29 ต.ค. 2024 เวลา 04:00 • ธุรกิจ

4C กลุ่มตระกูลมหาเศรษฐีไทย เจ้าของทรัพย์สินมูลค่า 3,000,000,000,000 บาท

เราอาจจะรู้จักกลุ่มแชโบล ซึ่งเป็นเหล่ามหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพล จากประเทศเกาหลีใต้ หรือกลุ่มเคเรตสึ ที่อยู่เบื้องหลังเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น
1
แต่อันที่จริงแล้ว ประเทศไทยของเราก็มีกลุ่มคล้าย ๆ แบบนั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งถึงแม้จะยังไม่มีชื่อเรียกเท่ ๆ แต่สินทรัพย์ที่ถือครองรวมกัน ก็ไม่แพ้กลุ่มทุนจากประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้นเลย
เพราะกลุ่มคนเพียง 4 ตระกูลนี้ ก็ครอบครองทรัพย์สินมากถึง 3,000,000,000,000 บาทเอาไว้ (อ่านว่า 3 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 16% ของ GDP ไทยทั้งประเทศ
MONEY LAB จะขอเรียกกลุ่มคนทั้ง 4 ตระกูล ในบทความสั้น ๆ ว่า “4C”
และถ้าคุณอยากรู้ว่า กลุ่มมหาเศรษฐีทั้ง 4 ตระกูลนี้ เป็นใครบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
C ที่ 1 คือ คุณเฉลิม อยู่วิทยา (Chalerm Yoovidhya) ทรัพย์สิน 1.32 ล้านล้านบาท
คุณเฉลิม อยู่วิทยา เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของกระทิงแดง เขาเป็นลูกชายของคุณเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งกระทิงแดง
ปัจจุบันคุณเฉลิม อยู่วิทยา เป็นเจ้าของ 2 บริษัท คือ บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหัวหอกหลักในการผลิต และจัดจำหน่ายกระทิงแดงในไทย
กับบริษัท Red Bull GmbH ซึ่งเป็นบริษัทหัวหอกหลักในการจัดจำหน่ายกระทิงแดงในตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทนี้ครอบครัวอยู่วิทยา ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51
บริษัท Red Bull GmbH ถือว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์สำคัญของตระกูลอยู่วิทยา เพราะเมื่อปีที่แล้ว ทำรายได้มากถึง 417,249 ล้านบาทเลยทีเดียว
1
ที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเราลองเทียบรายได้ของ Red Bull GmbH กับรายได้ และอัตรากำไรสุทธิ ของ CBG และ OSP ซึ่งทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังเหมือนกัน
1
จะเห็นได้ว่าในปี 2566
CBG มีรายได้ 19,045 ล้านบาท กำไร 1,924 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 9.98%
OSP มีรายได้ 26,644 ล้านบาท กำไร 2,402 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 9.09%
เนื่องจาก Red Bull GmbH ไม่เปิดเผยตัวเลขกำไรสุทธิ เพราะฉะนั้น ถ้าเราสมมติให้อัตรากำไรสุทธิ เท่ากับทั้ง 2 บริษัทที่ประมาณ 9% และระดับ P/E ที่ 30 เท่า เหมือนทั้ง 2 บริษัท
Red Bull GmbH จะมีกำไรสุทธิประมาณ 37,500 ล้านบาท และมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
และหากครอบครัวอยู่วิทยาถือหุ้นในบริษัทนี้รวมกันมากถึง 51% ก็จะมีความมั่งคั่งจากบริษัทนี้บริษัทเดียวมากถึง 574,000 ล้านบาท
C ที่ 2 คือ ตระกูลเจียรวนนท์ (Chearavanont Family) ทรัพย์สิน 1.06 ล้านล้านบาท
ไม่น่าจะมีคนไทยคนไหน ไม่รู้จักอาณาจักรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง CP อีกแล้ว
อาณาจักรธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์ ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจการเกษตร โทรคมนาคม ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการเงิน
ความมั่งคั่งหลักของตระกูลเจียรวนนท์ ก็คือการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็น..
- CPF ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และอาหาร
มูลค่าบริษัท 197,700 ล้านบาท กลุ่ม CP ถือหุ้นรวมกัน 50.05%
- CPALL ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
มูลค่าบริษัท 496,000 ล้านบาท กลุ่ม CP ถือหุ้นรวมกัน 35.51%
- TRUE ธุรกิจโทรคมนาคม
มูลค่าบริษัท 305,700 ล้านบาท กลุ่ม CP ถือหุ้นรวมกัน 20.95%
- CPAXT เจ้าของธุรกิจค้าปลีก Lotus’s และธุรกิจค้าส่ง MAKRO
มูลค่าบริษัท 285,600 ล้านบาท กลุ่ม CP ถือหุ้นรวมกัน 84.73%
- Ping An Insurance บริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในจีน
มูลค่าบริษัท 3,500,000 ล้านบาท กลุ่ม CP เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ถือหุ้นรวมกัน 5.05%
นอกจากนี้แล้วตระกูลเจียรวนนท์ ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดหุ้นอย่าง Magnolia Quality Development Corporation หรือ MQDC เจ้าของโครงการ ICONSIAM และ True Digital Park อีกด้วย
จะเห็นได้ว่ากลุ่มธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์ ล้วนเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลักแสนล้าน ไปจนถึงหลักล้านล้านบาท ที่ส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในตลาดหุ้น
C ที่ 3 คือ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี (Charoen Sirivadhanabhakdi)
ทรัพย์สิน 3.68 แสนล้านบาท
คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นผู้นำตระกูลสิริวัฒนภักดี ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจด้วยตัวเองได้ใน Generation เดียว
แม้ว่าคุณเจริญ จะเป็นเจ้าของธุรกิจมากมาย ไม่ต่างอะไรจากตระกูลเจียรวนนท์ แต่ความมั่งคั่งหลักของเขามาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ
1. ธุรกิจสุรา ภายใต้บริษัท ThaiBev ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ มูลค่าบริษัท 299,000 ล้านบาท ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือหุ้นรวมกัน 67.86%
ที่น่าสนใจก็คือ ThaiBev เคยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย แต่โดนคัดค้านไม่ให้เข้า เพราะ ThaiBev ทำธุรกิจสุรา ซึ่งขัดกับประเทศไทยที่เป็นเมืองพุทธ
3
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- AWC เจ้าของตึกสำนักงานเอ็มไพร์สาทร และเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ
มูลค่าบริษัท 112,000 ล้านบาท ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือหุ้นรวมกัน 75.0%
- FPT เจ้าของโครงการสามย่านมิตรทาวน์
มูลค่าบริษัท 33,600 ล้านบาท ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือหุ้นรวมกัน 81.83%
1
และบริษัทนอกตลาดหุ้นอย่าง TCC Assets เจ้าของโครงการมิกซ์ยูส One Bangkok ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 120,000 ล้านบาท ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
3. ธุรกิจค้าปลีก ภายใต้บริษัท BJC เจ้าของห้าง Big C ในไทย
มูลค่าบริษัท 84,000 ล้านบาท ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือหุ้นรวมกัน 74.42%
แม้แต่ละบริษัทของตระกูลสิริวัฒนภักดี ไม่ได้ใหญ่โตเท่าธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์
แต่ตระกูลสิริวัฒนภักดี ก็เลือกที่จะถือหุ้นในบริษัทของตัวเองในสัดส่วนที่สูงกว่าตระกูลเจียรวนนท์
ทำให้ตระกูลสิริวัฒนภักดี มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศได้ไม่ยากนัก
C ที่ 4 คือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ (Chirathivat Family) ทรัพย์สิน 3.64 แสนล้านบาท
ตระกูลจิราธิวัฒน์ น่าจะเป็นหนึ่งในตระกูลนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนที่เก่าแก่ที่สุดตระกูลหนึ่งของเมืองไทย
ถ้าให้ลองย้อนไปที่จุดเริ่มต้นของตระกูลนี้ ก็น่าจะต้องย้อนไปไกลถึง 100 ปีที่แล้ว จากจุดเริ่มต้นจากร้านหนังสือบนถนนสี่พระยา สู่อาณาจักรศูนย์การค้าเซ็นทรัล โรงแรมเซ็นทารา และธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมายในปัจจุบัน
ตระกูลจิราธิวัฒน์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท 3 แห่งในตลาดหุ้นไทย คือ
- CPN เจ้าของศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัล
มูลค่าบริษัท 246,800 ล้านบาท ตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือหุ้นรวมกันประมาณ 38.0%
- CRC เจ้าของห้างค้าปลีก และค้าส่งในเครือเซ็นทรัล
มูลค่าบริษัท 177,900 ล้านบาท ตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือหุ้นรวมกันประมาณ 50.3%
1
- CENTEL เจ้าของโรงแรมเครือเซ็นทารา และร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล
มูลค่าบริษัท 53,300 ล้านบาท ตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือหุ้นรวมกันประมาณ 48.0%
นอกจากนี้ตระกูลจิราธิวัฒน์ ยังมีบริษัทนอกตลาดหุ้นอย่าง บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของห้างหรูมากกว่า 40 แห่ง ทั่วยุโรปอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของกลุ่มตระกูลมหาเศรษฐี 4C ของไทย ล้วนมีที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
1
บางที สิ่งนี้อาจจะเป็นสูตรสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งของเศรษฐีไทยก็ได้ คือ ขายสินค้าที่คนส่วนมากต้องใช้
แล้วพอปั้นธุรกิจให้โตเต็มที่แล้ว ก็นำเงินไปลงทุนต่อในต่างประเทศ หรือเริ่มธุรกิจใหม่ที่ยังไม่เคยทำ ตามรูปแบบการสร้างความมั่งคั่งของกลุ่ม 4C..
#ธุรกิจ
#หุ้นไทย
#เจ้าสัวไทย
โฆษณา