5 ส.ค. 2024 เวลา 12:19 • การ์ตูน

EP : 359 โบกุราโนะ สงครามหุ่นหายนะ

ในบรรดานักวาดมังงะที่มีผลงานไม่ตรงปกเท่าที่ผมอ่านมา(ยังไม่เยอะเท่าไหร่นะครับ) รายชื่อของ อ. อ.ฮิโตชิ โทมิซาว่า จะเป็นหนึ่งในชื่อที่ผมนึกขึ้นมาเสมอครับ ผลงานของ อ. มองจากหน้าปกไม่ได้เลย
เพราะหน้าปกที่เป็นเด็กวัยประถมตาโตๆหรือม. ต้นในแต่ละเรื่องภายในจะต้องมีเนื้อเรื่องชวนปวดตับ หดหู่อยู่โดยไม่ต้องคาดหวังครับ อ.จัดให้แน่นอนครับ แล้วนอกเหนือจาก อ. เขาแล้วมีท่านไหนอีกที่เมื่อผมได้เห็นลายเส้นบนหน้าปกเมื่อไหร่ก็รับรู้ได้เลยว่าด้านใน ไม่ happy ending แน่ๆเลย นั่นแหล่ะครับ นี่คือหนึ่งในผลงานจากนักวาดมังงะอีกคนที่จะทำให้คุณรับรู้ถึงคำว่าไม่ตรงปก และรับรู้เรื่องราวอันน่าหดหู่ผ่านตัวละครวัยใส อ. Kito Mohiro กับผลงานเรื่องนี้ครับ โบกุราโนะ สงครามหุ่นหายนะ
เด็กผู้ชายทุกคนจนถึงเด็กผู้ชายมีหนวดแล้วก็เหอะ ย่อมจะฝันเป็นปกติกันทุกคนว่าอยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่บ้าง ไอ้มดแดงบ้าง ขบวนการ 5 สีบ้างหรือขับหุ่นยนต์สู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อพิทักษ์โลกบ้างไม่มากก็น้อย จนอายุเราไหลไปจนกลายเป็นคุณพ่อ หรือคุณตา ผมว่าความคิดนี้ก็สลัดออกจากจิตใต้สำนึกของผู้ชายอย่างเราไม่ได้หรอกนะครับ
แล้วถ้าตอนที่คุณเรียนอยู่ระดับ ม.1 แล้วอยู่วันนึงคุณได้รับโอกาสนั้นขึ้นมา แถมไม่ได้รับคนเดียวด้วย ได้รับพลังในการขับหุ่นยนต์ยักษ์จากต่างโลกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้พร้อมๆกับเพื่อนอีกสิบกว่าคน คุณคงคิดว่า นี่มันช่างเป็นความโชคดีสุดๆเลยสินะครับ ถ้าเป็นผม ณ เวลานั้นก็คงรับโอกาสนี้อย่างไม่ต้องคิดมาก พร้อมที่จะขับหุ่นยนต์กันตั้งแต่วินาทีแรกเลยใช่ไหมครับ แต่คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคนบังคับหุ่นยนต์ตัวนี้ก่อนหน้าคุณต้องตายทุกคนหลังจากทำภาระกิจพิทักษ์โลกเสร็จ คุณจะยังยินดีกับโอกาสที่จะได้รับนี้อยู่หรือเปล่า
ในช่วงหน้าร้อนฤดูนึงเด็กๆวัยมัธยมต้น 15 คนได้มารวมตัวกันเพื่อเข้าแคมป์ศึกษาธรรมชาติ และระหว่างที่พวกเขาเดินเล่นริมหาดอยู่พวกเขาก็ได้พบทางเข้าถ้ำเล็กๆเข้า ด้วยความอยากรู้ทำให้พวกเขาทั้งหมดได้เดินเข้าไปยังข้างในและในขณะที่พวกเขาเริ่มจะเบื่อเพราะความมืดภายในถ้ำนี้ แสงสว่างจากจุดนึงก็ทำให้พวกเขาต้องเดินไปยังต้นกำเนิดแสงและพบว่ามีห้องอยู่ห้องนึงที่ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ หลายอย่างอยู่ภายในก่อนจะพบว่ามีคนเดินเข้ามา
และกำลังอึ้งที่เห็นพวกเด็กๆอยู่ในห้องของเขา ในเมื่อ แม้จะมีท่าทางตกใจ แต่เมื่อเขารู้ว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เขาก็ชวนพวกเด็กๆคุย พร้อมบอกประโยคนึงขึ้นมา เป็นประโยคที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเด็กๆเหล่านี้และโลกใบนี้ไปตลอดกาล “พวกเธอ ลองเล่นเกมส์ดูไหม” พร้อมกับเชิญชวนพวกเด็กเหล่านี้เล่มเกมพิทักษ์โลก โดยพลัดกันขับหุ่นยนต์ตัวนึง และนี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของพวกเขาที่กำลังจะเริ่มขึ้น....
ต้องบอกว่าหลังจากที่ได้อ่านเรื่องนี้ไปผมคิดถึงการ์ตูนยอดฮิตอยู่เรื่องนึงซึ่งเด้งขึ้นมาในหัวผมเลยก็คือ Evangelion การ์ตูนอมตะเรื่องนึงที่นำเสนอเรื่องราวการผ่านวัยเด็กของผู้ชายคนนึงผ่านการขับหุ่นยนต์พิทักษ์โลกซึ่งเรื่องนี้ปมเยอะมาก หากใครเป็นแฟนเรื่องนี้ก็จะรู้ว่าเรื่องนี้นำเรื่องปมการเติบโตของเด็กผู้ชายมานำเสนอได้อย่างปวดหัวมาก ใครจะคิดว่าการหาการ์ตูนหุ่นยนต์พิทักษ์โลกเรื่องนึงมาอ่านมันจะสร้างคำถามและปมขึ้นในจิตใจคนอ่านได้รุนแรงขนาดนี้จนรู้สึกว่านี่มันการ์ตูนเด็กแน่เหรอฟะขึ้นมา
ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกันพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกเป็นเด็กวัยเดียวกัน ขับหุ่นยนต์เหมือนกัน แต่ละคนมีประวัติและปมต่างๆนาๆ ซึ่งดูจะมีมากกว่าเพราะจำนวนเด็กมีมากกว่า เพียงแต่เรื่องนี้ปมแต่ละอย่างจะเคลียร์ออกมาให้จบในแต่ละคนที่ขับหุ่นยนต์ครับ
แต่แม้ดูเหมือนปมจะไม่มาหลอกหลอนเราก็ตามแต่เขาก็ใส่มากมายปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้ มาให้เราได้อ่านพร้อมกับฉากความสับสนหรือการพยายามหาทางออกก่อนที่เด็กแต่ละคนจะขับหุ่นยนต์สู้เพราะนั่นหมายถึงหลังศึกพวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน โดยไม่อาจกลับไปทำอะไรเพื่อคนที่เขารักได้อีกแล้ว
ซึ่งเด็กๆที่ถูกรวบรวมมาในครั้งนี้พอมาอ่านแล้วรู้สึกว่าทุกคนมีปมกันหมดเลยครับ หาเด็กปกติไม่ได้เลย มีทั้งเด็กที่ถูกรังแก เด็กขี้ขลาดที่ทำทุกอย่างให้ตัวเองรอด เด็กที่ท้องในวัยเรียน ม.ต้นที่ถูกหลอกจากผู้ใหญ่ที่ตัวเองรัก และอื่นๆ อย่างที่บอกครับว่ามีปมกันทุกคนจริงๆ โดยเนื้อเรื่องจะทำการแบ่งเป็นตอนๆ แยกเป็นเด็กเป็นคนๆไปครับ ทำให้เรารู้ปัญหาหรือที่มาที่ไปของพวกเธอหรือวิธีแก้ปัญหา
ไม่สิ ต้องเรียกว่าวิธีรับมือในความตายที่กำลังจะมาเยือนอย่างแน่นอนเมื่อพวกเขาต้องเป็นคนขับในครั้งต่อไป อย่าลืมว่านี่คือเด็กที่เพิ่งอยู่ชั้น ม.1 วิธีการรับมองและการมองโลก มองปัญหาย่อมแตกต่างจากคนที่มีวุฒิภาวะเรียบร้อย แต่ว่ากันตามตรงต่อให้คุณอายุที่พูดได้เต็มปากว่าผ่านโลกมาเยอะแล้ว หากคุณต้องเป็นแบบเด็กๆพวกนี้ที่ต้องรู้ว่าครั้งต่อไปคุณจะต้องเป็นคนขับซึ่งอาจเป็นวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรืออาทิตย์หน้าโดยไม่มีการเตือนร่วงหน้าแล้วเมื่อเสร็จภารกิจก็ต้องตาย คุณจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร
เรื่องนี้มีการวางปมเป็นทอดๆ ครับ เหมือนไม่อยากให้พวกเด็กครองสติได้ หรือไม่ก็อยากหยอกล้อคนอ่านอย่างเราให้รู้สึก เฮ้ย เฮ้ย มีอีกเหรอ แบบนี้กันแน่ เพราะเงื่อนไขแต่ละอย่างจะออกมาเมื่อผ่านระยะเวลานึงไปแล้ว ก็คือคนบอกกฎไม่ยอมบอกเงื่อนไขทั้งหมดให้คนเล่นทราบ แม้จะบอกว่า บอกไปก็เท่านั้นเพราะยกเลิกภารกิจนี้ไม่ได้ก็ตาม ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้บีบความรู้สึกของตัวละครได้เป็นอย่างดี
ผมชอบเงื่อนไขหรือปมที่ในเรื่องใส่เข้ามานะครับ และก็คิดว่ามันหนักมากด้วย ทีแรกเนื้อเรื่องไม่พยายามบอกเราเกี่ยวกับเงื่อนไขมากนัก มาบอกเมื่อถึงเวลาที่เจอปัญหานี้แล้วถึงมีการพูด ในขณะเดียวกัน แรกๆเรื่องนี้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับศัตรูน้อยมาก ว่าที่พวกเขาต้องสู้นี้คืออะไร มาจากไหน และเพื่ออะไร
เพราะพวกเขาแค่รู้สึกว่าต้องทำเพราะมันต้องทำ และต้องฆ่าเพราะมันต้องฆ่า ด้วยเงื่อนไขว่าถ้าไม่ฆ่าแล้วจะเป็นอย่างไร และเมื่อเนื้อเรื่องเดินทางมาระดับนึงก็เริ่มใส่ข้อมูลของฝั่งตรงข้ามเข้ามาซึ่งทีแรกผมตะหงิดใจอยู่แล้วว่าถ้ามาแนวไม่บอก อยู่ๆฝั่งศัตรูโผล่มาเลยแบบนี้ไม่ใช่ศัตรูร้ายๆ แน่ๆ ซึ่งผมก็จะทายไม่ถูกซะทีเดียวเพราะมันหนักหนาสาหัสกว่านั้น แทนที่จะได้สู้เต็มที่เพราะเฮ้ย ไอ้หุ่นยักษ์ที่เป็นศัตรูนี่มันบุกโลกเพราะอยากยึดโลก กลับไม่ใช่อย่างนั้น
ผมค่อนข้างทึ่งและอึ้งกับการใส่เงื่อนไขหรือต้นตอของศัตรูของโลกเราใบนี้มานะครับ เพราะที่ใส่มาสร้างความรู้สึกบั่นทอนจิตใจได้อย่างมาก ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเลย
ยัง ยังไม่พอครับ อ.คงรู้สึกว่าเด็กๆคงยังชิวได้ เลยใส่ความเป็นจริงที่การ์ตูนแนวพิทักษ์โลกทั่วไปจะไม่ใส่ลงไปอย่าง การที่รัฐบาลพยายามเข้ามาควบคุมหุ่นยักษ์นี้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคุมข้อมูลไม่สามารถให้คนทั่วไปรับรู้เรื่องนี้ได้ทุกอย่าง
ในขณะเดียวกัน ด้วยพลังรบที่โลกใบนี้ไม่ว่าชาติไหนก็ไม่สามารถรับมือได้เลย ทำให้เป็นหนึ่งในความตึงเครียดระดับโลกของเรา ก็ลองให้คิดว่าอยู่ๆ มีหุ่นที่ไม่รู้จักโผล่ขึ้นมาและมีพลังทำลายระดับระเบิดโลกได้ ใครบนโลกใบนี้จะคิดว่ามันจะไม่มาถึงพวกเขาละครับ ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของแต่ละประเทศอยู่แล้วนั้นทำให้แต่ละประเทศอยู่นิ่งกันไม่ได้แน่นอนครับ
และก็ยังใส่ความเป็นจริงที่จริงเกินไปเพราะทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในเมืองตามสถานที่ที่นักบินคนนั้นอยู่ ทำให้มีฉากการต่อสู้ในเมืองซึ่งหากดูจากทั่วไป คงไม่มาโฟกัสกันที่ประชาชนที่กำลังวิ่งหนีการต่อสู้นี้อยู่ เรื่องนี้ฉายความจริงว่า ขณะที่เด็กๆกำลังต่อสู้กับหุ่นอยู่ คนข้างล่างก็หนีตายกันอลม่าน บ้านเรือนพัง มีคนเสียชีวิตจากการต่อสู้ทุกครั้ง
ด้วยความที่ชีวิตผู้บริสุทธิ์ต้องตายไปอย่างเยอะในแต่ละครั้ง รวมถึงบ้านเรือนที่เสียหายมากมาย ทำให้คนเหล่านี้ที่ไม่ได้รับคำอธิบายจริงๆว่าเพราะอะไรพวกเขาต้องมาเจอสิ่งเหล่านี้ โกรธแค้น และเมื่อได้รู้ความจริงบางส่วนว่าใครขับหุ่นนี้พวกเด็กก็โดนแก้แค้นคืนมา เหมือนเด็กโดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลยทีเดียวซึ่งผมรู้สึกว่ามันเรียลเอามากๆ นะครับ เพราะชีวิตจริงๆ คงเป็นแบบนี้แหล่ะครับ
เห็นผมอธิบายเยอะอย่างนี้อย่าคิดว่าในเล่มมันจะมีแต่การต่อสู้ดุเดือดนะครับ เพราะเอาเข้าจริงสัดส่วนของสิ่งที่คุณจะได้อ่านในเล่ม กับเป็นเรื่องของอารมณ์ในแบบต่างๆ ปัญหาที่เด็กต้องเจออย่างที่บอก มันคือส่วนหลักในการนำเสนอครับ เรื่องแต่ละคนจะมีแบบฉบับของตัวตนของเด็ก ปัญหาของเด็กและบทสรุปของเด็กที่เป็นแบบเฉพาะของแต่ละคน
ซึ่งเหมือนเราได้อ่านหนังชีวิตของใครบางคนที่สุดท้ายพวกเขาได้ทิ้งความรู้สึกต่างๆนาๆ ให้กับคนอ่านอย่างเราได้นั่งสงบและคิดทบทวนเมื่อจบเรื่องของแต่ละคนไปครับ อ่านของแต่ละคนแล้วรู้สึกว่าเป็นเด็กทั่วไปตามปกติที่เราพบเห็นได้ในทุกที่เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเด็กที่เราเห็นเหล่านี้กำลังแบบปัญหาชีวิตและในครอบครัวอย่างหนักเพียงใด
ผมชื่นชอบปมและสิ่งต่างๆที่เรื่องนี้ใส่มาให้อ่านนะครับ เพราะมันหลากหลายเอามากๆ มันเหมือนฉากหน้าเป็นหนังหุ่นยนต์พิทักษ์โลกแต่เนื้อในมันแล้วมันคือหนังชีวิตหนักๆ ที่ใส่ลงมาปะทะกับเด็กๆในเรื่องอย่างไม่ปราณีกัน การดำเนินเรื่องมันเลยออกแนวชีวิตมากกว่าที่เห็น แต่ก็มีส่วนผสมของการต่อสู้ที่ดุเดือดเข้ามาเยอะนะครับ แต่ไม่ใช่ทุกคน เพราะแต่ละคนเขาจะมีการจบเรื่องที่เป็นแบบฉบับเฉพาะครับ ผมชอบการจบแบบนี้เหมือนกันนะครับ เพราะแม้จะเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องราวแต่ละคน แต่มันรวมกันได้อย่างแนบเนียนทีเดียวครับ
เรื่องนี้การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างมีจังหวะที่ชัดเจนครับ เบาแล้วหนัก หนักแล้วเบา ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนอ่านแต่ละคนว่าจะให้น้ำหนักกับเรื่องราวของคนไหนเป็นพิเศษ หรือจากทุกคนครับ แม้จะมีบางปมในเรื่องที่ผมรู้สึกว่ามันไม่เห็นว่าควรจะเข้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอย่างนั้นเลย แต่มาคิดอีกทีก็ไม่ใช่เรื่องทุกเรื่องที่เราจะเข้าใจมันได้อย่างที่ควรเข้าใจ ปัญหาที่เราไม่ได้เจอด้วยตัวเอง
หากเราไปคาดหวังว่าคนอื่นที่เจอนั้นจะทำตัวหรือแก้ไขปัญหาให้เหมือนกับที่เราทำถ้าได้เจอนั้นผมคิดว่ามันไม่ถูกนัก แต่ละคนไม่เหมือนกัน เราย่อมมีการตอบสนองและแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกัน ด้วยเงื่อนไขส่วนตัว เวลาและสภาพการณ์ปัจจุบัน ที่สำคัญพวกเขาเป็นเด็กที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่ปี แม้ว่า ณ ตอนนั้น เด็กๆทุกคนบนโลกใบนี้ก็คงคิดว่า เฮ้ย ฉันโตแล้ว ฉันเก่ง ฉันรู้ทุกเรื่อง แบบนี้ก็ตาม แต่เมื่อเราโตขึ้นเราถึงรู้ถึงความโง่ ความเขลา ความไม่รู้ว่าโลกใบนี้มันยิ่งใหญ่เพียงใด ใช่ไหมครับ
ปัญหาจากการอ่านเรื่องนี้สำหรับผม มันคือบทสนทนาในบางตอนครับ ที่ผมเข้าไม่ถึง เพราะมันเป็นแง่มุมและทัศนคติของการนำเสนอเป็นแบบที่ผมไม่คิด ไม่ได้มองเป็นมุมนั้น บางทีอ่านเสร็จก็มานั่งทบทวนว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้นทำอย่างนั้น ซึ่งผมก็สรุปได้ว่าเพราะตัวละครมีความแตกต่างจากที่ผมเป็น มันไม่แปลกที่ผมจะไม่เข้าใจการตอบสนองหรือการกระทำในแบบของเขาใช่ไหมครับ
กับอีกเรื่องที่ผมจะรู้สึกว่ามีปัญหามาตลอดกับงานของ อ. เขาคืองานวาดครับ อ.เป็นสไตล์วาดเด็กอย่างผอมๆ ไม่สมจริงมาก มันทำให้ผมรู้สึกว่าขาดเสน่ห์ในงานวาดนะครับ อีกอย่าง อ. ชอบนำเสนอตัวละครให้ออกมาแนวน่ารักไปนิด
แต่บท อ.ไม่น่ารักเอาซะเลยนะครับ มันล้อกันมาก มีหลายฉากหลายตอนที่ผมแยกตัวละครไม่ออกครับ ผมว่า อ. วาดงานใกล้เคียงกันไปหน่อย บางทีมารู้ว่าอ้าวนี้ตัวละครเดียวกันนี่หว๋าก็ทำให้ผมต้องมาอ่านไล่ใหม่อีกที รวมถึงฉากหลังที่ อ. เน้นขาวมากไปหน่อยครับ เรื่องนี้ไม่แล้วแต่ชอบนะครับ โดยรวมงานดีไซน์ของ อ. เป็นเอกลักษณ์แต่ขาดความสามารถในการดึงดูดสายตาไปนิดครับ
ผมกลับชอบในฝั่งดีไซน์ของหุ่นแต่ละตัวมากกว่าครับ หุ่นของฝั่งตัวเอกก็ทำออกมาโทนแมลงได้ดีครับ ส่วนในฝั่งที่ต้องต่อสู้นั้นแต่ละตัวผมว่ามีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก เหมือนเอาแมลงมาเป็นแบบในการวาดเลยครับ แม้ตัวความสามารถในการต่อสู้จะไม่ได้มีอะไรแบบระเบิดตูมตาม หรือยิงแสงอะไรมากมายนัก แต่ก็ออกมาลงตัวและดูดีครับ ทำให้ผมนึกถึงสาวกใน อีวานเลยครับ ให้ความรู้สึกอย่างนั้นเลย
เพราะแต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในที่โดดเด่นเป็นอย่างมากครับ รวมถึงแผนการรบของแต่ละตัวด้วยเป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ เออ จะว่าไปผมชอบเจ้าตัว โคเอนมุซึ เจ้าตัวคล้ายหมีที่ออกมาเสมือนเป็นผู้ช่วยบังคับของระบบการต่อสู้ที่นิสัยยีนส้นตวน มากๆครับ อารมณ์ไม่แคร์มีอะไรอะไรอะป่าว อย่ามาทำให้อารมณ์เสียนะ เดียวไม่บอกไม่ช่วยนะเว้ย ซึ่งสร้างการจดจำให้ผมได้เป็นอย่างดีครับ
โบกุราโนะ สงครามหุ่นหายนะ มีทั้งหมด 11 เล่มจบครับ เป็นการ์ตูนเก่าออกมาตั้งแต่ปี 2004 ได้ครับเป็นการ์ตูนเก่าที่หาได้เฉพาะมือสองเท่านั้น โดย LC เป็นของ สนพ วิบูลย์กิจ ครับ
กล่าวก่อนจากกันเรื่องนี้เป็นการ์ตูนไม่ตรงปกอีกเล่ม หน้าปกมองแล้วรู้สึกว่าเป็นการ์ตูนเด็กๆกับหุ่นผู้พิทักษ์ทั่วไปนะ แต่พออ่านเข้าไปจริงๆ มันดราม่าหนักเกินวัย เอาคนตายเป็นระดับหลักล้านได้อย่างหน้าตาเฉย ให้ความหนักกับเรื่องราวต่างๆ เสมือนจริงมากกว่าเรื่องแนวฮีโร่ทั่วไปอย่างมากมาย
มีเงื่อนไขหนักๆ ให้ทั้งตัวละครและคนอ่านอย่างเราต้องกุมขมับและเหนื่อยใจกับสิ่งที่ตัวละครต้องเจอได้อย่างทุกตอน เหมาะมากใครเบื่อฮีโร่แนวใสๆ อาวุธเยอะ ตัวช่วยแยะๆ ตลกๆฮา ๆ ลองมาอ่านเรื่องนี้ได้ครับ ความตลกนี่ต่ำเตี้ยเลี่ยดินมาก แต่ความหนักของอารมณ์และความปราถนาต่างๆ จากในเรื่องมีให้คุณอย่างจุใจแน่นอน ใครชอบแนวดาร์กฮีโร่กลายๆ เรื่องนี้ตอบโจทย์อย่างมากครับ แต่ใครไม่ชอบหนักๆ หนีไปให้ไกลครับ เพราะนี่คือการ์ตูนแนว ดาร์กแฟนตาซี และดราม่าครับ อย่าโดนปกหลอกเอานะครับ ขอเตือน.
ภาพ 7.5/10
เรื่อง 10/10
ความประทับใจ 10/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #11เล่มจบ #Vibulkij #วิบูลย์กิจ #การ์ตูนแนวหุ่นยนต์ #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #10คะแนน #โบกุราโนะ #สงครามหุ่นหายนะ #หนังสือการ์ตูน #Rate18 #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา