6 พ.ย. 2024 เวลา 14:15 • ไลฟ์สไตล์

เงิน งาน และความหมายของชีวิต

คีอานู รีฟส์ กับการใช้ชีวิตให้มีความหมาย มากกว่าแค่การสะสมเงินในบัญชีให้มากขึ้น
วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกอีกด้านหนึ่งของ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) หนึ่งในดาราฮอลลีวูดที่หน้าตาหล่อเหลา เท่เหนือกาลเวลา จนหลายคนแอบล้อเล่นกันว่าเขาอาจเป็นแวมไพร์ เพราะรูปร่างหน้าตาของเขาดูไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และยังรวยระดับท่านเคานต์!
ตามรายงานของ Celebrity Net Worth เขาเป็นนักแสดงระดับ A-List ที่มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลกว่า 380 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 13,832 ล้านบาท) แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงรักเขากลับไม่ใช่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร หากเป็นพรสวรรค์ด้านการแสดงและจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตาต่อผู้ร่วมงานและคนรอบข้างซะมากกว่า
จากเด็กหนุ่มที่เคยทำงานในร้านขายของชำและลานสเก็ต คีอานูได้พัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีทรัพย์สินหลักหมื่นล้าน เส้นทางการใช้ชีวิตให้มีความหมาย มากกว่าแค่การสะสมเงินในบัญชีให้มากขึ้นของ คีอานู รีฟส์ เป็นยังไงมาอ่านกันได้เลยครับ
[ จากโทรอนโต สู่ฮอลลีวูด ]
คีอานู รีฟส์ เกิดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1964 แต่มาเติบโตในโทรอนโตและถือสัญชาติแคนาดา เขามีเชื้อสายหลากหลายจากทางพ่อที่เป็นชาว อเมริกัน เชื้อสายจีน-อังกฤษ-ไอริช-โปรตุเกส และแม่ชาวอังกฤษ ในวัยเด็กพ่อกับแม่ของหย่าร้างกันตอนเขาอายุ 3 ขวบ ทำให้ต้องเติบโตมากับแม่และน้องสาวอีกสองคน
จุดเริ่มต้นการเป็นนักแสดงของคีอานู รีฟส์ เริ่มขึ้นเมื่อแม่ของเขาแต่งงานใหม่กับ Paul Aaron ผู้กำกับละครบรอดเวย์ ผู้จุดประกายความรักในศิลปะการแสดงและดนตรีร็อกให้กับเด็กชายคีอานู จนเขาเริ่มแสดงละครเวทีตั้งแต่อายุ 9 ขวบกับคณะ Damn Yankees ในโทรอนโต
แม้เขาจะมีพรสวรรค์ในด้านการแสดง แต่เส้นทางการศึกษาของเขาไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากมีภาวะ Dyslexia หรือความบกพร่องในการอ่าน ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อน และมักถูกล้อเลียน จนต้องลาออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 17 ปี เขาเลือกทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่าง ทั้งลับใบมีดสเกตน้ำแข็งและทำงานที่ร้านขายของชำอิตาเลียน เพื่อเก็บเงินไปไล่ตามความฝันที่ฮอลลีวูด
จนอายุได้ 20 ปี คีอานู รีฟส์ ก็ย้ายไปลอสแอนเจลิส และเริ่มสร้างชื่อจากภาพยนตร์ "River's Edge" (1986) และ "Youngblood" (1986) ในบทบาทนี้เขาแสดงเป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เขาได้รับการยกย่องในวงการแสดง แม้จะได้รับค่าตอบแทนเพียง $3,000 เท่านั้นในบทแรก (ปัจจุบันเขาได้รับค่าตอบแทนสูงถึง $30 ล้านจากภาพยนตร์ The Matrix ภาคสุดท้าย)
ในช่วงวัยรุ่นอาชีพนักแสดงไม่ใช่อาชีพเดียวของเขาเพราะใน ปี 1991 คีอานู รีฟส์ เคยเป็นมือเบสในวงร็อก - อัลเทอร์เนทีฟที่ชื่อว่า Dogstar และออกผลงานในฐานะวงถึง 2 อัลบั้ม ก่อนที่ Dogstar จะแยกวงในปี 2002
[ อะไรบ้างที่สร้างชื่อ ‘คีอานู รีฟส์’ ]
คีอานู รีฟส์ แจ้งเกิดในวงการบันเทิงจริงๆ ในปี 1994 จากภาพยนตร์เรื่อง "Speed" ในบทบาทตำรวจที่ต้องหยุดยั้งระเบิดบนรถบัสสาธารณะ แม้หนังจะประสบความสำเร็จอย่างงดงามและค่ายอยากให้เขามาเล่นต่อในภาค 2 แต่เขากลับปฏิเสธค่าตัว 11 ล้านเหรียญ เพื่อไปแสดงละครเวที Hamlet แทน ด้วยเหตุผลว่าบทกวีคลาสสิกของเชกสเปียร์มีความลึกซึ้งมากกว่า การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เขาถูกแบนจาก 20th Century Fox นานถึง 11 ปี
แต่โชคชะตาพลิกผันครั้งใหญ่อีกครั้งในปี 1999 เมื่อเขารับบท 'นีโอ' ในภาพยนตร์ "The Matrix" ผลงานที่คว้ารางวัลออสการ์ 4 สาขา ด้วยการนำเสนอโลกไซไฟและปัญญาประดิษฐ์ในมุมมองที่ไม่เคยมีมาก่อน ภาพของคีอานูในชุดหนังดำ แว่นตาดำ และฉาก Bullet Time อันโด่งดัง กลายเป็นไอคอนของวงการหนังที่ติดตัวเขาไปตลอดกาล
หนังเรื่องนี้ยังสร้างรายได้จากทั่วโลกได้ถึง 463 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 63 ล้านเหรียญ และนำไปสู่การสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในเวลาต่อมา และเขาก็มีงานแสดงออกมาอีกเรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเรื่องราวความสำเร็จในวงการภาพยนตร์ของเขา
นักแสดงระดับตำนานหลายครั้งมักจะถูกจดจำจากบทนำในภาพยนตร์ระดับตำนานเพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่ คีอานู รีฟส์ ทำสำเร็จอีกครั้งจากการแสดงหนังเรื่อง John Wick (2014) ในบทของอดีตมือสังหารผู้ไม่กลัวตาย และตั้งใจจะล้างบางเหล่ามาเฟียเพื่อสนองความแค้นอย่างสาสม หลังจากที่คนในแก๊งขโมยรถสุดรักและฆ่าสุนัขสุดหวงของเขา
John Wick ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนต้องมีการสร้างภาคอื่นๆ ขึ้นมาอย่าง John Wick Chapter 2, John Wick: Chapter 3 - Parabellum และภาคสุดท้าย ‘John Wick: Chapter 4’ มีรายงานจาก Deadline.com ว่ารายได้รวมของแฟรนไชส์ ‘John Wick’ ทะลุหลัก 1,000 ล้านเหรียญ และ ‘John Wick: Chapter 4’ ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดในแฟรนไชส์
ทั้ง The Matrix และ John Wick ไม่เพียงเป็นภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ แต่ยังได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมและนักวิจารณ์ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จในชีวิตของคีอานู รีฟส์เท่านั้น
[ คีอานู รีฟส์ เอาเงินจากไหนมาแจก Rolex ให้สตั๊นท์แมน ]
รายได้ก้อนใหญ่ของคีอานู รีฟส์ มาจากแฟรนไชส์หนังต่างๆ ตั้งแต่ The Matrix (1999) ที่เขาได้ทั้งค่าตัวและส่วนแบ่งรายได้ 10% จากภาคแรก และ 15% จากสองภาคหลัง รวมแล้วมากกว่า 256 ล้านดอลลาร์
นอกจากงานแสดงแล้ว คีอานู รีฟส์ ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Arch Motorcycle ในปี 2011 ซึ่งเป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์บูติก กับการ์ด ฮอลลิงเจอร์ เขากล่าวว่า “ผมรักทุกอย่างเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์” และได้สร้างแบรนด์นี้ขึ้นเพื่อแบ่งปันความรักในมอเตอร์ไซค์ให้กับคนอื่น Arch Motorcycle เป็นแบรนด์คัสตอมไบค์ที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจะก่อตั้งโดย คีอานู รีฟส์ แล้วราคาของบิ๊กไบค์รุ่นแรกอย่าง Arch KRGT-1 ก็มีราคาที่สูงถึง 93,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 3 ล้านบาท
แม้จะไม่มีข้อมูลมากนัก แต่ตัวเลขเท่านี้ก็ทำให้เขาเข้าใกล้การเป็นนักแสดงที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดตลอดกาลแล้ว แต่เรื่องราวความมั่งคั่งของเขาไม่ใช่ด้านเดียวที่คนสรรเสริญ เพราะ คีอานู รีฟส์ ยังมีชื่อเสียงในด้านการใช้ชีวิตติดดิน แฟนคลับของเขามักเห็นเขาเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ กินอาหารง่ายๆ นั่งคุยกับผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนน ว่ากันว่าคีอานู รีฟส์ ไม่เคยมีบ้านเลยจนกระทั่งในปี 2003 ที่เขาซื้อในราคา 5.95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพื่อนคนหนึ่งของเขาออกมาเล่ากับสื่อว่า สาเหตุที่ทำให้ คีอานู รีฟส์ ชอบบริจาคเงินช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอเป็นเพราะว่าเขาคิดว่าตัวเองมีเงินมากจนชีวิตนี้ก็ไม่มีทางใช้หมด และรู้สึกแย่ที่ตัวเองมีเงินเยอะจนเกินไป ในขณะที่คนธรรมดาๆที่ไม่มีชื่อเสียงที่ทำงานหนักมากกว่าหลายเท่ากลับได้เงินน้อยกว่าแบบเทียบกันไม่ได้
- เขาเคยมอบโบนัสพิเศษ 20,000 เหรียญ (ราว 670,000 บาท) ให้กับช่างในกองถ่ายที่ประสบปัญหาส่วนตัว
- เคยลดเงินเดือนตัวเองถึง 2 ล้านเหรียญ (ราว 72 ล้านบาท) เพื่อให้โปรเจกต์หนังเรื่อง Devil’s Advocate สามารถดึงตัวอัล ปาชิโน มาเล่นด้วยได้
- เคยซื้อมอเตอร์ไซค์ Harley Davidson ให้ทีมสตันต์ใน The Matrix Reloaded
- เคยมอบนาฬิกาโรเล็กซ์ Rolex Submariner มูลค่าเรือนละ 9,477 เหรียญ (300,000 กว่าบาทต่อเรือน) พร้อมสลักข้อความ “The John Wick Five” และ “Thank you ... Keanu ... JW4 2021"
1
ตามรายงานของ The Mirror คีอานู รีฟส์ ได้บริจาคเงินไปแล้วกว่า 31.5 ล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลต่างๆ และยังก่อตั้งมูลนิธิเอกชนที่เลือกไม่เปิดเผยชื่อ เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลเด็กและสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง
คีอานู รีฟส์ ให้สัมภาษณ์กับ Ladies Home Journal ไว้ว่า "ผมไม่อยากผูกชื่อเสียงของตัวเองไว้กับมูลนิธิ ผมแค่ปล่อยให้มูลนิธิทำหน้าที่ของมันไป ความรู้สึกซาบซึ้งที่ได้ทำประโยชน์ให้ผู้คนเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว - ผมไม่จำเป็นต้องมีข้าวของมากมายล้อมรอบตัวเพื่อให้รู้สึกแบบนั้น"
1
[ 5 มุมมองเกี่ยวกับเงินที่น่าขบคิดจากเรื่องราวของคีอานู รีฟส์ ]
แม้คีอานู รีฟส์จะมีรายได้มหาศาล แต่เขาแทบจะไม่พูดถึงเรื่องเงินเลย หากเราค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับเงินที่เกี่ยวข้องกับเขาในเสิร์ชต่างๆ เราจะพบแต่เรื่องการบริจาคเงินจำนวนมากให้กับมูลนิธิ รวมถึงการให้ของขวัญกับทีมงานและนักแสดงที่เขาร่วมงานด้วย เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ World Entertainment News Network ว่า
“เงินไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม ผมหาเงินได้มากมาย แต่ผมอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องเครียดเพื่อสะสมเงินในบัญชีให้มากขึ้น ผมบริจาคเงินมากมายและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมด้วยกระเป๋าเดินทางใบเดียว เราทุกคนรู้ดีว่าสุขภาพที่ดีนั้นสำคัญกว่า”
✅ 1. เงินเพิ่มความเครียด
ตามที่คีอานู รีฟส์ กล่าว “การสร้างเงินในบัญชีธนาคาร” เป็นสิ่งที่เครียด เพราะคุณต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่างเพื่อทำเงิน ยิ่งคุณมีเงินทองมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องใช้เวลาและความเอาใจใส่เกี่ยวกับมันมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคุณโลภน้อยลงและอยู่อย่างพอประมาณ เมื่อนั้นคุณก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เหมือนกับที่คีอานู รีฟส์ ไม่ยึดติดกับเงินทองและแบ่งปันรายได้ที่มาจากพรสวรรค์ของเขาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
✅ 2. เมื่อความมั่งคั่งทางการเงินเจริญรุ่งเรือง ด้านอื่นในชีวิตจะประสบปัญหา
นี่คือธรรมชาติของชีวิต เมื่อคุณทำได้ดีในด้านหนึ่ง เช่น การเงิน ด้านอื่นจะประสบปัญหา คีอานู รีฟส์ เคยให้ สัมภาษณ์กับลอเรน เคลลี่ในปี 2008 ไว้ว่า
“ชีวิตส่วนตัวของผมพบกับหายนะที่น่าเบื่อ แต่การทำงานดีมาก”
แม้แต่หนึ่งในนักแสดงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกก็ยังมีด้านหนึ่งในชีวิตที่เป็นหายนะ เราทุกคนก็เช่นกัน เรามีตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยๆ เกี่ยวกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ชีวิตด้านอื่นๆของเขากลับต้องพังทลายลง ต้องหย่าร้างกับภรรยาของเขาและลูกๆ ที่มักจะไม่ค่อยได้เห็น
นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งที่บอกเราว่าเรื่องเงินสามารถกลายเป็นสิ่งรบกวนจากสิ่งที่สำคัญอื่นๆในชีวิตได้
✅ 3. เงินเป็นผลพลอยจากสิ่งที่สร้างเท่านั้น
จิมมี่ คิมเมลกล่าวว่ากับคีอานู รีฟส์ไว้ว่า
“ภาพยนตร์ของคุณทำรายได้สามพันห้าร้อยล้านดอลลาร์…”
คีอานู รีฟส์ ตอบกลับอย่างไวว่า “เพราะมันได้ให้ความบันเทิง”
เหมือนกับที่เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์เคยพูดไว้ว่า
​​“อย่ากังวลเรื่องกำไรมากเกินไป ถ้าคุณทำงานของคุณได้ดี กำไรจะตามมาเอง”
หากงานของคุณสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ สร้างความบันเทิง มอบแรงบันดาลใจ หรือทำให้คนหัวเราะ เป้าหมายเหล่านี้ย่อมสร้างคุณค่าในตัวเอง และบ่อยครั้งจะนำมาซึ่งรายได้ที่เกินความคาดหมาย เพราะหากโฟกัสเพียงแค่ผลตอบแทนทางการเงิน แม้ว่าจะเป็นแรงจูงใจที่ดี แต่กลับอาจสร้างผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม การทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยความตั้งใจจริงและความหมายจะสร้างความยั่งยืนทั้งในเรื่องของคุณค่าและรายได้
✅ 4. ให้เงินช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
หนึ่งในความท้าทายของชีวิตสมัยใหม่คือความเหนื่อยล้าจากการต้องตัดสินใจตลอดเวลา ทั้งในเรื่องเล็กน้อยและสำคัญ ทุกทางเลือกดึงพลังงานของเรา การมีทรัพย์สินมากขึ้นมักหมายถึงการมีตัวเลือกมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนในการตัดสินใจ วิธีแก้คือการลดจำนวนการตัดสินใจที่ต้องทำในแต่ละวันด้วยการสร้างวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและอัตโนมัติ
เราสามารถใช้วิถีชีวิตของคีอานู รีฟส์เป็นแรงบันดาลใจได้ เช่น การที่เขาหลีกเลี่ยงที่จะใช้โซเชียลมีเดีย ไม่ร่วมงานปาร์ตี้ของคนดัง ไม่สะสมทรัพย์สินเกินจำเป็น และเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเสมอ ชีวิตที่เรียบง่ายและเลือกตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญจริงๆ ช่วยให้เขาโฟกัสกับสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าเงิน และทำให้การใช้ชีวิตมีความสุขอย่างแท้จริง
✅ 5. แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การทำเงิน ให้ใช้ชีวิตด้วยความเอื้อเฟื้อ
นี่คือบทเรียนที่คีอานู รีฟส์แสดงให้เห็นผ่านการกระทำของเขา ไม่ใช่แค่คำพูด การใช้ชีวิตด้วยความเอื้อเฟื้อไม่เพียงแค่หมายถึงการใช้เงินไปกับการเลือกหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเองเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแบ่งปันเวลาที่มีคุณค่า ลองดูทุกครั้งที่คีอานู รีฟส์ มีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับของเขา ในคลิปต่างๆ บน YouTube หรือ Instagram คีอานู รีฟส์ ได้มอบเวลาอย่างเต็มใจและใส่ใจ ซึ่งเป็นของขวัญที่สำคัญยิ่ง คุณเองก็สามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยความเอื้อเฟื้อ ด้วยการให้เวลาที่มีคุณค่าและใส่ใจคนรอบข้างเช่นกัน
1
🔚 จากเด็กหนุ่มที่ทำงานลับใบมีดสเก็ตในร้านเล็กๆ สู่ดาราระดับโลกที่ติดดินแต่มีทรัพย์สินติดตัวนับหมื่นล้านดอลลาร์อย่าง คีอานู รีฟส์ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่ทำให้เราเห็นว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่อยู่ที่การค้นพบความหมายของการใช้ชีวิตของตัวเอง และการได้มีโอกาสได้ให้อะไรบางอย่างกลับคืนสู่สังคมบ้าง - และบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาดูไม่แก่ เพราะความงดงามของการเป็นผู้ให้นั้นไร้กาลเวลา
#aomMONEY #คนดังกับการเงิน #คีอานูรีฟส์ #KeanuReeves
โฆษณา