2 ต.ค. 2024 เวลา 09:06 • ธุรกิจ

‘ปรับ Work-Life สไตล์คนบ้างาน’ ใช้ชีวิตให้บาลานซ์ด้วย 6 แนวทางปรับสมดุลจาก Harvard Business Review

‘งานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย’ จริงไหมนะ?
เชื่อว่าหลายคนคงมีโมเมนต์อยากเลิกงาน แต่งานไม่ยอมเลิกด้วยอยู่บ่อยๆ รู้ทั้งรู้ว่างานมันคงไม่หนีเราไปไหน แต่จะให้ตัดใจเลิกทำทันทีมันก็ยังไงๆ อยู่ บางที หัวหน้าไลน์มาว่า “พี่ฝากแก้ตรงนี้หน่อยได้ไหม” เราก็พร้อมที่จะตอบว่า “ได้ครับ/ ได้ค่า” ไปแบบไม่ลังเล
ไม่ว่าจะกี่งาน ไม่ว่าจะเวลาไหน ไม่ว่าจะหนักเท่าไร เราก็พร้อมรับมือกับงานต่างๆ ได้เสมอ แม้งานจะกระทบต่อสมดุลการใช้ชีวิตก็ไม่หวั่น แถมหลายๆ ครั้งที่เราพร้อมทำงานทุกอย่างนั้น ก็เกิดมาจากความ ‘เต็มใจ’ ของเราล้วนๆ อีกด้วย 😵‍💫
หากผู้อ่านมีพฤติกรรมคล้ายๆ กับบทความด้านบน อาจเป็นไปได้ว่า เรากำลังกลายเป็น ‘คนบ้างาน (Workaholism)’ เข้าให้แล้วนะ!
โดยอาการที่ว่าก็คือการที่ ‘งาน’ เข้ามาครอบงำความคิดและกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตของเรา จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์ และด้านอื่นๆ ของชีวิต ซึ่งอาการบ้างานนี้ ไม่ได้หมายถึงการทำงานนานๆ อย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงความยากในการหยุดพัก และการไม่สามารถแยกตัวเองออกจากงานได้
ดูเผินๆ แล้วอาจทำให้คิดว่าบ้างานก็ดีแล้วนี่นา เพราะจำนวนชิ้นงานที่สำเร็จน่าจะมีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพได้ไม่น้อย แถมองค์กรก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการว่าจ้าง แต่ในความเป็นจริง ทั้งตัวเราและองค์กรอาจจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นได้
การบ้างานนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราอย่างมาก นอกจากทำให้เสียสมดุลในด้านเวลาแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพ โดยก่อให้เกิดทั้งปัญหาทางกายและทางใจตามมา
แล้ว ‘คนบ้างาน’ ต้องแก้ไขหรือป้องกันปัญหานี้อย่างไรดีล่ะ? แน่นอนว่าจะให้เปลี่ยนปุบปับทันทีก็คงจะไม่ได้ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวก็ใช้เวลาสะสมมาไม่น้อยเช่นกัน เพราะฉะนั้น วันนี้ Future Trends ขอนำเสนอ 6 แนวทางปรับ Work-Life สไตล์คนบ้างาน เพื่อให้ชีวิตกลับมามีสมดุลอีกครั้ง จากหนังสือ Never Not Working: Why the Always-On Culture Is Bad for Business
🌟 1. ปรับมุมมองของคำว่า ‘งานด่วน’ เสียใหม่
คนบ้างานมักคิดว่าทุกงานสำคัญและเร่งด่วนไปหมด ทำให้เกิดความเครียดและเหนื่อยล้าได้ง่าย สิ่งแรกที่ควรทำคือการประเมินดูว่างานไหนเร่งด่วนจริงๆ แล้วเริ่มจัดการงานที่สำคัญที่สุดก่อน โดยอาจใช้ Eisenhower Matrix ในการแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. งานเร่งด่วนและสำคัญ 2. งานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน 3. งานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และ 4. งานที่ไม่เร่งด่วนหรือสำคัญ การใช้เครื่องมือนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าควรโฟกัสงานไหนก่อน และลดความกดดันจากงานที่ไม่สำคัญลงได้
🌟 2. จัดระเบียบ To-do List
รู้หรือไม่การทำ To-do List อาจกลายเป็นดาบสองคมได้ หากเราไม่สามารถจัดระเบียบได้ดีพอ และอาจทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำงานไม่หยุด ดังนั้น การทำจะให้ To-do Lis มีประสิทธิภาพมากขึ้น คืออย่ามุ่งหวังที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จทันที แต่ควรใช้เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ
🌟 3. เรียนรู้ที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’
ในบางครั้ง เราเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธงาน หรือไม่ยอมให้คนอื่นช่วยเหลือ เพราะกลัวว่างานจะออกมาไม่สมบูรณ์ แต่การเรียนรู้ที่จะพูดว่า ‘ไม่’ บ้างนั้น สามารถช่วยลดความเครียดลงได้ โดยอาจลองตั้งลำดับความสำคัญใหม่ เช่น ให้เวลากับครอบครัวและเพื่อนก่อนงาน หรือช่วยเหลือเฉพาะในช่วงเวลาที่ไม่กระทบกับการพักผ่อน การจัดลำดับแบบนี้จะช่วยให้เราปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญได้ง่ายขึ้น
🌟 4. ซ่อมนาฬิกาของคนบ้างาน
หลายๆ ครั้ง คนบ้างานมักจะประเมินเวลาที่จะใช้ทำงานต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้รับงานเกินกำลัง สิ่งที่ควรทำคือเริ่มจับเวลาในการทำงานจริง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับเวลาที่คาดการณ์ไว้ เมื่อรู้แล้วว่าใช้เวลาเกินคาดไปเท่าไร เราจะสามารถวางแผนเวลาในอนาคตให้แม่นยำมากขึ้น และสามารถจัดการงานให้เสร็จได้อย่างไม่เครียด
🌟 5. เลิกคิดเรื่องงานวนไปวนมา
หนึ่งในปัญหาหลักของการบ้างานคือการคิดเรื่องงานไม่หยุด แม้จะหยุดทำงานแล้วก็ตาม วิธีแก้คือ เมื่อเริ่มคิดเรื่องงาน ให้ลองตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น “ทำไมต้องทำงานทุกนาที?” หรือใช้เทคนิคการผ่อนคลายจิตใจ เช่น การทำสมาธิ หรือหายใจลึกๆ เพื่อให้ใจหลุดพ้นจากความคิดเรื่องงาน
🌟 6. อย่าลืมที่จะพักผ่อนเพื่อฟื้นพลัง
การพักผ่อนสำคัญมาก แต่เรามักมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา ซึ่งจริงๆ แล้วนั้น การพักผ่อนคือช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจจะได้ฟื้นฟู ดังนั้น เราจึงควรหากิจกรรมที่ทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ชอบอื่นๆ เพื่อให้ตัวเองได้พักบ้าง เพราะการพักผ่อนในเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้เรากลับมาทำงานได้อย่างสดชื่นและมีพลังมากขึ้น
แนวทางทั้ง 6 ข้อนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่ยาก โดยอาจค่อยๆ เริ่มที่ละวิธี และต้องไม่ลืมที่จะไม่กดดันตัวเอง อย่ารอให้สุขภาพกายและใจของเราต้องพังลงเพราะงาน จงใช้ชีวิตอย่างมีสมดุล เพื่อให้เรานั้นประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตไปพร้อมๆ กันได้อย่างแท้จริง!
เขียนโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsWorkAndLife
----
----
เหนื่อยกับการทำงานหนักใช่ไหม? อยากเติมพลังให้ชีวิตกลับมาใจฟูอีกครั้ง?
งาน Work ไร้ Balance Expo 2024 งานที่รวบรวมทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างสมดุลย์ให้กับชีวิตทำงาน
สิทธิพิเศษเฉพาะคุณ!
❤️ ฮีลใจแบบจัดเต็ม: กับกิจกรรมหลากหลายที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและลดความเครียด
🌟 รับแรงบันดาลใจ: เรียนรู้เทคนิคการจัดการความเครียดและอาการเหนื่อยล้าจากผู้เชี่ยวชาญ
🩹 รวมบูธที่เกี่ยวกับการฮีลใจ : ที่รวมหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยเยียวยากายและใจจากการทำงาน
💼 Heart Healing Workshops : Workshops ที่พร้อมเยียวยาคุณ ในวันที่หัวใจอ่อนล้า ให้กลับมามีไฟอีกครั้ง
เข้าร่วมงานและรับสิทธิพิเศษ “ฟรี” เพียงแค่ลงทะเบียนผ่านลิงค์ในช่องคอมเมนต์
แล้วมาพบกันที่งาน วันที่ 2-3 พ.ย. 2567
เวลา: 10.00 - 19.00 น.
สถานที่: Paragon Hall ชั้น 5 สยามพารากอน
โฆษณา