ว่าในทุกๆปีหมู่บ้านผมจะมีงานนี้ติดกัน 2 วัน 2 คืน และมีมหรสพยิ่งใหญ่ คืนแรกมีมวยและหนังกลางแปลงและคืนที่สองก็ยังมีมวยและที่พิเศษกว่าคืนแรกคือมีหมอลำหมู่วงใหญ่มาฉลองแทบทุกปี นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมเฝ้ารอบุญเดือนสี่ในทุกปี และแน่นอนชีวิตช่วงนี้ผมคือฮีโร่ ผมเป็นพระเอกครับ เพราะผมคือนักมวยเด่นในงานวัด
วันประกบคู่มวยมาถึง ผมในฐานะนักมวยตัวเก่งของหมู่บ้านย่อมไปยืนอยู่แถวหน้า ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ม.3 แล้ว ลืมบอกไปว่าตัวผมเล็กครับ แม้จะเรียนอยู่ ม.3 แต่น้ำหนักก็ไม่น่าจะเกิน 40 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ผมได้เปรียบคู่ต่อสู้อย่างมาก เพราะคู่ชกผมมักจะเรียนอยู่แค่ชั้น ม.1 หรือเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผมกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว ที่แม้จะอายุแก่กว่าเขา แต่ตัวยังเล็กทำให้กระดูกแข็งกว่า นั่นไงล่ะจุดได้เปรียบของคนตัวเล็ก!!!
ในการประกบคู่มวยเริ่มต้นขึ้น และก็เป็นจริงดั่งคิด ผมได้คู่ชกที่เป็นเด็กกว่า มันเรียนแค่ชั้น ม.1 ส่วนผมเรียน ม.3 แต่เราตัวเท่ากัน ผมชำเลืองดูกระดูกแล้วไม่น่าจะแข็ง แต่ชื่อค่ายเขาดูมราศีกว่าผม ส่วนผมนั้นมีชื่อค่ายเป็นฉายาชื่อนักมวยของพี่ชาย ค่ายผมไม่มีสถานที่ฝึกซ้อมแน่ชัด ใช้ต้นไม้หน้าบ้านเป็นที่แขวนกระสอบเตะ และมีบรรดาพี่ๆคอยเป็นคู่ประกบเวลาจะประคบวงใน ซึ่งทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
ผมฝึกซ้อมอยู่นานพอควร จริงๆแล้วผมซ้อมเรื่อยมาตั้งแต่ก่อนมีการประคบคู่มวย เพราะผมรู้ว่าในงานบุญเดือนสี่จะมีการชกมวยแน่ๆ ดังนั้น ถ้าผมอยากเป็นฮีโร่ผมจึงต้องซ้อม ทำให้ทุกๆเช้าตรู่ผมจะต้องออกวิ่งไปนอกหมู่บ้าน ไปกลับ น่าจะราวๆ 5 กิโลเมตร จากนั้นก็ใส่นวมเตะกระสอบ สายนิดๆก็อาบน้ำไปโรงเรียน คราวนี้แม่ไม่ค่อยว่าแล้ว ด้วยอาจเป็นเพราะเห็นฝีมือผมในครั้งแรกที่มีพรสวรรค์ในการชกจึงทำให้แกค่อนข้างอุ่นใจ
เดือนกว่าๆที่ผมรอคอยงานบุญเดือนสี่ ถ้าวัดความรู้สึกแล้ว ผมแทบหาความรู้สึกตื่นเต้น สนุกและมีความสุขในยุคนี้แทบไม่เจอ เพราะมันเป็นสวรรค์ของทุกคนชัดๆ มันไม่ใช่แค่ผมเพราะผมเป็นนักมวยที่จะได้โชว์ลีลา หากแต่มันคืองานมหกรรมประจำหมู่บ้านที่อาจลุกลามเป็นระดับตำบลด้วยเพราะหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านยใหญ่จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาที่นี่ และแน่นอนหมู่บ้านเราจัดหนักจัดเต็ม มีมหรสพพร้อมครบให้ทุกคนได้มาเจอะเจอผู้คน
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ผมเบิกบานที่สุดแม้จะเหนื่อยจากการได้ซ้อมมวย แต่ผมก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นสาวๆมายืนข้างเวทีคอยชะเง้อหน้ามองขึ้นไปข้างบนเพื่อดูนักมวยผอมบางแต่มากด้วยชั้นเชิงอย่างผม แม้ว่าช่วงนั้นผมจะไม่เคยจีบสาวเลย ด้วยเพราะในยามปกติผมจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย คงมีก็แค่การหยอกล้อให้ผู้หญิงรำคาญที่ดูไม่ประสีประสา และผู้หญิงรุ่นเดียวกันเขาก็ไม่ชอบผมหรอกเนื่องจากผมยังเด็กเกินไปในสายตาเพื่อนๆ
และในที่สุดวันต่อยมวยก็มาถึง ผมได้ลำดับการต่อยเป็นคู่แรกๆ การเตรียมตัวเป็นไปด้วยความตื่นเต้น อย่างไรก็ตามแม้จะตื่นเต้นแต่มันก็ปนไปด้วยความสุข เสียงซอจากพ่อใหญ่ทองที่แกนั่งข้างเวทีคอยขับกล่อมให้แฟนมวยและทำให้นักมวยฮึกเหิมปะทะกับกลิ่นน้ำมันมวย ทำให้นักมวยทุกคนดูมีพลังขึ้นมาในทันที
ภาพการรีดหน้าท้อง การทาน้ำมันมวย และการเคลือบด้วยเจลลื่นยังคงติดตาผมแทบทุกวันนี้ มันค่อนข้างเป็นเรื่องตื่นเต้นที่เราเป็นแค่นักมวยไม่มีค่าย แต่เราก็มีความพร้อมค่อนข้างมาก เพราะเราเห็นในทีวีแล้วเอามาทำตาม แม้มันจะเกิดขึ้นปีละครั้ง แต่นี่ก็นับเป็นงานอดิเรกของทุกคนที่มีความสุขในการช่วยกัน
หลังจากทาน้ำมันมวยและเคลือบด้วยเจล จากนั้นก็ใส่กระจับพร้อมสวมกางเกง ก็เป็นอันถึงเวลาที่จะลุกขึ้นมาวอร์มร่างกาย เสียงเตะผ้าใบล้อมเวทีบริเวณงานดังฉุบฉับๆในหลายๆจุด ซึ่งเป็นเสียงของนักมวยแต่ละฝ่ายทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่มีเสน่ห์ กลุ่มเด็กๆผู้ชายจะตระเวนไปดูนักมวยตามจุดต่างๆตามเสียงดังของผ้าใบ ในส่วนของนักมวยนั้นพอเห็นคนไปมุงดูก็ยิ่งเตะแรงขึ้น กระทั่งเสียงโฆษกเวทีประกาศชื่อ คราวนี้ก็ถึงเวลาประกาศศักดิ์ดาประจำปี
"บักต้อม ศิษย์โชกโชน" เสียงโฆษกเวทีประกาศชื่อผม ฉายาผมไม่มีอะไรมากมาย พี่ชายตั้งชื่อให้ตามชื่อเล่นคล้ายๆกับนักมวยดังสมัยนั้น ที่มีคำว่า "บัก" นำหน้าอันเป็นคำที่ชาวอีสานเรียกชื่อผู้ชาย ผมเดินอย่างสง่าไปเวที กล้ามเนื้อแม้จะเล็กแต่ก็เห็นร่องรอยเป็นมัดย่อมๆ ประกอบกับแสงไฟปะทะผิวที่เคลือบด้วยเจลและพรมด้วยน้ำ ยิ่งทำให้มีความวาว แม้จะตื่นเต้นแต่มันก็เท่ห์ยิ่งนัก
ด้วยความที่ผมค่อนข้างจะเป็นคนขี้เล่น มีความซนในตัวอยู่ค่อนข้างมาก และในจังหวะนี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักมวยของหมู่บ้านที่กำลังจะร่ายลีลาบนเวที ประกอบกับสมองค่อนข้างจำในสิ่งที่ชอบ ทำให้ผมคิดในใจว่าผมต้องรำมวย
ซึ่งการรำมวยนั้นเราจะเห็นแต่เด็กๆจากมวยค่ายที่มีครูเท่านั้นที่รำ ซึ่งดูไม่สอดคล้องกับผมที่เป็นแค่มวยวัดซ้อมอยู่บ้านและไม่มีค่าย แต่พอถึงวันชกผมก็จัดการออกลีลาร่ายรำบนเวทีให้สมกับที่เขาว่าผมเหมาะจะเป็นคนเต้นกินรำกิน แต่มันเป็นการเต้นรำบนผืนผ้าใบ ที่บรรดาผู้ชายหลายคนไม่กล้าขึ้นไปบนนั้นเพราะกลัวจนหำหดที่จะต้องต่อยกับคู่ต่อสู้ซึ่งอยู่ตรงหน้า หากแต่ผมไม่เป็นเช่นนั้น เพราะนี่เป็นเวลาปล่อยอย่างเต็มที่ของผม
"ป๊าดโธ่ มันคือเฮ็ดคือแท้ว๊ะ" เสียงผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเซียนมวย ซึ่งส่วนมากเป็นเซียนมวยสมัครเล่นตะโกนเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเหล่านี้นับเป็นคำชื่นชมที่นักมวยตัวเล็กแต่อายุมากอย่างผมเกิดความฮึกเหิม
"เล่นแดงๆ เอาหมอนี่หละ" เสียงตะโกนของแฟนมวยข้างล่างร้องใส่กัน ซึ่งดังพอที่จะทำให้หูผมได้ยิน และผมก็รู้แล้วว่าผมกำลังได้รับการจดจ้อง
"บักต้อมๆ มึงอย่าเฮ็ดให้เสียชื่อเด้" เสียงบรรดาพี่เลี้ยงฝั่งผมตะโกนบอก
"มันมีแต่มาด อย่าไปเล่นมันเด้อ" ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่ผมค่อนข้างได้ยินจากข้างล่างในความหมั่นใส้ของแฟนมวยหลายคน ซึ่งนี่ก็เป็นเสน่ห์ให้เกิดการแข่งขัน และเราต่างรู้ว่ามันกำลังจะเป็นเกมที่สนุก
เสียงระฆังดังพร้อมโฆษกเวทีประกาศ "ยกที่ 1" ผมเดินออกจากมุมตั้งการ์ด กัดฟันกราม ทำหน้าจริงจัง จนแฟนมวยฝ่ายตรงข้ามหมั่นใส้ ส่วนแฟนมวยฝั่งเรานั้นกลับยิ้มหัวเราะชอบใจ
"เตะๆๆๆ" ผมได้ยินบรรดาแฟนมวยข้างล่างตะโกน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ผมเดินรอบๆเวทีนิดหน่อย จากนั้นก็ตัดสินใจขยับเข้าใกล้คู่ต่อสู้
และแล้วก็ถึงจังหวะวาดขาที่ซ้อมมาเป็นอย่างดีกะให้คู่ต่อสู้เกิดความประหม่า แต่ปรากฎว่าพลังของต้นขาผมแรงและแม่นเกินคาด เพราะจังหวะที่ผมเตะครั้งแรกมันดันไปโดนหน้าท้องตรงลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้รุ่นน้องที่มาจากหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ซึ่งเป็นหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามลำโดมใหญ่แม่น้ำซึ่งเป็นสายเลือดหลักของชุมชนละแวกเรา
"ลงแล้ว เตะบาดเดียว" เสียงพี่เลี้ยงของผมตะโกน แฟนมวยข้างล่างเวทีบางคนดูไม่ทัน เพราะผมแค่เตะครั้งเดียว แต่คู่ต่อสู้กลับล้มกลิ้งอยู่พื้นเวทีและไม่ลุกมาต่อยอีกแม้กรรมการจะนับครบ 10 ก็ตาม ในใจผมนั้นทั้งดีใจและเสียดาย ดีใจเพราะผมชนะ แต่เสียดายเพราะผมได้เตะแค่ครั้งเดียวที่อุตส่าห์ซ้อมมาตั้งนาน แต่ก็เอาเถอะข่าวการชนะน๊อคคู่ต่อสู้ของผมในยกแรกและเป็นการเตะแค่ครั้งเดียวคงดังทั่วทั้งโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันต่อมาผมเดินไปโรงเรียนด้วยร่างกายที่ปกติแต่ใจนั้นกรุ้มกริ่มพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ใช่แล้วครับผมกลับมาเป็นฮีโร่ในบรรดาเพื่อนๆอีกครั้ง
"มื้อคืนมึงคือคักแท้หมอ"
"มึงเตะถืกหม่องได๋มัน" เสียงบรรดาเพื่อนๆถามผม ซึ่งบอกไม่ถูกว่าใครเป็นใคร คล้ายกับนักการเมืองที่กำลังถูกนักข่าวลุมร้อม
"กูกะบ่ฮู้คือกัน จักเตะถืกหม่องได๋" ผมตอบไปด้วยความสัตย์จริง
"ปลายตีนมึงเตะถืกลิ้นปี่มัน"
เพื่อนในกลุ่มบางคนสอดขึ้นมา ซึ่งก็คงใช่อย่างที่มันพูดเพราะผมก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน จะอย่างไรก็แล้วแต่ ผมก็กลายเป็นฮีโร่อีกแล้วครับงานนี้ ผมเดินในโรงเรียนอย่างสง่างามทั้งวันและรอให้ถึงเลิกเรียนกระทั่งข้ามเวลาไปถึงตอนค่ำที่หมอลำคณะใหญ่จะได้ทำการแสดงบนเวทีในลานวัดบ้านผม
คืนนั้นผมไปดูหมอลำอย่างมีความสุข สมกับที่ตั้งตารอมาทั้งปี มันเป็นงานบุญที่ทุกคนสนุกมาก โดยเฉพาะผมที่คืนก่อนเพิ่งจะชนะน๊อคบนเวทีมวยเมื่อคืน ยิ่งทำให้ผมเดินไปไหนมาไหนมีแต่เพื่อนๆร้องตะโกนทัก เพราะผมเป็นฮีโร่ เป็นนักมวยเด่นประจำหมู่บ้าน
แต่อย่าลืมนะครับว่า งานมวยมีแค่ปีละครั้ง ฉะนั้นผมคงต้องเผชิญชะตากรรมในฐานะเด็กชายบ้านนอกผู้ไม่มีทักษะแบบคนบ้านนอก และเป็นคนตัวเล็กเกินไปที่จะเล่นกีฬาเท่ห์อย่างฟุตบอลในสนาม หรือไม่มีความมั่นใจพอที่จะหาสาวสักคนมาพูดคุย โอวว มันเป็นเรื่องยากมาก!!!!
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย