1 ก.ย. 2024 เวลา 17:51 • ประวัติศาสตร์

๗ มิถุนายน ๒๔๗๗

ก่อตั้ง 'โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม
ประจำภาคเหนือ'
ก่อนจะเป็น 'มหาวิทยาลัยแม่โจ้'
...
ก่อนจะเป็น 'มหาวิทยาลัยแม่โจ้' ในทุกวันนี้ สถาบันการศึกษาแห่งนี้ มีจุดเริ่มต้นจาก 'โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ' มาก่อน โดยได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ และได้ทำการเปิดการสอนในวันแรกพร้อมประกอบพิธีไหว้ครูเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗
จึงได้ยึดถือวันดังกล่าวนี้เป็นวันสถาปนาสถาบันการศึกษาแห่งนี้แต่นั้นมา
ก่อนหน้าการก่อตั้ง 'โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ประจำภาคเหนือนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) ได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมขึ้นที่บริเวณหอวัง หรือบ้านสวนหลวงสระประทุม บริเวณกรีฑาสถานแห่งชาติในปัจจุบัน เรียกว่า 'โรงเรียนฝึกหัดครูปรถมกสิกรรมหอวัง'
จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่ตำบลพระประโทน อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ก่อนจะย้ายไปตั้งที่ตำบลบางสพาน อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗
และได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมอีกแห่งหนึ่งที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙
ปลายปี พ.ศ. ๒๔๗๔ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ทรงดำริว่า ควรจัดตั้งสถานีทดลองกสิกรรมขึ้นที่ภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคพายัพ พร้อมกับโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม เพื่อให้งานวิจัยการเกษตรดำเนินควบคู่ไปกับการให้การศึกษาในสาขาเกษตรศาสตร์ จึงได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมกับสถานีทดลองกสิกรรมตามภาคต่างๆ มีผลให้กระทรวงกระทรวงเกษตราธิการ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน) จัดการศึกษาวิชาเกษตรศาสตร์ใหม่
ได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมโนนวัด ตำบลโนนสูง อำเภอเนินสูง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยหลวงอิงคศรีกสิการ (อินทร์ จันทรสถิตย์) ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ยังได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคใต้คอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์) เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้ง
กล่าวสำหรับโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ประจำภาคเหนือ ซึ่งตั้งอยู่ในดงแม่โจ้ ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีพระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) เป็นผู้บุกเบิกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๗
พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ)
"...๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) ยืมม้าจากนายอกเภอสันทราย บุกเข้าดงแม้โจ้ พร้อมคนนำทาง มุ่งหน้าต่อไปตามทางเกวียน ใช้เวลาชั่วโมงกว่าถึงดงไม้และป่าโป่งที่เรียกกันว่า 'ดงแม่โจ้' มีพื้นที่ประมาณ ๘๐๐ ไร่ มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ชายป่าประมาณ ๑๐ หลังคาเรือน ถึงแม้ผืนดินแห่งนี้จะมีสภาพเป็นดินเลว แต่มีแหล่งน้ำเพียงพอที่สามารถปรับแก้ไขสภาพดินให้ดีขึ้นได้ ท่านจึงสร้างสถานีกสิกรรมภาคพายัพขึ้นบนผืนดินแห่งนี้..."
โรงอาหารโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ แม่โจ้
ซึ่งต่อมา พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) ได้บันทึกประวัติโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ ไว้ว่า
"...โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมที่สาม ที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพราะแต่เดิมนั้น มีโรงเรียนฝึกหัดครูอยู่แล้วที่โนนวัด โรงเรียนฝึกหัดครูที่สองจัดตั้งขึ้นที่คอหงส์ หาดใหญ่ ทั้งสองโรงเรียนนั้นได้ร่วมงานไปกับสถานีทดลองกสิกรรมของกรมการเกษตร
โรงเรียนนี้ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อต้น พ.ศ. ๒๔๗๗ ข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำว่า เมื่อกลางเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ กระทรวงธรรมการได้ให้ข้าพเจ้ายืมเงิน ๓,๐๐๐ บาท มาจัดการก่อสร้างโรงเรียนชั่วคราวขึ้น และเริ่มประกาศรับนักเรียน แต่เดือนพฤษภาคม มีนักเรียนเดินทางมาเล่าเรียนอยู่เรื่อยๆ เป็นนักเรียนในบำรุง ๓๕ คน นอกบำรุง ๑๑ คน อุปสรรคแรกที่ต้องวิตกมากก็คือ น้ำใช้
แม้ว่าได้จัดตอกบ่อลึกถึง ๖๔ ฟีตก็ตาม น้ำที่สูบขึ้นมานั้นก็ยังใช้บริโภคไม่ได้ ในเวลานั้นข้าพเจ้าได้สร้างถังน้ำซีเมนต์มีความจุประมาณหมื่นแกลลอนที่สถานีทดลองกสิกรรมขึ้น เพราะที่นั้นมีหลังคาสังกะสี ส่วนโรงเรียนชั่วคราว และบ้านพักนักเรียนมีหลังคา และฝามุงด้วยใบพลวงทั้งสิ้นจะรองน้ำฝนใช้ไม่ได้
โรงประปาโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ แม่โจ้
โรงเรียนได้จัดไหว้ครูเปิดโรงเรียนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ มีข้าหลวงประจำจังหวัด และธรรมการจังหวัดมาให้โอวาทเปิดการเรียน นักเรียนทุกคนมีความเข้มแข็งในการเรียนและงานศิลป์ มีความสามัคคีเคารพคณะครูเป็นอย่างสูง นักเรียนเหล่านี้เป็นหัวแรงที่ได้ร่วมมือกันจัดให้กิจการของโรงเรียนก้าวหน้าเป็นลำดับมา
ใน พ.ศ. นั้น มีข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ นายสวัสดิ์ วีระเดชะ เป็นอาจารย์ประจำโรงเรียน นายตง วระนันท์ นายสนิท ศิริเผ่า นายสีนุ วงศ์จินดารัตน์ เป็นครูรอง
ทุกคนเมื่อได้ร่วมมือร่วมงาน เพื่อนำให้นักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียนได้รับการอบรมเป็นอย่างดี ข้าพเจ้าลืมเสียไม่ได้ว่า นักเรียนรุ่นแรกของเราไม่ยอมแพ้ในการกีฬาของจังหวัด ได้พยายามฝึกซ้อมการเล่นฟุตบอล และได้ส่งทีมเข้าแข่งขันจนได้โล่ห์ฟุตบอลรุ่นกลางมาไว้แก่โรงเรียน
ทีมฟุตบอลรุ่นกลาง
เวลานั้นนักเรียนเล่นฟุตบอลไม่เป็น และขาดสนาม แต่ข้าพเจ้าได้แนะนำให้ใช้ทุ่งนาหนองบัวเป็นที่ฝึกซ้อม และยังสั่งให้ช่างเย็บรองเท้าให้นักเรียน ๒๒ คู่ ข้าพเจ้าเล่นฟุตบอลไม่เป็น แต่ชอบดูและคุมเด็กเล่น ซึ่งนักเรียนรุ่นนั้นคงจำความได้ดีว่า อาจารย์ใหญ่ไม่ใคร่ขาดการดูแข่งขัน
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ทางโรงเรียนได้รับภาระมากขึ้น เพราะกระทรวงธรรมการต้องการเปิดแผนกนักเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมขึ้นสมทบกับโรงเรียนฝึกหัดครูนี้ ต้น พ.ศ นี้ งานสำคัญคือการก่อสร้าง เพราะจะรับนักเรียนใหม่ ทั้งฝ่ายนักเรียรครูปีที่ ๑ และนักเรียนมัธยมเกษตรกรรม ตระเตรียมไว้ว่าจะมีนักเรียนทั้งสองแผนก ประมาณ ๒๕๐-๓๐๐ คนมาเข้าเล่าเรียน
สถานที่พักยังไม่มีพอ คงมีเรือนนอนเก่าอยู่ ๓ หลัง ต้องสร้างห้องเรียน เรือนนอน เพิ่มขึ้นอีก ทุกอย่างทำกันอย่างรีบเร่ง นักเรียนเก่าและนักเรียนที่มาสมัครใหม่ ข้าพเจ้าหมายความถึงนักเรียนครูรุ่นที่จะออกไปในปลาย พ.ศ. นี้ กับนักเรียนมัธยมเกษตรกรรมปีที่ ๖ เดี๋ยวนี้ ได้ร่วมกันปฏิบัติงานเป็นที่พอใจของข้าพเจ้าทุกอย่าง บทเรียนที่จะฝังอยู่ในใจของนักเรียนที่มารับการอบรมในโรงเรียนนี้ ก็คือ การร่วมมือกัน
นักเรียนทุกคนคอยรับคำสั่ง และคอยปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการ อุปสรรคขั้นต้นคือ การขาดครู ข้าพเจ้าได้ร้องเรียนเรื่องนี้ต่อกรมศึกษาธิการมาเป็นลำดับ พอถึงกลาง พ.ศ. ๒๔๗๘ ก็บรรเทาลงบ้าง
แต่เสียใจที่โรงเรียนขาดนายสวัสดิ์ วีระเดชะ ซึ่งถูกย้ายไปเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคใต้ แต่อาจารย์และครูที่ได้เพิ่มมาใหม่ พ.ศ. นี้ คือ ขุนจรรยาวิจารณ์ มารับตำแหน่งอาจารย์ผู้ปกครอง นายพนม สมิตานนท์ นายอ่ำ อุ่นใจ นายรึบ ชาญวิจิตร นายดาบใช้ ชัยฉ่ำ นายดี ธรรมวงศ์ นายเชิด มุนิกานนท์ นายเต็ม ศรีเพริศ นายบุญชัก ประดิษฐกุล และนายรศ นิลแก้ว พนักงานพยาบาลประจำโรงเรียน
ในเดือนกุมภาพันธ์ โรงเรียนใช้ห้องวิทยาศาสตร์เป็นที่ทำงาน ห้องพักครูไปพลาง และเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ เกิดพายุใหญ่ในวันสุดท้ายของการสอบไล่ นักเรียนครูรุ่นแรกของเรา บ้านพัก ๒ หลังหักพัง อีก ๓ หลังโย้ไปแต่ยังใช้การได้ ทางโรงเรียนได้โทรเลขขอสอบไล่วิชาวิทยาศาสตร์ใหม่
งานฤดูหนาวของเชียงใหม่ ซึ่งจัดให้มีเป็นงานประจำปีที่สนามโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ถึงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ทางโรงเรียนได้จัดให้มีร้านเปิดขายเครื่องดื่มเบ็ดเตล็ด เช่น โกโก้, กาแฟ และอาหารว่างอื่นๆ ทั้งได้มีการเล่นเบ็ดเตล็ดของนักเรียนทั้งสองแผนกเป็นการส่งเสริมความสนุกรื่นเริงแก่งานนั้นอยู่มากอเรียกร้านนี้ว่า 'แม่โจ้รีวิว'
เมื่อได้หักค่าใช้จ่ายในการนี้แล้ว ยังมีเงินเหลือซื้อตู้ใส่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ให้แก่โรงเรียน ในงานฤดูหนาวนี้ นอกจากการออกร้านแล้ว นักเรียนหมวดต่างๆ ได้จัดส่งพืชผักต่างๆ เข้าประกวดและได้รางวัลพอสมควร..."
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ กระทรวงธรรมการได้ยุบเลิกโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคใต้ที่คอหงส์ จังหวัดสงขลา โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคกลาง บางกอกน้อย ธนบุรี และโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคอีสาน ที่โนนวัด จังหวัดนครราชสีมา และโอนกิจการทั้งหมดของโรงเรียนเหล่านั้นมารวมกันที่โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคเหนือ ที่แม่โจ้เพียงแห่งเดียว
ในปีเดียวกันนี้เอง ได้โอนกิจการจากกระทรวงธรรมการไปอยู่ในความดูแลของกระทรวงเกษตราธิการ และเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ โดยรับผู้ที่สำเร็จจากหลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม เพื่อเข้าศึกษาตามหลักสูตรอนุปริญญา เป็นเวลา ๓ ปี ทางเกษตรศาสตร์ สหกรณ์ และวนศาสตร์
พ.ศ. ๒๔๘๒ กระทรวงเกษตราธิการได้จัดตั้งวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้นที่เกษตรกลาง บางเขน กรุงเทพฯ และที่แม่โจ้ให้เตรียมเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรเวลาเรียน ๒ ปี โดยรับผู้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ ๖ สำเร็จจึงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ได้เลย
พ.ศ. ๒๔๘๖ เปลี่ยนเป็น 'โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์' ทั้งนี้เพราะวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขน ได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พ.ศ. ๒๔๙๑ กระทรวงเกษตราธิการได้โอนกิจการให้แก่ กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และเปลี่ยนเป็น 'โรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้' รับผู้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ ๖ (ม.3 ปัจจุบัน) เข้าศึกษาต่ออีก ๓ ปี สำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรอาชีวชั้นสูง แผนกเกษตรกรรม โดยเริ่มดำเนินการรับนักเรียนประเภทนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นต้นมา
พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ และขยายหลักสูตรถึงประโยคครูมัธยมเกษตรกรรม (ปมก.)
พ.ศ. ๒๕๐๕ ย้ายกิจการฝึกหัดครูมัธยมเกษตรกรรมไปเปิดดำเนินการที่วิทยาลัยเกษตรกรรมบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเปิดหลักสูตร 'เทคนิคเกษตร' หรือ 'ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงแผนกเกษตรศาสตร์ ขึ้นเป็นแห่งแรก
พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับการสถาปนาเป็นสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร โดยพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร พ.ศ. ๒๕๑๘
พ.ศ. ๒๕๒๕ เปลี่ยนชื่อจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร เป็น 'สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้' ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า ๔ เล่ม ๙๙ ตอนที่ ๑๕ ราชกิจจานุเบกษา ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้คือ เนื่องจากวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปทั้งประเทศ เนื่องจากมีนักศึกษาที่มาจากทุกภาคของประเทศได้เข้าไปศึกษา ณ สถาบันนี้ แต่เมื่อวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร นามนี้จึงไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
พ.ศ. ๒๕๓๙ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ ได้รับการสถาปนาเป็น 'มหาวิทยาลัยแม่โจ้' เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อขยายขอบเขตการให้การศึกษาและเกิดความคล่องตัวทางวิชาการ และการบริหารมากขึ้น
....
ภาพปก > เรือนนอนโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ แม่โจ้
โฆษณา