17 ส.ค. 2024 เวลา 14:00 • ไลฟ์สไตล์

ทำไม Taylor Swift ถึงรวยกว่าศิลปินดังรุ่นเดียวกัน ✨💵

สำรวจแผนบริหารความมั่งคั่งที่ทำให้เทเลอร์ขึ้นแท่น ‘มหาเศรษฐีพันล้าน’
เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ศิลปินระดับโลกที่ไม่เพียงแต่เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จ เธอยังเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามรายงานของ Forbes (2024)
ความสำเร็จของเธอแน่นอนว่ามาจากผลงานและความสามารถทางดนตรีอันยอดเยี่ยม แต่มากอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือการบริหารทรัพย์สินอย่างชาญฉลาด เทเลอร์เป็นกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการบริหารความมั่งคั่งอย่างฉลาดสามารถนำไปสู่ความสำเร็จและอิทธิพลทางการเงินที่ยั่งยืนได้อย่างไร
3
[ ค้นพบและยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ 🫶 ]
เทย์เลอร์ สวิฟต์ ประสบความสำเร็จจากทำตามความฝันในการเป็นศิลปิน แม้ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดอยากเป็นที่ปรึกษาการเงินตามรอยพ่อ เทเลอร์เคยให้สัมภาษณ์ทาง Youtube ว่าเกือบจะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินตามรอยเท้าคุณพ่อของเธอ Scott Swift ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจากให้กับ Merrill Lynch
แต่สุดท้ายเธอเลือกตามฝันในการเป็นนักร้อง - นักแต่งเพลง เธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงเพลงแรกตอนอายุ 15 ปี ในช่วงปี 2003 กับค่ายเพลงบิกแมชีนเรเคิดส์ และเป็นนักแต่งเพลงที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทโซนี/เอทีวีมิวสิกพับบลิชชิง
อัลบั้มที่ทำให้เทเลอร์โด่งดังเป็นพลุแตกคืออัลบั้มที่สองชื่อ ‘Fearless’ วางจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 2008 และสามารถติดชาร์ตเพลงป็อป (pop crossover) ได้สำเร็จ จากเพลง "Love Story" และ "You belong with me"
ในปี 2009 อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐในปี ชนะรางวัลแกรมมี่ 4 รางวัล ซึ่งนั่นทำให้เทเลอร์ สวิฟต์เป็นนักร้องที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขาอัลบั้มเพลงแห่งปี
เทเลอร์เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่อัลบั้ม ‘Fearless’ เป็นต้นมา เธอค่อย ๆ ทุบทำลายสถิติบนโลกของวงการเพลงเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มแห่งปี เพลงยอดเยี่ยม ทัวร์คอนเสิร์ตที่สร้างรายได้มากที่สุด ยอดสตรีมสูงสุดฯ ก็มักจะมีชื่อของเทเลอร์ในลิสต์ประวัติศาสตร์เหล่านั้น
แม้เลือกเส้นทางต่างกับพ่อ แต่เทย์เลอร์ก็ตัดสินใจทางการเงินอย่างเฉียบแหลม เช่น ทำข้อตกลงกับหลายแบรนด์ในการเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อหารายได้เพิ่มจากความมีชื่อเสียง และซื้ออสังหาริมทรัพย์ก่อนอายุ 20 ปี การขยายช่องทางสร้างรายได้และการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ในการบริหารความมั่งคั่งตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพของอาชีพ
[ อิทธิพลที่ไม่แผ่วของเทเลอร์ Taylornomics - Swiftonomics 😎 ]
เมื่อปีที่แล้ว นิตยสารไทม์ (Time Magazine) ได้ยกย่องให้ เทเลอร์​ สวิฟต์ เป็นบุคคลแห่งปี 2023 ด้วยเหตุผลที่ว่า “เธอสามารถใช้พลังทางดนตรี เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความกล้าหาญของตัวเอง และได้สร้างปรากฏการณ์ระดับนิวเคลียร์ฟิวชั่น จนไม่มีบุคคลใดในโลกที่สามารถสร้างความประทับใจให้คนหมู่มากได้ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้วในปีนี้”
การปรากฎตัวของเทเลอร์บนเวทีหรือพื้นที่สื่อแต่ละครั้งไม่เพียงแค่ ทำให้เธอมีรายได้มากขึ้น หรือได้ใกล้ชิดกับแฟนๆมากขึ้น แต่ทัวร์แต่ละครั้งสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับพื้นที่ที่เธอไป ทุกประเทศที่เธอไปเยือนนั้น มีผู้เข้าชมถล่มทลาย
ถึงกระทั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียยังเคยกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องมีสวิฟโตโนมิกส์ (Swiftonomics) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอินโดนีเซีย”
1
จากการออกทัวร์คอนเสิร์ตในช่วงเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง ‘Eras Tour’ ทัวร์คอนเสิร์ตล่าสุดของเธอรับการบันทึกใน Guinness World Records ว่าเป็นทัวร์ดนตรีที่ทำรายได้สูงสุดอย่างเป็นทางการ และเป็นทัวร์แรกที่มีรายได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขตรงนี้สูงกว่า GDP ของประเทศกว่า 50 ประเทศทั่วโลก (กล่าวโดยแดน ฟลีตวูด นักวิเคราะห์และประธานบริษัทเควสชันโปร รีเสิร์ช)
1
บริษัทซอฟต์แวร์เควสชันโปร รีเสิร์ช (QuestionPro) ทำการสำรวจค่าใช้จ่ายในกลุ่มแฟนคลับที่มาคอนเสิร์ตของเทเลอร์ และพบว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ต่อการไปดูคอนเสิร์ตหนึ่งครั้งของแฟนคลับ (สวิฟตี้) จะใช้เงินราวๆ 93 ล้านเหรียญ (3,300 ล้านบาท) รวมตั๋วคอนเสิร์ต ของที่ระลึก โรงแรม ตั๋วเครื่องบิน อาหาร เสื้อผ้า และเครื่องประดับทั้งหลาย
นอกจากนี้สวิฟตี้ที่มาคอนเสิร์ต ส่วนใหญ่หลังจบงานมักอยู่เที่ยวต่ออีกหลายวัน คอนเสิร์ตของเทเลอร์จึงกระตุ้นธุรกิจท้องถิ่นได้เยอะมาก ทำให้ในหลาย ๆ ประเทศถึงกับต้องมีดีลกับเทเลอร์ เพื่อดึงเธอมาเล่นคอนเสิร์ตในประเทศของตนเอง
[ การรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ⚖️ ]
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่เทเลอร์สามารถรักษาผลประโยชน์ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมคือการตัดสินใจที่จะอัดเพลงใหม่ของเธอทั้งหมด 6 อัลบั้ม การกระทำนี้ทำให้เธอได้กลับมาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงที่เธอเขียนขึ้นทั้งหมดอีกครั้ง
หลังจากที่ในปี 2009 ค่ายเพลง Big Machine Records ได้ขายลิขสิทธิ์เพลงของ Taylor ให้กับ Scooter Braun (สกูเตอร์ บรอน) ในมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การอัดเพลงใหม่และใส่คำว่า “Taylor’s Version” เป็นการเรียกคืนสิทธิ์และความเป็นเจ้าของในผลงานของเธอ
การกระทำนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการปกป้องสิทธิ์ของศิลปิน และทำให้วงการเพลงต้องปรับนโยบายนี้ตามอีกด้วย
เทเลอร์ สวิตฟ์ ไม่เพียงแต่เป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่เธอยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่ชาญฉลาด ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของอาชีพ เธอและครอบครัวได้ก่อตั้ง Firefly Entertainment เพื่อดูแลการจัดการธุรกิจและสิทธิ์ต่าง ๆ ของเธอ ในปี 2006 ปัจจุบันบริษัทนี้ทำหน้าที่ดูแลเรื่องส่วนตัวทั้งหมดของเธอ เช่น การจ้างคนขับรถ จัดการอสังหาริมทรัพย์ และบริหารจัดการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเธอ
และยังมีบริษัทย่อย ๆ ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลกิจการต่าง ๆ ของเทเลอร์ ทั้ง Taylor Swift Productions ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 ก่อนที่เธอจะเริ่มทัวร์คอนเสิร์ต และบริษัทนี้มีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์คอนเสิร์ตและมิวสิกวิดีโอส่วนใหญ่ของเธอ เช่น 13 Management ซึ่งทำหน้าที่เสมือนบริษัทแม่ที่ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของเธอ
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากศิลปินคนอื่นอย่าง Billie Eilish, Ariana Grande และ Olivia Rodrigo ที่ล้วนแต่เป็นป๊อปสตาร์รายใหญ่ แต่พวกเธอไม่ได้ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการเป็นของตัวเอง หรือจัดการกับเรื่องธุรกิจทั้งหมดภายในองค์กร ศิลปินส่วนใหญ่ฝากเรื่องบริหารเหล่านี้ไว้ให้กับทีมภายนอกหรือค่ายเพลงที่ตนเองสังกัด
2
[ การให้กลับสู่สังคม 💫 ]
องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารความมั่งคั่งของ Taylor คือการ ‘เป็นผู้ให้’ สิ่งนี้สร้างสมดุลระหว่างการสะสมความมั่งคั่งของเธอกับความรับผิดชอบต่อสังคม
เทเลอร์ได้ให้โบนัสกับคนงานหลายคนในทัวร์ Eras ซึ่งรวมถึงโบนัส 100,000 ดอลลาร์ให้กับคนขับรถบรรทุก 50 คนของทัวร์
และระหว่างทัวร์เทเลอร์ยังได้เป็นเจ้าภาพหลักในการบริจาคเงินให้กับโรงทานในท้องถิ่น (local food pantries) ตลอดเส้นทางของทัวร์ อิงตามรายงานสำนักข่าว NY Times เทเลอร์ ได้ทำการกุศลประเภทนี้มาเกือบตลอดอาชีพการงานของเธอ
หนึ่งในโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ของเธอคือการบริจาคเงิน 4 ล้านดอลลาร์ให้กับ ‘the Country Music Hall of Fame’ หอเกียรติยศเพลงคันทรี่เพื่อสร้างศูนย์การศึกษาด้านดนตรีสำหรับเด็ก
การมอบคืนให้กับสังคมนอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวนมาก การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเธอ แต่ยังช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมด้วย
นอกจากนี้เทเลอร์ยังใช้ชื่อเสียงของตัวเองเพื่อเป็นกระบอกเสียงในการสนับสนุนประเด็นทางสังคมต่าง ๆ เช่น การต่อต้านความไม่เท่าเทียมทางเพศ อุดมการณ์ประชาธิปไตยฯ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เพียงแต่เป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นบุคคลที่มีจิตใจดีงามและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
[ บทสรุป 🥂 ]
เคล็ดลับการบริหารความมั่งคั่งของนักร้องที่ชื่อเทเลอร์คือการมีวิสัยทัศน์และการวางแผนที่รอบคอบ ในการรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง การสร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยการควบคุมธุรกิจ และการให้กลับคืนสู่สังคม
ดังนั้น การบริหารความมั่งคั่งของเทเลอร์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำเงิน แต่เป็นเรื่องของการจัดการชีวิตและการสร้างความสุขให้กับตนเองและผู้อื่นด้วย และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Taylor Swift เป็นหนึ่งในบุคคลที่น่าชื่นชมที่สุดในวงการบันเทิงและธุรกิจระดับโลก
ที่มา:
- Taylor Leads The Swifties Into A New Wealth Management Era
- How Taylor Swift got very, very rich
- What wealth managers can learn from Taylor Swift
- Taylor Swift’s Eras Tour breaks record as highest-grossing music tour ever
- เมื่อ Taylor Swift ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ Taylor's Version
- เทย์เลอร์ สวิฟต์ กับการแก้เผ็ดค่ายเพลง และบทเรียนเรื่องลิขสิทธิ์ที่ศิลปินต้องรู้
#aomMONEY #taylorswift #บริหารความมั่งคั่ง #การเงิน
โฆษณา