24 ก.ย. 2024 เวลา 01:29 • การศึกษา

"Chaining"

เป็นกลไกในเกม (mechanic) ที่ผู้เล่นทำการกระทำหนึ่งซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระทำต่อเนื่องตามมา โดยมีลำดับการเชื่อมโยงกันของผลลัพธ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เล่นทำสิ่งหนึ่งสำเร็จ อาจทำให้เกิดเงื่อนไขที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถทำสิ่งอื่น ๆ ต่อไปได้ทันที ซึ่งทำให้เกิดการ "chain" หรือการเชื่อมต่อของการกระทำต่าง ๆ ในเกม
กลไกนี้ทำให้เกมมีความซับซ้อนและสนุกสนานขึ้น เพราะผู้เล่นจะต้องวางแผนลำดับการกระทำของตนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกม
ตัวอย่างเกมที่ใช้กลไก Chaining เช่น Splendor หรือ 7 Wonders ที่ผู้เล่นสามารถสะสมทรัพยากรหรือการ์ดเพื่อใช้ในการสร้างเงื่อนไขและประโยชน์ในรอบถัดไป
การสร้างบอร์ดเกมที่ใช้กลไก "Chaining" (การเชื่อมโยงของการกระทำ) นั้นสามารถทำให้เกมมีความซับซ้อนและน่าสนใจได้มากขึ้น ในที่นี้จะอธิบายแนวทางการสร้างบอร์ดเกมโดยใช้กลไกนี้อย่างง่ายๆ
1. กำหนดธีมของเกม
ธีม: การผจญภัยในป่าเพื่อค้นหาขุมทรัพย์
ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นนักผจญภัยที่ต้องเก็บสะสมไอเทมต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกขุมทรัพย์ในป่าลึกลับ
2. ออกแบบวัตถุประสงค์ของเกม
ผู้เล่นต้องสะสมไอเทมหรือทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อทำการกระทำต่อเนื่องกัน เช่น เปิดแผนที่ป่า ค้นหากุญแจ และปลดล็อกประตูเพื่อรับขุมทรัพย์
ผู้ชนะคือผู้ที่สามารถหาขุมทรัพย์หรือสะสมแต้มจากการปลดล็อกไอเทมได้มากที่สุด
3. กลไก Chaining
การเชื่อมโยงการกระทำ: เมื่อผู้เล่นทำการกระทำบางอย่างได้สำเร็จ จะสามารถทำการกระทำต่อไปได้ทันที เช่น
เมื่อสะสมการ์ด "แผนที่ป่า" ครบ 3 ใบ จะปลดล็อกการ์ด "กุญแจ"
เมื่อผู้เล่นได้ "กุญแจ" สามารถใช้เพื่อปลดล็อก "ประตูขุมทรัพย์"
การสะสม "สมุนไพร" สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็นการ์ดพิเศษเพื่อช่วยในอนาคต
ผู้เล่นสามารถสะสมคะแนนจากการทำ chain สำเร็จ เช่น การเปิดประตูขุมทรัพย์จะได้คะแนนมากกว่าการกระทำทั่วไป
4. องค์ประกอบของเกม
กระดานเกม: กระดานแสดงพื้นที่ต่าง ๆ ในป่า ซึ่งจะมีจุดให้ผู้เล่นทำกิจกรรมหรือค้นหาสิ่งของ
การ์ดทรัพยากร: การ์ดที่ผู้เล่นต้องเก็บสะสมเพื่อทำการ chain การกระทำ เช่น การ์ดแผนที่ การ์ดกุญแจ และการ์ดสมุนไพร
ตัวละคร: ตัวละครของผู้เล่นที่เดินในป่าเพื่อค้นหาทรัพยากร
ไพ่เหตุการณ์ (Event Cards): เมื่อผู้เล่นเดินไปยังจุดต่าง ๆ ในป่า อาจจะต้องจั่วการ์ดเหตุการณ์ ซึ่งอาจเป็นผลดีหรือเสีย ขึ้นอยู่กับโชค
5. วิธีเล่น
1. ผู้เล่นจะผลัดกันเดินตัวละครของตนบนกระดานเพื่อค้นหาไอเทมต่าง ๆ
2. เมื่อผู้เล่นสะสมไอเทมที่เพียงพอ สามารถใช้ไอเทมนั้นเพื่อทำการ chain การกระทำ เช่น ปลดล็อกการ์ดกุญแจหรือใช้เพื่อสะสมแต้ม
3. ในแต่ละรอบ ผู้เล่นอาจจะต้องเผชิญกับการ์ดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแผนหรือโอกาสในการทำ chain
4. เกมจะจบลงเมื่อผู้เล่นคนใดคนหนึ่งสามารถหาขุมทรัพย์ได้ หรือเมื่อไอเทมถูกค้นหาจนหมด ผู้เล่นที่มีแต้มสะสมมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
6. กลยุทธ์การเล่น
ผู้เล่นต้องวางแผนการเดินและการเก็บทรัพยากรอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถทำ chain การกระทำได้มากที่สุดในแต่ละรอบ
การคำนึงถึงความเสี่ยงของการ์ดเหตุการณ์และการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
7. ตัวอย่าง Chain การกระทำ
1. ผู้เล่นสะสมการ์ดแผนที่ครบ 3 ใบ → ปลดล็อกการ์ดกุญแจ
2. ผู้เล่นใช้การ์ดกุญแจ → ปลดล็อกประตูขุมทรัพย์และได้คะแนนพิเศษ
3. ผู้เล่นสะสมการ์ดสมุนไพร → แลกเปลี่ยนเป็นการ์ดพิเศษที่ให้โบนัสในการค้นหาทรัพยากร
สรุป
กลไก Chaining ทำให้ผู้เล่นต้องวางแผนและคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้นในการจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดการกระทำต่อเนื่องที่มีประสิทธิภาพ เกมที่ใช้กลไกนี้มักจะสร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานให้กับผู้เล่นเพราะทุกการกระทำมีผลต่อกัน
การสร้างบอร์ดเกมที่มีกลไกคล้ายกับ Splendor นั้นเกี่ยวข้องกับการสะสมทรัพยากรเพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนาสถานะในเกม โดยในเกม Splendor จริง ๆ ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นพ่อค้าที่สะสมอัญมณีเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นการ์ดอัญมณีและแต้ม โดยมีกลไกสำคัญคือการสะสมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวคิดพื้นฐานของบอร์ดเกม Splendor
1. ธีมของเกม:
ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งในยุคเรเนสซองส์ ทำการสะสมอัญมณีและทรัพยากรเพื่อพัฒนาเครือข่ายการค้า โดยต้องแลกเปลี่ยนทรัพยากรเพื่อการ์ดอัญมณีที่มีค่ามากขึ้น
2. วัตถุประสงค์ของเกม:
ผู้เล่นคนแรกที่สะสมแต้มชัยชนะได้ถึง 15 แต้มจะเป็นผู้ชนะ โดยผู้เล่นจะต้องเก็บทรัพยากร (ชิปอัญมณี) เพื่อนำไปแลกเปลี่ยนการ์ดพัฒนา ซึ่งจะให้แต้มในแต่ละรอบ
3. องค์ประกอบของเกม:
การ์ดการค้า: แบ่งเป็น 3 ระดับ (ง่าย, ปานกลาง, ยาก) แต่ละการ์ดต้องใช้ทรัพยากร (ชิปอัญมณี) ในการแลก โดยการ์ดแต่ละใบจะมีคะแนนและทรัพยากรที่ให้ในการซื้อการ์ดถัดไป
ชิปอัญมณี: มี 6 ชนิด (เพชร, ทับทิม, มรกต, ไพลิน, โอนิกซ์ และทอง) โดยผู้เล่นจะสะสมชิปเหล่านี้เพื่อซื้อการ์ดการค้า
การ์ดขุนนาง: ขุนนางจะให้แต้มโบนัสเมื่อผู้เล่นสะสมการ์ดการค้าในปริมาณที่กำหนดไว้
บอร์ดเกม: บอร์ดที่ใช้สำหรับจัดวางการ์ดการค้า, การ์ดขุนนาง, และชิปอัญมณี
4. วิธีเล่น
1. จัดเตรียมบอร์ด:
สุ่มการ์ดการค้าสำหรับแต่ละระดับ (ง่าย, ปานกลาง, ยาก) วางเป็นแถว
วางชิปอัญมณีในที่กลางบอร์ด (แบ่งตามสี)
วางการ์ดขุนนางไว้ด้านบนของกระดาน (จำนวนขุนนาง = จำนวนผู้เล่น +1)
2. ในแต่ละรอบ ผู้เล่นมี 3 ตัวเลือกหลัก:
เลือกชิปอัญมณี: ผู้เล่นสามารถเลือกชิปอัญมณี 3 ชิ้นจากสีที่แตกต่างกัน หรือ 2 ชิ้นจากสีเดียวกัน หากเหลืออย่างน้อย 4 ชิ้นในกอง
ซื้อการ์ดการค้า: ผู้เล่นใช้ชิปอัญมณีแลกเปลี่ยนการ์ดการค้า โดยการ์ดจะให้แต้ม (ถ้ามี) และให้ทรัพยากรถาวรที่สามารถใช้ซื้อการ์ดอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้ชิป
สำรองการ์ด: ผู้เล่นสามารถสำรองการ์ดจากบอร์ดเกมเพื่อเก็บไว้ซื้อในอนาคต พร้อมกับได้รับชิปทอง (wild card) หนึ่งชิ้นที่ใช้แทนอัญมณีได้ทุกสี
3. การชนะใจขุนนาง:
เมื่อผู้เล่นมีการ์ดการค้าในประเภทและจำนวนที่ขุนนางกำหนด จะได้รับการ์ดขุนนางพร้อมแต้มโบนัส
4. จบเกม:
เมื่อผู้เล่นคนใดสะสมแต้มถึง 15 แต้ม เกมจะดำเนินไปจนทุกคนได้เล่นครบ 1 รอบ จากนั้นนับคะแนนเพื่อหาผู้ชนะ
5. กลยุทธ์การเล่น:
ผู้เล่นต้องบริหารชิปอัญมณีที่ตนมีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถซื้อการ์ดในระดับสูงขึ้นได้โดยเร็ว
การสำรองการ์ดที่ต้องการจะช่วยให้คู่แข่งไม่สามารถซื้อได้ แต่ต้องระวังเรื่องการใช้ชิปให้สมดุล
การพยายามรวบรวมการ์ดประเภทเดียวกันเพื่อชนะใจขุนนางก็เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มแต้มชัยชนะอย่างรวดเร็ว
6. การปรับปรุงเกม
หากต้องการสร้างบอร์ดเกมคล้าย Splendor ของคุณเอง คุณสามารถเพิ่มฟีเจอร์พิเศษ เช่น:
เหตุการณ์สุ่ม: ที่เกิดขึ้นระหว่างเกมเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะทรัพยากร
การ์ดพิเศษ: ที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มจำนวนชิปเมื่อจบรอบ, การลดจำนวนชิปที่ต้องใช้ซื้อการ์ดบางใบ
สรุป
บอร์ดเกม Splendor ใช้กลไกที่เน้นการบริหารทรัพยากร (ชิปอัญมณี) และการวางแผนเพื่อซื้อการ์ดพัฒนา เกมนี้เหมาะสำหรับการฝึกกลยุทธ์และการคิดเชิงลำดับขั้น หากต้องการสร้างเกมที่มีกลไกคล้ายคลึง คุณสามารถใช้แนวคิดนี้และปรับแต่งให้สอดคล้องกับธีมและไอเดียของคุณ
โฆษณา