Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bucketlistly
•
ติดตาม
17 ก.ย. 2024 เวลา 07:52 • ท่องเที่ยว
เดินทาง แบกเป้ ท่องเที่ยวไปคนเดียว กับ Bucketlistly blog โดย Pete R. (Tip : เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง)
สำรวจยอกยาการ์ตา และ ขึ้นเขาโบรโม ประเทศอินโดนีเซีย
Trip นี้จะใช้เวลา 3 วัน
วันที่ 1 บินจากกรุงเทพฯ ไปบาหลี ด้วยสายการบิน Airasia ซึ่งเป็นสายการบินที่ราคาตั๋วอยู่ในงบการเดินทาง มี่เที่ยวบินออกจากกรุงเทพฯ สู่ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย วันละ 2 เที่ยว ใช้เวลาบิน ประมาณ 6 ชั่วโมง
พยายามบินเที่ยวเช้า ออก 6.15 น. ถึง บาหลี ประมาณ 11.30 น. ทำให้มีเวลาเที่ยว นาข้าวขั้นบันไดเตกัลลาลัง และแวะจิบกาแฟที่นี่ กาแฟลูวัก Luwak kopi (กาแฟที่แพงที่สุดในโลก) และเดินชมไร่กาแฟ
ในขณะที่จิบกาแฟ ไป ก็สามารถมองเห็น การทำนาข้าวแบบขั้นบันได ซึ่งเป็นวิวที่สวยงามมากๆ
Luwak kopi
นาแบบขั้นบันได
เนื่องจากการจราจรในบาหลี ที่มีถนนค่อนข้างคับแคบ ทำให้เดินทางได้ช้า เสียเวลาเดินทางเกือบ ชั่วโมงครึ่ง กว่าจะมาถึงสถานที่นี่ นาข้าวแบบขั้นบันได (Tegallalang rice terrace) ทำเหลือเวลาไม่มากพอที่จะลงไปเดินตรงขั้นบันไดของนาข้าว
ถนนคับแคบ รถจอดเต็มข้างทาง
ชาวนากำลังแบกต้นข้าว
จากนั้น ต้องรีบกลับไปสนามบินเพื่อต่อเครื่องบินไปยัง สุราบายา (Surabaya) ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง บินออกจาก บาหลี เวลา 18.20 น. ถึง สุราบายา เวลา 19.10 น.
เที่ยวบินจากบาหลีไปสุราบายาล่าช้าเนื่องจากสนามบินอยู่ระหว่างการขยายสนามบิน ทำให้สนามบินเกิดความยุ่งเหยิงล่าช้า ในที่สุดก็มาถึงสนามบินสุราบายาประมาณ 20.00 น. และพบกับคนขับรถ พาไปที่พักที่ เขาโบรโม
ในระหว่างทาง สังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมากในด้านสถาปัตยกรรม เสื้อผ้า วัฒนธรรม และศาสนาของผู้คนในสุราบายา (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศาสนาอิสลาม) เมื่อเทียบกับเกาะบาหลี (ส่วนใหญ่เป็นศาสนาฮินดู) มันเหมือนกับการลงจอดในประเทศอื่น การขับรถขึ้นภูเขาจากสุราบายาไปยังโบรโม่ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็มาถึงในเวลา 23.30 น. ถึงที่พัก เพื่อเป็นการประหยัดจึงจองหอพัก (Hostel) แทนโรงแรม
Mt. Bromo
ต้องตื่นนอนตอนตี 3:30 และนั่งรถจี๊ป (80,000 รูเปียห์หรือ 8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่โรงแรมจัดให้) กับเพื่อนร่วมเดินทางคนอื่นๆ ไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มองเห็นภูเขาโบรโม ภูเขาบาตก และภูเขาเซเมรู น่าเสียดายที่คนขับมาช้า และเราไม่สามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดทันพระอาทิตย์ขึ้นได้ เราจึงพักที่จุดล่างสุดที่เรียกว่าเปนันจากัน 1 ก่อนที่จะปีนขึ้นไปเก็บภาพ สายหมอกพาดผ่านภูเขา ที่ราบด้านล่างมองไม่เห็นไรเลย และเก็บภาพตรงจุดสูงสุด ที่ที่สำหรับดูอาทิตย์ขึ้น
หลังจากตรงจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างที่นั่งรถ Jeep จะไปดูปล่องภูเขาไฟโบรโม่ แบบใกล้ๆ นักเดินทางคนอื่นๆ ก็ได้พูดคุยกัน เรื่องที่ว่าคนขับทำให้แผนการดูพระอาทิตย์ขึ้นของเราเสียหายได้อย่างไร ซ่งเป็นเรื่องดีที่มีกลุ่มคนพูดคุยกัน ระหว่างเดินทาง
เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการเดินขึ้นเอง (เดิน 15 นาที) หรือขี่ม้าขึ้นไป ส่วนใหญ่ตัดสินใจเดิน เพื่อถ่ายรูประหว่างตลอดทาง
ม้าที่พาคุณขึ้นเขาโบรโม่
ยินดีต้อนรับสู่บาร์เรน เหมือนอยู่บนดวงจันทร์
Mt Batok up close.
จากนั้นก็เดินขึ้นไปอีกก็ถีง ปากปล่องภูเขาไฟ Mt. Bromo
บันไดทางขึ้น ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
The crater of Mt. Bromo. ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
มองจากด้านบนของ โบรโม่
ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว เลยตัดสินใจเดินขึ้นไปบนสุดของปล่องภูเขาไฟที่ไม่มีรั้วกั้น มันก็คุ้มค่า มีคนน้อยกว่าและช่วยให้มองเห็นสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
เดินข้ามรั้วกั้นเข้ามาแล้ว เยียบเถ้าภูเขาไฟ
หลังจากขึ้นไปด้านบนได้หนึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาเดินลง ขาลงคนแน่นมาก
คนกำลังเดินลงเชา
ขณะที่เดินลงไป สังเกตเห็นวัดฮินดูเล็กๆ แห่งหนึ่ง จึงได้ถ่ายรูปไว้สองสามภาพ เสียดาย ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะมีคนสวดมนต์อยู่ข้างใน
วัดฮินดู
กลับมาถึงที่พักโรงแรม CEMARA INDAK Hotel และนี่คือวิวของโรงแรม และต้องบอกว่า ขอบคุณเอย่นต์ ที่พวกเขาเปลี่ยนโรงแรมให้ เพราะตอนแรกจอง Hostel แต่มันเต็มเสียก่อน ทางเอเย่นต์เลยจองที่นี่ให้ นี่เป็นทิวทัศน์ที่ดีที่สุดที่ ได้รับจากโรงแรม มองไปรอบๆ เห็นภูเขาโบรโมด้วย
CEMARA INDAK Hotel
และถึงเวลาที่่ต้องลาแล้ว แต่ก่อนก็ต้องลองอาหารพื้นเมืองสักหน่อย ก่อนจะไปสถานีรถไฟสุราบายา ถึงสถานีรถไฟประมาณ 17.00 น. และออกจากสุราบายาไป
ยอกยาการ์ตา ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ได้งีบหลับหลายครั้ง จนกระทั่งมาถึง สถานีรถไฟยอกยาการ์ตา และรถมารับไปที่พัก Rumah Palagan Guest House เป็นเก้สเฮ้าต์ ที่คุณภาพดี ราคาถูก
Borobudur
วันที่ 3: บุโรพุทโธ (Borobudur) - ยอกยาการ์ตา
ตกลงได้เลือกเช่าแท็กซี่ ให้ขับเที่ยวรอบๆเมือง โดยเริ่มต้นที่พระอาทิตย์ขึ้นที่
บุโรพุทโธ
บุโรพุทโธ
บุโรพุทโธไม่ใช่วัดจริงๆ แต่เป็นกลุ่มเจดีย์ ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมมายังสถานที่แห่งนี้เพียงประมาณ 15 นาที โดยปกติบริเวณนี้จะปิดจนถึง 18.00 น. ดังนั้นหากต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้นจะต้องดูผ่านโรงแรมแห่งเดียว ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกันกับบริเวณของ โรงแรมมโนฮาระ ราคาที่พักแพงขึ้น แต่จะทำให้ มีโอกาสได้เห็นบริเวณนี้ยามพระอาทิตย์ขึ้น โดยที่ไม่ต้องพบกับคนพลุกพล่านมาก
หลังจากใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ่ายรูปหิน รูปปั้นแกะสลัก โดยรอบแล้ว
รูปปั้นหินแะสลัก โดยรอบ บุโรพุทโธ
คนขับพาไปที่วัดฮินดูอีกแห่งที่มีชื่อเสียง นั่นคือ ปรัมบานัน (Prambanan) เป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย และได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโก ค่าธรรมเนียมแรกเข้าสำหรับชาวต่างชาติคือ US$18 (162,000 Rp) หรือ US$9 /Rp81.000 สำหรับนักเรียนที่ลงทะเบียน
Prambanan
วัดแต่ละแห่งอุทิศให้กับพระเจ้าแต่ละองค์
น่าเสียดายถึงเวลาที่ต้อง ขึ้นเครื่องกลับเวลา 17.00 น. ไม่งั้นก็ยังสามารถ อยู่ดูได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ทริปนี้ 3 วันถือว่าสั้นเกินไป น่าจะอยู่ต่ออีกสักสองวัน เพื่อดูรายละเอียดให้ได้มากกว่านี้
หากต้องการรู้เพิ่มเติม ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ก่อนออกเดินทาง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่และ ทิป ต่างๆ ให้เข้าดูใน bucketlistly.blog ของ Pete R.
วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ และครั้งต่อไป ใครอยากไปที่ไหน ลองคอมเม้นท์ มาครับ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย