16 ส.ค. 2024 เวลา 01:40 • ข่าว

สรุปดราม่า เพจหนังดังยืมเงิน-ฉ้อโกง

แอดมินเพจหนังวางอุบายเพื่อนในวงการ
ยืมเงินไปลงทุนสุดท้ายหายเงียบพร้อมหนี้กว่า 6 ล้าน
เริ่มประเด็น
1. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมามีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งออกมาเปิดประเด็นด้วยข้อความทำนองว่า "แอดมินเพจรีวิวหนังเพจดังผู้ติดตามเกินล้านเพจหนึ่งยืมเงิน+ฉ้อโกง ใช้ความไว้ใจจากเพื่อนฝูงหลายคน โดยใช้วิธีกลอุบายมูลค่าความเสียหายหลายล้าน"
1
2. ข้อความนี้กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตมากมายให้ความสนใจทันที เพราะถ้าว่ากันตามตรงเพจรีวิวหนังในประเทศไทยที่มีผู้ติดตามเกิน 1 ล้านบัญชีนั้นมีไม่มาก และเพจเหล่านี้ล้วนเป็นเพจที่มักผ่านหูผ่านตาผู้ใช้โซเชียลในไทยแทบจะเป็นเรื่องปกติ
3. ชาวเน็ตมากมายเริ่มคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าอาจเป็นเพจนี้ เพจโน้น หรือเพจนู้น แต่สุดท้ายเพจที่ได้รับความสนใจที่สุดและเป็นชื่อที่หลายคนพูดถึงมากที่สุดก็คือเพจที่มีชื่อว่า "หนังฝังมุก"
ข้อมูลจากคนแฉ
4. สาเหตุที่หลายคนคาดเดาว่าเพจที่เป็นประเด็นคือเพจหนังฝังมุกเป็นเพราะว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊คคนที่ออกมาแฉได้ทยอยลงข้อมูลมาทีละนิด ๆ และข้อมูลส่วนใหญ่ก็ไปตรงกับเพจหนังฝังมุก
5. ข้อมูลโดยสรุปที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายนี้นำออกมาเผยคือ คนดูแลเพจคือภรรยา ภรรยาคือคนที่คอยรับงานสปอนเซอร์ จัดคิวงานให้สามี ดูแลเรื่องเงินทุกบาททุกสตางค์ของสามี ส่วนสามีมีหน้าที่แค่ทำคอนเทนต์และโพสต์ลงเพจเท่านั้น
6. นอกจากเผยข้อมูลเกี่ยวกับเพจแล้ว ทางผู้ใช้เฟสบุ๊ครายนี้ยังได้เล่าวีรกรรมต่าง ๆ ที่แอดมินเพจหรือก็คือฝ่ายภรรยาทำเอาไว้อีกด้วย วีรกรรมที่ทำได้แก่
- เจ้าหนี้คนแรก : ติดหนี้ไว้นาน ถูกทวงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจ่ายและเลือกที่จะบ่ายเบี่ยง สุดท้ายเจ้าหนี้ตัดสินใจฟ้องร้องเรียกเงิน 2 ล้านบาทและนัดไปไกล่เกลี่ยที่ศาล เจ้าหน้าหวังว่าถ้าลูกหนี้ไปตามนัดก็จะลดหย่อนหนี้ให้เพื่อให้จบกันด้วยดี แต่สุดท้ายลูกหนี้ก็ไม่ไปตามนัด
- เจ้าหนี้คนที่สอง : เป็นเจ้าของเพจรีวิวอาหารที่มีคนตามหลายแสน ถูกยืมไป 1 ล้านบาทและอ้างเหตุผลว่า เอาไปปล่อยเงินกู้ร่วมกับแอดมินเพจดังเพจอื่น ๆ โดยสัญญาว่าจะมีค่าตอบแทนให้ .. ปัจจุบันเจ้าหนี้ได้เงินคืนมา 4 แสน ส่วนอีก 6 แสนยังไม่รู้ชะตากรรม
- เจ้าหนี้คนที่สาม : เป็นเจ้าของเพจการ์ตูนชื่อดังที่สนิทสนมกันดั่งพี่น้อง คนนี้ถูกยืมไป 1.5 ล้านบาท ใช้เหตุผลในการยืมคล้ายกันคือ ยืมเงินไปออกดอกและจะแบ่งดอกเบี้ยให้ .. ปัจจุบันยังไม่ได้เงินคืนสักบาท
7. นอกจากเจ้าหนี้ทั้งสามที่ถูกหยิบมาเปิดเผยแล้ว ยังมีเจ้าหนี้อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ถูกนำมาพูดถึง แต่ถ้ารวมมูลค่าความเสียหายแล้วถูกระบุว่าอยู่ที่ราว ๆ 6 ล้านบาท
หนังฝังมุก
8. หลังจากที่เรื่องเป็นประเด็นมาสักพัก ทางด้านของเพจหนังฝังมุกที่ถูกเพ่งเล็งก็ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เนื้อความโดยสรุปคือ
9. เพจหนังฝังมุกมีผู้ดูแล 2 คนคือฝ่ายชายผู้เป็นสามี และฝ่ายหญิงผู้เป็นภรรยา (ต่อไปผมจะขอแทนฝ่ายชายว่า ช และแทนฝ่ายหญิงว่า ญ นะครับ)
10. ช กับ ญ แต่งงานกันมานานแต่ทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน ช อาศัยอยู่ต่างจังหวัดและ ญ อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ดังนั้นเรื่องการรับงานและเงินทั้งหมด ญ จะเป็นคนดูแล ส่วน ช มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือทำคอนเทนต์และโพสต์ลงเพจ
11. ตลอดเวลาที่ผ่านมา ญ ใช้เครดิตของการเป็นแอดมินเพจสร้างคอนเนคชั่นกับเพจต่าง ๆ มากมาย รวมถึงชักชวนเพจต่าง ๆ มาลงทุนโดยที่ ช ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย พอมารู้ตัวอีกที ช ก็มีหนี้มหาศาลมากองอยู่ตรงหน้า
12. ตอนนี้ ช ประกาศตัดความสัมพันธ์และดำเนินการหย่ากับ ญ เป็นที่เรียบร้อย
13. ช ตัดสินใจทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้รายหนึ่งทำนองว่า ตนจะขายเพจหนังฝังมุกให้แลกกับการชดใช้หนี้บางส่วน และในระหว่างนี้ ช ก็จะทำคอนเทนต์ลงเพจตามปกติเพื่อหาเงินมาใช้หนี้จนครบจำนวน แต่เป็นการทำคอนเทนต์ในฐานะหนึ่งในแอดมิน ไม่ใช่ฐานะเจ้าของเพจอีกต่อไป
14. ช ตัดพ้อว่าตอนนี้ตนสูญเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียความไว้ใจ สูญเสียมิตรภาพ สูญเสียครอบครัว สูญเสียเพจที่สร้างมากับมือ พร้อมกับทิ้งท้ายถึงเจ้าหนี้ที่เหลือว่า ตนขอโทษที่ไม่อาจสู้หน้าทุกคนได้ ถ้ามีโอกาสตนจะขอชดใช้คืน แต่ตอนนี้ตนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจริง ๆ
โซเชียล
15. แน่นอนว่าถ้ามันเป็นจริงแบบนี้หลายคนก็รู้สึกเห็นใจที่ ช ต้องมาร่วมรับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็เอ้ะกับประโยคสุดท้ายที่บอกว่า "ถ้ามีโอกาสตนจะขอชดใช้คืน แต่ตอนนี้ตนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจริง ๆ" เพราะมันเหมือนกับต้องการสื่อว่า เอาจริง ๆ ฉันไม่เกี่ยวนะ ,ตอนนี้ยังไม่มีให้นะ ขอให้เจ้าหนี้รอไปก่อน
1
16. นอกจากนั้นชาวเน็ตหลายคนก็ตั้งคำถามทำนองว่า การขายเพจอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนช่องทางหากินหลักของ ช ดังนั้น ช ควรเก็บเพจไว้ก่อนเพื่อหาเงินจากช่องทางนี้ไปใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกคน
17. ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของ ช กับ ญ นั้นเบื้องลึกเบื้องหลังไม่มีใครรู้ดีเท่าทั้งคู่ แต่เรื่องการก่อหนี้คือเรื่องจริงที่มีหลักฐาน ดังนั้นชาวเน็ตหลายคนจึงหวังว่า ช กับ ญ จะไปคุยกันและรับผิดชอบหนี้ที่ก่อขึ้นมาให้เร็วที่สุด
อ้างอิง
โฆษณา