Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
8 ก.ย. 2024 เวลา 13:30 • การศึกษา
อย่ามองประกันชีวิต เป็นการลงทุน รวม 6 ความเข้าใจผิดของประกันชีวิต เมื่อคิดผิด ต้องคิดใหม่
รู้หรือไม่? ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทยเมื่อปี 2566 พบว่า คนไทย 100 คนมีประกันชีวิตไม่ถึง 39 คน ซึ่งความจริงอาจน้อยกว่านี้เพราะ 1 คนอาจมีหลายกรมธรรม์ โดยเบี้ยเฉลี่ยต่อหัวตกคนละ 9,000 บาท” เทียบกับคนญี่ปุ่น 100 คนมีประกันชีวิตสูงถึง 322 ฉบับ หรือเทียบกับคนสิงคโปร์หรือคนเกาหลีใต้ 100 คน ก็มีประกันชีวิตสูงถึง 267ฉบับและ 170 ฉบับตามลำดับ
เหตุผลที่คนไทยมีประกันชีวิตส่วนหนึ่งมาจากปัญหาเศรษฐกิจ รายได้ลดลง แต่รายจ่ายเพิ่มสูงขึ้น และภาระหนี้สินที่มีมากขึ้น แต่อีกเหตุผลหนึ่ง ก็อาจมาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประกันชีวิต เรามาดูกันนะว่า คนไทยเรามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการซื้อประกันชีวิตอย่างไรกันบ้างซื้อ
1
❌ซื้อประกันชีวิต เท่ากับได้คุ้มครองสุขภาพ
✅อยากได้ความคุ้มครองสุขภาพ ต้องเพิ่มสัญญาประกันสุขภาพ
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “สัญญาประกันชีวิต” ประกอบด้วย สัญญาหลัก และสัญญาเพิ่มเติม
#สัญญาหลัก
คือ สัญญาที่ให้ความคุ้มครองกับผู้ทำประกันใน 2 กรณี คือ กรณีมีชีวิตอยู่ และ กรณีเสียชีวิต โดยหากผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่ถึงวันสุดท้ายของสัญญา ก็จะได้รับเงินเอาประกันบวกกับเงินผลประโยชน์เพิ่มเติม(ถ้ามี) แต่หากผู้เอาประกันเสียชีวิตก่อนจะถึงวันสุดท้ายของสัญญา บริษัทก็จะจ่ายเงินทุนประกันให้กับผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งผู้เอาประกันสามารถระบุได้ว่าจะให้มอบให้ใคร
1
#สัญญาเพิ่มเติม
คือ สัญญาประกันภัยที่มีความคุ้มครองเพิ่มเติมจากสัญญาประกันภัยหลัก เพื่อเป็นการขยายความคุ้มครองตามความต้องการ อย่างเช่น สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองโรคร้ายแรง สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองอุบัติเหตุ สัญญาเพิ่มเติมชดเชยรายได้ เป็นต้น
1
หากเราต้องการความคุ้มครองอะไรเพิ่ม เราก็ต้องทำสัญญาเพิ่มเติมเพื่อขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุม ซึ่งเราจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นสำหรับสัญญาเพิ่มเติมนั้นด้วย สิ่งที่แตกต่างออกไปสำหรับสัญญาเพิ่มเติมของประกันชีวิตคือ เมื่อสิ้นสุดสัญญาประกันภัย จะไม่มีการคืนเบี้ยประกันส่วนนี้
ดังนั้นหากเราซื้อแต่สัญญาหลัก เจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเอง แต่หากต้องการให้บริษัทประกันรับความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาลแทนเรา เราก็ต้องซื้อสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ
❌รอเกษียณก่อนค่อยซื้อประกันสุขภาพ
✅ทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย
หลายคนมักจะรอซื้อประกันสุขภาพตอนเกษียณอายุ เพราะระหว่างทำงานอยู่ ยังมีประกันสุขภาพกลุ่มของที่ทำงาน มีประกันสังคมที่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ กลัวว่าซื้อประกันสุขภาพไปจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ เบี้ยจะจ่ายทิ้ง แต่ความจริงก็คือ คนส่วนใหญ่หลังเกษียณมักจะไม่มีรายได้ ไม่มีประกันสังคม (กรณีเลือกรับผลประโยชน์กรณีชราภาพ) ไม่มีประกันสุขภาพกลุ่มจากบริษัท แต่กลับมีปัญหาสุขภาพ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนไทยที่มีอายุ 61 ปีขึ้นไปมีเพียง 9% เท่านั้นที่ไม่มีโรค ถึงตอนนั้นอยากซื้อประกันสุขภาพก็ไม่สามารถซื้อได้ หรือ บางกรณีที่บริษัทประกันยังรับประกัน ก็มักจะเพิ่มเบี้ยประกัน หรือ มีข้อยกเว้นการรับประกัน
❌ประกันชีวิต ผลตอบแทนสู้การลงทุนไม่ได้
✅ประกันชีวิตทั่วไป ไม่ใช่ การลงทุน
หลายคนมักจะเทียบประกันชีวิตกับการลงทุน โดยเทียบผลตอบแทนจากประกันชีวิตกับการลงทุน เครื่องมือหนึ่งที่ใช้เทียบคือ IRR (Internal Rate of Return) ซึ่งก็คือ วิธีวัดผลตอบแทนจากการลงทุนวิธีหนึ่ง ถ้าเป็นการลงทุนทั่วไป การลงทุนไหนที่มี IRR สูงแสดงว่าให้ผลตอบแทนสูง แต่การลงทุนที่ให้โอกาสของผลตอบแทนสูง ก็มักจะมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน (high risk, high return)
เราจึงไม่ควรมองผลตอบแทนแต่เพียงอย่างเดียว และยิ่งประกันชีวิตซึ่งให้ผลตอบแทนทั้งกรณีมีชีวิตอยู่ เช่น เงินคืนตลอดอายุกรมธรรม์และเงินคืนเมื่อครบอายุกรมธรรม์ กับผลตอบแทนกรณีเสียชีวิต คือทุนประกัน (ซึ่งผลตอบแทนกรณีเสียชีวิตมีเฉพาะในประกัน ไม่มีในผลิตภัณฑ์การลงทุน) เนื่องจากความตายมาถึงเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบล่วงหน้า จึงไม่สามารถใช้ IRR ในการเปรียบเทียบประกันชีวิตกับการลงทุนได้
❌ซื้อประกันชีวิตเท่าที่ลดหย่อนภาษีก็พอ
✅ควรซื้อประกันชีวิตให้มี “ทุนประกัน” มากเพียงพอ
คนไทยหลายคนจ่ายเบี้ยประกันชีวิตเพียงเท่าที่สรรพากรให้สิทธิลดหย่อนภาษี คือ 100,000 บาทสำหรับเบี้ยประกันชีวิตแบบปกติ (รวมกับเบี้ยประกันสุขภาพไม่เกิน 25,000 บาท) และสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท สำหรับประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งจริงๆ แล้ว ผลประโยชน์ด้านภาษีเป็นเพียงแรงจูงใจที่ภาครัฐส่งเสริมให้คนไทยมาซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพกันมากขึ้นเพื่อบริหารความเสี่ยงที่จะเกิดในอนาคต และส่งเสริมการสร้างรายได้ประจำหลังเกษียณด้วยประกันบำนาญ
การซื้อประกันชีวิตที่ถูกต้อง ควรซื้อที่ทุนประกันที่มากเพียงพอสำหรับการคุ้มครองความเสียหายที่จะเกิดในอนาคตหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่างเช่น ทุนประกันควรมากเพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนลูก หรือ ค่าใช้จ่ายของครอบครัว หรือ ค่ารักษาพยาบาลที่เราจำเป็นต้องใช้
❌ประกันชีวิต ปกปิดข้อมูลไว้ รอ 2 ปียังไงบริษัทประกันก็รับผิดชอบ
✅เงื่อนไขนี้เฉพาะสัญญาประกันชีวิต ไม่ใช่ประกันสุขภาพ
เนื่องจากประกันชีวิตเป็นสัญญาที่ต้องใช้ความสุจริตใจอย่ายิ่งในการทำสัญญา ดังนั้นผู้เอาประกันควรแถลงข้อมูลที่เป็นความจริงเพื่อประโยชน์ของเราเอง หากแถลงข้อมูลเป็นเท็จ หรือ ไม่ครบถ้วน บริษัทประกันชีวิต มีสิทธิ์คัดค้านความสมบูรณ์ของสัญญาประกันชีวิตภายใน 2 ปี หากไม่คัดค้าน ถือว่าสัญญาสมบูรณ์ และ ต้องจ่ายทุนประกันชีวิตตามสัญญาเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต
เงื่อนไขนี้เฉพาะสัญญาประกันชีวิต ไม่ใช่ประกันสุขภาพ ดังนั้นผลเสียหายที่เกิดขึ้นกับสัญญาประกันสุขภาพตามมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ คือ
(1) บริษัทประกันมีสิทธิไม่จ่ายผลประโยชน์ให้กับสภาพที่เป็นมาก่อนเอาประกันภัย (Pre-existing Condition) เว้นแต่ผู้เอาประกันได้แถลงให้บริษัททราบและบริษัทรับได้โดยไม่มีข้อยกเว้น หรือ เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ปรากฏอาการมาก่อนทำประกัน 5 ปี และ มีผลบังคับใช้ 3 ปี รวมเป็น 8 ปี
(2) นอกจากนี้ตามมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ กำหนดเงื่อนไข 3 ข้อที่บริษัทประกันสามารถไม่ต่อสัญญาประกันสุขภาพดังนี้
a. ในกรณีที่มีหลักฐานว่าผู้เอาประกันภัยไม่แถลงข้อความจริงตามใบคำขอเอาประกันภัย คำขอต่ออายุ ใบแถลงสุขภาพ ซึ่งเป็นสาระสำคัญ ที่ทำให้บริษัทเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น บอกปัดไม่รับทำสัญญาหรือรับประกันภัยแบบมีเงื่อนไข
b. ผู้เอาประกันภัยเรียกร้องผลประโยชน์จากการรักษาการบาดเจ็บหรือการป่วยโดยไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์
c. ผู้เอาประกันภัยเรียกร้องผลประโยชน์ค่าชดเชยจากการนอนพักรักษาตัวใน รพ. รวมกันทุกบริษัทเกินกว่ารายได้แท้จริง
นั่นก็แปลว่าหากเรา ไม่ได้ ทำผิดเงื่อนไข 1 ใน 3 ข้อดังกล่าว บริษัทประกันจะต้องต่ออายุกรมธรรม์ให้เราตลอดไป (หากเรายังมีความประสงค์ที่จะมีความคุ้มครองนี้)
กล่าวโดยสรุป การแถลงข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกันมากกว่า
เขียนโดย: สาธิต บวรสันติสุทธิ์, นักวางแผนการเงิน CFP
อย่าพลาดโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้น!
เตรียมพบกับ Make Rich Expo มหกรรมการลงทุนแห่งชาติ ที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนที่ทันสมัยและเข้าใจง่ายกว่าที่เคย! ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดลงทุน หรือผู้ที่มีประสบการณ์ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคต
เข้าร่วมงานฟรี!!
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ ที่
https://bit.ly/4dSTfcK
แล้วพบกันวันที่ 2 - 3 November 2024 เวลา 10.00 - 19.00 น. ณ Paragon Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้า Siam Paragon
#aomMONEY #MakeRichExpo #WorkLifeFestival2024
#ประกันชีวิต #ประกันสุขภาพ #วางแผนทำประกัน
6 บันทึก
13
7
6
13
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย