Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
31 ต.ค. 2024 เวลา 08:06 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าที่แสนเจ็บปวด
.
เดชนางสิงห์เฒ่า
.
ข้าพเจ้าขอยืนยัน นั่งยัน และ นอนยัน ว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น หากไม่เชื่อคิดว่าเป็นเรื่องแต่ง ข้าฯถือว่าท่านผู้อ่านได้เชิดชูผลงานของข้าฯขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
.
พศ.2516ข้าฯได้รู้จัก และ คบหากับสามีซึ่งเป็นนิสิตร่วมรุ่นมาตั้งแต่นั้น แต่งงานกันหลังจาก9ปีผ่านไป เราครองชีวิตคู่อย่างสมถะมาตลอด มีความสุขไปตามประสาคน
ที่จนเงินแต่ไม่จนรัก ให้การศึกษาแก่ลูกในระดับปริญญาทั้ง 3 คน
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นถึงต้องมีนางเสือนางสิงห์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเล่า ใจเย็นๆอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ เรื่องวินาศสันตโรของชาวบ้านก็เช่นกัน
.
ชีวิตคู่ของข้าฯแม้ไม่ถึงกับเลิศหรู แต่สบายใจเพราะเขา(สามี)ไม่เคยนำบุคคลที่ 3 เข้ามา พึงรู้ไว้เถิดท่านผู้อ่าน บุคคลที่ 3 ที่จะเข้ามาในครอบครัวเราได้นั้นก็คือ ลูก
.
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจะโกเจ็ดก็ได้เอาที่สดวก สรุปว่าเวลาได้ผ่านไปแล้ว 50 พศ. คือในปี 2566 หลังจากป่วยโควิต ข้าฯก็เป็นลองโควิตต่อ แล้วตามด้วยการตกบันได
ส่งผลให้ขาไม่มีแรงเดินไม่ได้เป็นเดือนๆ เขาก็เบื่อรำคาญจึงไปเดินออกกำลังกายตอนเช้าเพียงลำพัง
.
ก่อนอื่นต้องเข้าใจด้วยว่าที่ผ่านมาทั้งเขาและข้าฯสะกดคำว่าออกกำลังกายไม่เป็น เวลาว่างก็คือพาลูกสาวทั้ง3ไปเที่ยวตามสถานที่ที่มีชื่อเสียง
หรือไม่ก็ไปทานอาหารอร่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือของข้าฯ ข้าฯจึงแปลกใจอย่างเหลือล้นทนเหลือหลายที่ครึ่งเดือนต่อมาเขาก็เปลี่ยนไปอย่างน่าฉงน
จากที่เคยขี้บ่นแสนหงุดหงิดกลายเป็นอารมณ์ดี ร้องคาราโอเกะ แม้แต่เวลาเดินในบ้านก็ฮัมเพลง แถมทำท่ารำไท้เก๊กอีกด้วย
หนักเข้ายืนรอข้ามถนนพี่แกก็วางมือเหมือนจะรำขึ้นมาอีก เป็นเอามาก แฮะ แต่ข้าฯ
ก็ยังคงเป็นหมวดเฉย ไม่เฉยได้ไงเล่าก็ยังเดินไม่ได้นี่นา
.
ในระหว่างนี้เขาก็ไปนอนที่ชั้น3(ปกตินอนชั้น2 ห้องเดียวกับข้าฯ) แต่ข้าฯได้ยินเสียงเขาเดินไปเดินมาทั้งคืน เหมือนอยากให้เช้าเร็วๆจะได้ไปรำไท้เก๊ก
ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าจะเริ่มรำตอน 6.30 น. - 7.00 น แต่เขาไปตั้งแต่ 5.30 น. ไปแบบย่องไป ข้าฯก็คิดในแง่ดีว่ากลัวทำให้ข้าฯตื่น แต่เวลากลับนี่ซิ 8โมงกว่า
.
สรุปทุกเช้าหัวท้ายเวลาหายไปรวม 2 ชั่วโมง แล้วยังชมเช้าชมเย็นว่ากลุ่มที่รำด้วยมีการศึกษาเพราะพูดอังกฤษได้ ข้าฯจึงบอกกับเขาว่า "กาหรี่ก็พูดอังกฤษได้"
.
แล้วเขาก็ประชดด้วยการเพิ่มเวลาเป็นตอนเย็นอีกรอบคือเริ่มตั้งแต่ 17.30 น. จนถึง
2ทุ่ม และเป็นเช่นนี้ทุกวันโดยไม่มีวันหยุดยกเว้นฝนตก สรุปเวลาที่หายไปวันละ 4 ชั่วโมง
.
ตอนนี้เองที่ทำให้ข้าฯเริ่มรู้สึกว่ามันชักจะมากไป นี่เมิงไม่คิดจะทำมาหาแ-กเลยหรือ OKการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่หน้าที่และความรับผิดชอบก็ต้องไม่เสียด้วย
.
และแล้ววันบ้านแตกก็เริ่มขึ้น บ่ายวันหนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาว่า "คืนนี้ตอน 2 ทุ่มจะมีคนมารับเราไปคุยกับพระดังที่มาจากภาคเหนือ"
.
ข้าฯ "ไปกันยังไง"
.
เขา "ไปรถยนต์ เพราะวัดอยู่ไกล อาจต้องกลับดึก"
.
ข้าฯ "ดึกแค่ไหน"
.
เขา "ตี1-ตี2"
.
ข้าฯ "แล้วพระไม่ต้องจำวัดเรอะ แล้วนี่เธอไปกับใคร วัดชื่ออะไร อยู่ที่ไหน"
.
เขาทำท่าทางอึกอักก่อนตอบอย่างอ้อมแอ้มว่า "ไปกับพวกรำไท้เก๊ก อย่าบอกนะว่าเธอหึง พวกนี้มีแต่คนแก่ทั้งนั้น"
.
ข้าฯ "แก่หรือสาว ฉันตัดสินเอง ว่าแต่ไปกี่คน มีผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน"
.
เท่านั้นแหละเขาก็เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที "ถามอย่างกับเราจะโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่อย่างนั้นแหละ จะบอกให้นะพวกเค้าล้วนแต่คนมีเงิน ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกด้วย"
.
ข้าฯ "คนมีเงินที่ไหนกันที่ประกาศตัวว่ารวย มีแต่พวกต้มตุ๋นหลอกเอาเบี้ยมากกว่า"
.
เขาควันออกหูเลยทีนี้ "ใจคอคับแคบ มองโลกในแง่ร้าย อิจฉาตาร้อน ที่บอกนี่ไม่ได้ขออนุญาตนะ"
.
ข้าฯเจ็บใจขึ้นมาทันที แต่ต้องคุมอารมณ์และเย็นเข้าไว้ "ถามจริงๆเถอะ รู้จักกันนานแค่ไหน ถึงคิดไปด้วยดึกๆดื่นๆ แล้วทำไมไม่ไปกลางวัน"
.
เขาเงียบไม่ตอบดูท่าทางกำลังจะเป็นหมาบ้า แต่ข้าฯยังแกล้งยั่วประสาทต่อ "เอาล่ะถ้าอยากไปมาก บอกหล่อนหรือพวกหล่อนว่า ให้เอาสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนมาด้วย ฉันจะยึดไว้เผื่อเจอศพเธอถูกหั่นเป็นท่อนๆได้แจ้งความถูก
.
แต่....ถ้าไม่ยอมทำตามเงื่อนไขนี้ ฉันจะไปยืนรอหน้าบ้านแล้วด่าประจานให้ลั่นถนนที่เมิงมายุ่งกับผัวชาวบ้านทำไม จะลองดูไหมล่ะ อย่าคิดนะว่าไม่กล้า
ที่ผ่านมาไปพบไปเจอกันนอกบ้านไม่เป็นไร นี่ถึงขนาดมาเหยียบหน้ากรูถึงบ้าน เป็นไงเป็นกัน"
.
เขาตะโกนจนสุดเสียงได้ยินกันทั้งตลาด "ชั้นแค่ไปออกกำลังกายเท่านั้น อย่ามาจุ้นจ้านในชีวิตชั้นได้ไหม"
.
คราวนี้ทำนบน้ำตาข้าฯแตก น้ำตาร่วงพรู ชี้หน้าด่ามันด้วยความแค้น "รู้งี้ตอนปี 48 ไม่น่าช่วยชีวิตจากหัวใจขาดเลือดเลย เมิงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นยังมีสิ่งดีๆให้จำ แล้วที่ผ่านมา 50 ปี ฉันสู้หญิงพวกนี้ไม่ได้ตรงไหน"
.
เขา "หญิงเหล่านี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมี พวกเค้าช่วยให้เราหายจากการเป็นโรคซึมเศร้า"
.
ข้าฯหยุดร้องไห้แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะก๊าก "โรคซึมเศร้าหรือ ถามหน่อยเถอะ เธอมีห่าอะไรให้ซึมเศร้า ฉันอาจไม่พูดหวานสะตอแหล พูดแต่ความจริง
ในขณะที่หญิงกลุ่มนี้เสียน้ำลายไม่กี่หยดพูดในสิ่งที่เธอยากฟัง เธอก็นับเป็นเพื่อนแท้ ทั้งที่พวกหล่อนชื่อนามสกุลอะไรบ้านอยู่ที่ไหนทำอาชีพอะไรเธอไม่รู้สักอย่าง ถามจริงๆเถอะถ้าให้เลือกระหว่างฉันกับหญิงพวกนี้เธอเลือกใคร
.
เขาตอบโดยที่ไม่ต้องคิด "เราไม่เลือกเธอ เพราะตั้งแต่เรารู้จักหญิงกลุ่มนี้ เรามีความสุขอย่างที่ไม่เคยมี"
.
ข้าฯ "ถ้างั้นก็บอกให้พวกนางเตรียมเอกสารมาด้วย"
.
แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ไปกับคนพวกนั้นเพราะแค้นใจที่ข้าฯกันท่า จึงขึ้นไปหมกตัวที่ชั้นบนทั้งวัน เลยไข้ขึ้นไม่สบายไปเกือบอาทิตย์ โสน้าหน้า
.
แล้วข้าฯก็ใช้ช่วงเวลานั้นสืบเรื่องพระดังที่มาจากภาคเหนือ ที่จริงไม่ต้องสืบก็รู้ว่าไม่
มีอยู่แล้วเป็นเพียงข้ออ้างที่จะไปทำอะไรสักอย่างที่ให้เมียรู้ไม่ได้
.
ที่จริงข้าฯจบวิทยาศาสตร์ ข้าฯไม่ควรเชื่อเรื่องคุณไสย แต่พฤติกรรมที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของเขา
ทำให้ข้าฯตัดสินใจใส่น้ำมนต์ของหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ จ.ปัตตานี ปนลงไปในน้ำดื่มของเขา ดื่มไม่หมดก็สาดหัวมันซะ
.
ช่วงที่ป่วยไม่ได้ไปเจอพวกนั้น หลังจากทั้งดื่มทั้งรดหัวด้วยน้ำมนต์ เขาก็ดูปกติความบ้าน้อยลง แต่...ทันทีที่หายเท่านั้นแหละ พี่แกก็กลับมาอารมณ์ไม่ดีอย่างเก่า
.
ข้าฯลืมบอกว่าช่วงที่เขาป่วยมีหญิงคนหนึ่งมาหาถึงบ้าน ข้าฯแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย นี่หรือกิ๊กทีเขาคลั่งไคล้จนยอมมีเรื่องกับข้าฯ
.
หญิงวัยเกือบ 80 ปี เสื้อผ้าเก่าโทรม จักรยานบุโรทั่งจะพังมิพังแหล่ นี่หรือ...ที่เขาพร่ำเพ้อถึง ไฮโซร่ำรวยจนส่งลูกไปเมืองนอก ก็ถ้าแม่เกือบ 80 ลูกจะอายุเท่าใด
.
"เถ้าแกเนี้ยหรือ คะ" นางเอ่ยทักพร้อมด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ
.
ข้าฯตอบห้วนๆ "ใช่ มีธุระอะไร"
.
"ไม่มีอะไร ค่ะ เฮียกับชั้นรำไท้เก๊กด้วยกัน เห็นเฮียหายไปหลายวันจึงมาเยี่ยม ไม่รู้
มาก่อนว่าเฮียมีเมีย เห็นไปคนเดียวตลอด เฮียเป็นคนที่ friendly มาก และ take careชั้นตลอด"
.
ข้าฯ "พอแล้ว พูดภาษาไทยเถอะ จำไว้นะว่าภาษาอังกฤษของเธอยังไงก็สู้ฉันไม่ได้ ภาษาอังกฤษของเธอเป็นได้แค่ที่คนใช้ในละครช่อง 7 พูดเท่านั้น แล้วในเมื่อรู้ว่าเมียเขายังอยู่ก็กลับไปได้แล้ว ไม่ต้องมาอีกนะ"
.
งานต่อไปก็คือเล่นงานพ่อตัวแสบที่ไปทำให้ข้าฯขายหน้า มีอย่างที่ไหนริจะมีกิ๊กทั้งทีไปเอาทำไมหญิงแก่ แก่กว่ากรูอีก สุดแสนซำเหมา เออ..ถ้าสาวสวยรวย จะไม่ว่าเลยสักคำ เพราะข้าฯหมดทางสู้จริงๆ
.
หลังจากที่เขารู้ว่ายายซิ้มขายผักมาเยี่ยม ก็ถอนใจเฮือกทั้งขอบใจที่ช่วยตะเพิด ยายซิ้มคนนี้อยู่กลุ่มข้างๆพยายามมาตีสนิท ถ้าเช่นนั้นหมายความว่าข้าฯยังวางใจอะไรไม่ได้
.
เขายังไม่ได้ไปรำไท้เก๊กแม้จะหายป่วยแล้ว ทั้งนี้เพราะข้าฯขอให้อยู่ห่างๆยายซิ้มแก่นั่นสักพักจะได้จบไปเรื่องหนึ่ง เขาจึงอารมณ์บ่จอยนัก แล้วก็เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมา นั่นคือ...
.
แทบทุกอาทิตย์เขาต้องเข้าโรงพยาบาลและเป็นเฉพาะกลางดึก นั่นคือปัญหาหัวใจเต้นผิดปกติ แต่พอไปถึงโรงพยาบาลได้นอนในห้องฉุกเฉินสักครู่เขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง
.
เป็นเช่นนี้ 3-4 ครั้ง กลางคืนของวันหนึ่งถึงคิวคุณหมอใหญ่ชื่อนายแพทย์....ท่านดูประวัติแล้วจึงให้ท่าการเจาะเลือดทุกชั่วโมง 5 ครั้ง
เพื่อเช็คการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจทุกเส้น เนื่องจากในปี2548 เขามีปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ 1 เส้น
.
แล้วท่านก็เรียกข้าฯไปคุย ท่านไม่พบความผิดปกติใดๆ เข้าใจว่าเป็นร่างกายที่สั่งให้เกิดความผิดปกติ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจทำให้หัวใจวาย และ ตายได้ทันที ทว่าปัญหาใหญ่กว่าที่พบก็คือ ไส้เลื่อนที่เป็นมาสักพักใหญ่แล้ว
.
ข้าฯบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ในวันต่อมา บอกให้เตรียมตัวไปพบแพทย์เฉพาะทางเป็นเพื่อนคุณหมอใหญ่เพื่อนัดวันผ่าตัด และ ยินยอมให้เขากลับไปรำไท้เก๊กได้อีก
.
วันหนึ่งหลังจากที่เขากลับเข้ากลุ่มได้ไม่นานนัก เขาก็บอกว่าจะมีการไปเยี่ยมชมรมไท้เก๊กใน 5 จังหวัดภาคใต้ แต่ขอเก็บเงินก่อน
(จำนวนเงินข้าฯจำไม่ได้ รู้แต่เลข 5 หลัก) รายละเอียดการเดินทาง และ ยิบย่อยต่างๆจะปรึกษากันอีกทีในวันที่ออกเดินทาง
.
เฮ้ย...มันมีอย่างนี้ด้วย เอาเงินมาก่อน และ ไม่ใช่น้อยๆนะ จะไปกี่คน ชายกี่คน หญิง
กี่คน ไปที่ไหนบ้าง ไปรถอะไร รถกี่คัน ไปกี่วันไม่รู้อะไรสักอย่าง นี่มันทัวร์หรือต้มกันแน่
.
แต่เนื่องจากยังมีเวลาอีกหลายวัน ข้าฯจึงติดต่อนักสืบคนหนึ่ง เขาจะเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครทราบ จนกระทั่งเดินผ่านร้านลาบ จึงทราบว่ามาจากอีสาน
เอ๊ย...ม่ายช่าย เขาจะเป็นใครมาจากไหนก็ช่างเขาเถอะ ทำงานให้เราได้ในราคาไม่แพงก็พอ
นักสืบคนนี้มีอาชีพหลักคือขี่มอไซด์รับจ้าง และ ติดตามดูพฤติกรรมของเฒ่าหัวงูว่าแอบไปมีกิ๊กที่ไหน อัตราค่าจ้างชั่วโมงละ 100 บาท ส่วนจะจ้างครั้งละกี่ชั่วโมงก็ได้
.
ข้าฯจึงขอจ้างเพียงวันละ 1 ชั่วโมง ต้องการรู้แค่ว่าเขาไปรำไท้เก๊กที่ไหน เลิกแล้ว
ไปไหนต่อ ข้อสำคัญกลุ่มของเขามีกี่คน ชายกี่คน หญิงกี่คน แต่ละคนอายุเท่าใด
.
หวยออกแล้วคร้าบ กลุ่มของเขามีด้วยกัน 7 คน เป็นหญิง5 คนที่เป็นคนนำอายุราว 50 ปีเป็นหญิงที่หน้าตาเหมือนกระเทยแปลงเพศ อีก 4 คนอายุ 30-40 ปี แต่งตัวดูเป็นคุณหนูไฮโซ แต่อาชีพแท้จริงไม่แน่ชัด
.
ผู้ชายมี 2 คนเป็นฝรั่ง 1 คน อายุราว 30 กว่าปี เพิ่งหายหน้าไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ชายอีกคนก็คือ เขา เวลาในการรำไท้เก๊กประมาณ40 นาที นอกนั้นคือการนั่งเม้าท์ไม่ก็
ไปต่อที่ร้านกาแฟบ้างก๋วยเตี๋ยวบ้าง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าฯเตือนตั้งแต่ที่มีเรื่องหมางใจว่า "ออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวก็พอเลิกก็กลับ อย่ามากกว่านั้น"
.
ดูเหมือนคำเตือนของข้าฯจะไม่สัมฤทธิ์ผล เพราะเขาเลือกที่จะทำตรงข้าม ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุว่างั้นเถอะ
ขณะเดียวกันข้าฯก็ขอให้เพื่อนที่เป็นนักกิจกรรมรู้จักคนเยอะ ช่วยเช็คดูว่ามีใครรู้จักหญิงกลุ่มนี้บ้าง ก็ปรากฎว่าไม่มี
.
แล้วเขาก็กลับจากรำไท้เก๊กในสายวันหนึ่งด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ เย็นนี้เขาต้องนำเงินไปจ่ายให้พวกนาง แล้วพรุ่งนี้มารอที่จุดนัดพบ จะมีรถมารับ
.
หลังโคขวิดทุกคนล้วนอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินจำนวนนี้ที่พวกหล่อนระบุ อาจไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับข้าฯในยามนี้มหาศาล
.
และ..ข้าฯก็ถึงบางอ้อเรื่องที่ฝรั่งคนนั้นไม่มาร่วมวงอีก คนไทยมักมองว่าฝรั่งมีเงิน ถ้ามีเงินจริงมันอยู่ประเทศแม่ไม่ดีกว่าหรือ
สำหรับฝรั่งบางคนเงินในจำนวนเดียวกันอยู่ประเทศของตน ต้องกระเบียดกระเสียน อยู่เมืองไทยเป็นเศรษฐีย่อมๆ เพราะค่าของเงินที่สูงกว่า
.
ข้าฯจึงเตือนเขาเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด ที่แม้จะใช้บัตรทองแต่ต้องเผื่อเหนียวกรณีฉุกเฉินด้วย เขาจึงไม่ไปร่วมวงกับพวกหล่อนนับแต่วันนั้น เหตุผลก็คือ....
.
ข้าฯทำการต่อรองเรื่องการผ่าตัดของเขา หากข้าฯยังเดินไม่ได้ใครจะไปคอยเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล แม้จะมีลูก 3 คน แต่ทำงานอยู่กทม. 2 คน จะให้ลางานกลับมาดูแลพ่อมันไม่ใช่
.
ทางที่ดีคือการรักษาขาของข้าฯให้หายและเดินได้เร็วที่สุด ด้วยการสั่งซื้อน้ำมันนวดจากตำรับวัดดัง แล้วให้เขาเป็แคนนวดให้แทนที่จะไปรำไท้เก๊ก
ซึ่งเขายอมรับเงื่อนไข ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดการผ่าตัดของเขา ข้าฯก็พอจะกะโผลกกะเผลกเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้ที่ได้พบเห็นเป็นที่ยิ่ง
ข้าฯได้รับความอนุเคราะห์แม้แต่มอไซด์รับจ้างที่ช่วยประคองขึ้นบันไดโรงพยาบาล เป็นสว.ขากะเผลกก็ดีเหมือนกัน
.
ที่จริงการผ่าตัดไส้เลื่อนไม้ได้น่ากลัว แต่กรณีของเขาเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากมีปัญหาหลอดเลือดห้วใจตีบ ต้องกืนแอสไพรินเพื่อให้เลือดใส ก่อนการผ่าตัดจึง
ต้องหยุดยาเพื่อให้เลือดข้นขึ้น มิเช่นนั้นหลังผ่าตัดเลือดอาจไหลไม่หยุด
.
แต่การหยุดยาก็มีข้อควรระวัง เพราะหากเลือดข้นมากก็อาจทำให้หลอดเลือดหัว
ใจตีบอีก ด้วยเหตุนี้ระหว่างหยุดยาจึงต้องพักในโรงพยาบาล เพราะหากเกิดปัญ
หาใดๆขึ้นใกล้หมอไว้เป็นดีที่สุด
.
ในระหว่างที่เขารักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น ข้าฯคอยดูแลตอนกลางวัน ลูกสาวคนที่2ดูแลกลางคืน ส่วน1ในสาวกลุ่มนี้ที่อ้างว่าเป็นผู้ช่วยแพทยฺที่โรงพยาบาลนี้ หาได้
มีใครมาเยี่ยมสักคนก็หาไม่
.
เขาจึงเอ่ยปากกับข้าฯในวันหนึ่ง "เราอย่าไปหวังพึ่งใครเลย ยามลำบากก็มีเพียงลูกและเมียเท่านั้น"
.
ข้าฯ "จดจำคำพูดของเธอในวันนี้ไว้นะ ไม่ใช่หายดีแล้วก็ลืม สำหรับเราให้โอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
.
เมื่อออกจากโรงพยาบาลเขาต้องพักฟื้น 3 เดือน จึงเป็นช่วงเวลาที่ปลอดจากเรื่องบ้านี้สักระยะ
แล้ววันหนึ่งเขาก็บอกว่ากลุ่มของหญิงเหล่านี้ขอสลายตัวชั่วคราวเพราะมีงานยุ่งและเยอะหาเวลาไม่ได้
.
แต่เขาก็บอกต่อว่า เมื่อใดที่พวกหล่อนกลับมาอีก คราวนี้ข้าฯจะห้ามเขาไม่ได้ เป็นอันว่าจบภาค 1 ที่ผ่านมาข้าฯยังไม่ได้ชนะพวกนาง หน้าตายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ
.
สักวันหนึ่งคงไม่นานนับจากนี้ ข้าฯคงได้พบกับพวกนาง หวังว่าตอนนั้นข้าฯคงเดินได้เองแล้ว ถึงตอนนั้นหากเขากู่ไม่กลับจริงๆอีกรอบ ข้าฯก็ได้เตรียมทางออกของข้าฯไว้แล้วนั่นคือ....
.
เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วเรียกแท็กซี่ไปสนามบินกลับก.ท.ม.อันเป็นบ้านเกิด งานนี้ one way ticket ครับ ลาก่อนตลอดกาล.. ชาตินี้ชาติเดียว
.
หนูนิ
ภาพปก ภาพความสวยงามของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ หน้าพระปรางค์วัดอรุณฯ
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย