17 ต.ค. 2024 เวลา 12:15

“คลิปเสียงสนทนา.. มาจากไหน..”

มีคนสงสัยครับว่า.. เวลามีข่าวดัง.. มักจะมีสื่อสารมวลชนทางทีวี นำคลิปเสียงการพูดคุยของผู้เกี่ยวข้องในคดีมาเผยแพร่..
ผิดจรรยาบรรณสื่อมั้ย.. และจะมีผลในศาลอย่างไร.. ผู้เขียนไม่ขอพูดถึงในโพสต์นี้..
ในอดีต ก็มีคดีดัง.. คือ คดีหวย 30 ล้าน.. ที่สื่อทีวีต่างๆนำคลิปเสียงสนทนาของครูปรีชาออกมาเผยแพร่.. เห็นบอกว่า มีเป็นพันคลิป..
ต่อมา ก็มีหลายคดี.. จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีคดีที่นำคลิปเสียงออกมาเผยแพร่ตามสื่อต่างๆเป็นระยะๆ..
บางสื่อก็เอาเจ้าของเสียงมาออกรายการสัมภาษณ์ แล้วเปิดคลิปให้ฟัง.. เหมือนการพิสูจน์ต่อพยาน.. โดยที่เจ้าของเสียงในคลิป ก็ยังไม่ปฏิเสธว่า ไม่ใช่เสียงของตนเอง..
แม้คลิปเสียงจะก่อผลเสียในคดี หรืออาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อพยาน.. แต่สื่อก็ยังไม่สนใจ ยังหาคลิปมาเปิดอยู่เสมอๆ..
คำถามที่น่าสนใจ สำหรับนักกฎหมายควรต้องรับรู้ คือ.. คลิปเสียงเหล่านั้นมาจากไหน..
นอกจาก ใช้ AI ปลอมเสียงแล้ว.. ในเชิงเทคนิค.. คำตอบเท่าที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด คือ เป็นคลิปที่บันทึกจากเสียงสนทนาในโทรศัพท์มือถือครับ..
คำถาม คือ ใครบันทึกเสียงนั้น.. ถูกแอบบันทึกโดยไม่รู้ตัว.. หรือตั้งใจกดบันทึกเอง.. หรือถูกดักฟัง..
ที่น่าสนใจ คือ บางคดี คลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์นั้น เกิดก่อนจะมีคดี เกิดก่อนเป็นข่าวเสียด้วยซ้ำ.. คงไม่ใช่ดักฟัง..
เจ้าของคลิปเสียงเอง ก็มักยืนยันว่า ไม่เคยกดบันทึกเสียง.. ไม่เคยโหลดแอพสำหรับบันทึกเสียงสนทนา.. ทำไม่เป็น..
สรุป คือ เจ้าของเสียง เจ้าของโทรศัพท์เองยังไม่รู้เลยว่า.. ใครบันทึก.. ใครเอาเสียงสนทนาในโทรศัพท์ออกไปขาย หรือเผยแพร่ให้สื่อมวลชน..
น่าสังเกตนะครับว่า ทุกวันนี้ สังคมเราพึ่งพาเทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือ จนเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันแล้ว..
คนดีก็ใช้.. ตำรวจก็ใช้.. โจรเองก็ใช้..
เวลาเจ้าพนักงานตำรวจจับบุคคล.. คดียาเสพติด และคดีอื่นๆ.. ก็มักต้องการโทรศัพท์มือถือไปตรวจดู เพื่อหาข้อมูลพยานหลักฐาน..
ด้วยการให้ผู้ต้องหาลงนามยินยอมให้ตำรวจเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ และส่งมอบโทรศัพท์มือถือให้ไปตรวจสอบ.. บางทีก็มีนัยว่า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ..
ความยินยอม มีผลแค่ไหน เพียงไร.. เหมือนยอมให้ค้นบ้านโดยไม่มีหมาย.. เหมือนยอมให้ตัวอย่างปัสสาวะ นำลมหายใจไปตรวจหาพยานหลักฐานโดยไม่มีเหตุอันควรมั้ย.. น่าจะเคยโพสต์มาบ้างแล้ว..
 
โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นระบบแอนดรอยด์ หรือ IOS.. ระบบจะบันทึกเสียงสนทนาการโทรเข้า.. การรับสาย.. การโทรออกไว้หมด..
แต่เป็นการบันทึกแบบระบบอัตโนมัติด้วยการตั้งค่ามาจากโรงงาน.. ไม่ต้องกดบันทึก ไม่ต้องโหลดโปรแกรมบันทึกเสียง..
เจ้าของ ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ จึงไม่ทราบว่า เสียงสนทนาของตนและคู่กรณีถูกบันทึกไว้ในระบบแล้ว..
เจ้าพนักงานตำรวจ จะใช้เครื่องมือ ใช้แอพ ที่ชื่อ Encase หรือ Cellebright เสียบช่องสายสัญญาณเข้าเครื่อง.. แล้วค้นหาและกู้ ข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในเครื่อง หรือที่ถูกลบไปแล้วได้..
ผู้เขียนไม่ได้กล่าวหาว่า เจ้าพนักงานของรัฐทำแบบนั้นในทุกคดี..
ไม่ได้บอกว่า คลิปเสียงที่เป็นพยานในคดี หลุดออกมาให้สื่อมวลชนจากไหน และอย่างไรนะครับ..
คลิปเสียงเหล่านั้น อาจได้มาโดยทางอื่น นอกจากวิธีการที่ผู้เขียนเล่าให้ฟังก็ได้.. เพียงต้องการให้นักกฎหมายทราบว่า นี้เป็นวิธีหนึ่งเท่านั้น..
หลายคนรู้แบบนี้แล้ว ไม่สบายใจ..
เอ.. โทรศัพท์มือถือของเรานี่ ดูท่าไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว 55
เพื่อความสบายใจ จะเล่าให้ฟังว่า ทางบริษัทแม่ของไอโฟนที่ต่างประเทศ ถูกตรวจสอบจากประชาชนแล้ว.. บริษัทยืนยันว่า โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ผลิต จะตัดความสามารถในส่วนนี้ออกจากเครื่องแล้ว..
รุ่นเก่า ถ้าอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่ ก็จะไม่มีการบันทึกเสียงสนทนาต่อไป..
ฟังแล้ว คงสบายใจขึ้นนะครับ.. แต่อย่าเพิ่งยิ้ม.. ในโลกนี้ ไม่มีอะไร 100% ครับ..
ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น มองไม่เห็น เปลี่ยนแปลงง่าย ตรวจสอบด้วยตาเปล่ายาก..
บริษัทเขาบอกว่า ไม่แอบบันทึกเสียงแล้ว.. เราคงไม่รู้นะครับว่า จะจริง หรือไม่จริง.. แล้วโทรศัพท์ระบบอื่น จะมีการบันทึกแบบนี้ไว้มั้ย.. ใครจะตอบได้ล่ะครับ..
เจตนารมย์ของการเขียนโพสต์นี้ ไม่ใช่เพื่อใส่ร้ายใครนะครับ..
เรื่องทางคดี.. ผลของการนำคลิปเสียงมาใช้ในศาล.. คลิปเสียงมาจากไหน.. ใครต้องรับผิดชอบ อย่างไร.. ผู้เขียนไม่ต้องการกล่าวถึงในโพสต์นี้..
แต่อย่าลืมว่า บ้านเรา ยังไม่ได้ตั้ง ศาลสื่อออนไลน์.. ยังไม่มีศาลประชาชนทางยูทูป.. ยังไม่มีศาลจูรี่ทางเฟซบุ๊กนะ..
 
ผู้เขียนอยากเห็นสังคมไทยใช้กระบวนพิจารณาที่เป็นสากล.. ใช้ระบบวิธีการพิสูจน์ความจริงในศาลครับ..
เขียนโพสต์นี้ มีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้นักกฎหมาย โดยเฉพาะทนายความให้ได้รับทราบ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสิทธิของประชาชนที่เป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น..
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการต่อสู้คดีระหว่างพนักงานอัยการ กับจำเลย.. จะได้ไม่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน..
เพื่อให้ความจริงในการพิจารณาคดี ได้รับการพิสูจน์..
เพราะความเป็นธรรม.. จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย..
หากฝ่ายจำเลย.. พนักงานอัยการ.. และศาล มีพื้นฐานองค์ความรู้กฎหมาย และเรื่องเทคโนโลยี่ นิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ที่ไม่เท่าเทียมกัน..
โฆษณา