25 พ.ย. 2024 เวลา 02:00 • ธุรกิจ

แฟรนไชส์ 大胡子冰可可 โกโก้ร้านไอ้ต้น แผ่วไทย แต่โตไวในจีน!

เจอแล้ว! แฟรนไชส์ไทย โตไวในจีน 1 ปีมี 160 สาขา “โกโก้ร้านไอ้ต้น” แฟรนไชส์สัญชาติไทยสู่การต่อยอดในตลาดประเทศจีน
เชื่อว่าหรือไม่ หลายคนมองว่าแฟรนไชส์จีนบุกไทยง่ายกว่าแฟรนไชส์ไทยบุกจีน หลังจากที่แฟรนไชส์ไอศกรีมและชาผลไม้จากจีน ไม่ว่าจะเป็น MIXUE, WEDRINK, BING CHUN, CHICHA San Chen , Naixue, Taning ถาหนิง, JIAN CHA Tea, CHA i ENJOY, ME TEA, CHAGEE ชาจี รวมถึง Zhengxin Chicken Steak แฟรนไชส์ไก่ทอดเจิ้งซิน ดาหน้าบุกไทยอย่างต่อเนื่อง
แต่ท่านผู้ชมรู้หรือไม่ว่า มีแฟรนไชส์ไทยอีกหนึ่งแบรนด์ที่สามารถบุกตลาดจีนได้อย่างง่ายดาย เข้าไปเปิดตลาดในจีนไม่ถึง 1 ปีมีมากกว่า 160 สาขา นั่นคือ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” แฟรนไชส์เครื่องดื่มโกโก้ ขายเมนูเดียว แต่มีระดับความเข้มข้นของรสชาติ 4 ระดับให้เลือก ได้แก่ “ละอ่อน” “เข้ม” “โคตรเข้ม” และ “โคตรหวาน” โดยขายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 18 ถึง 22 หยวน
แฟรนไชส์ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” มีจุดเริ่มต้นและมีกลยุทธ์อย่างไร ทำไมถึงได้บุกตลาดและเติบโตในประเทศจีนได้ ThaiFranchise Today จะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นแฟรนไชส์ “โกโก้ร้านไอ้ต้น”
“โกโก้ร้านไอ้ต้น” เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์จุดกระแสให้เครื่องดื่มโกโก้ในเมืองไทยให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และเป็นแฟรนไชส์ที่มีคนค้นหาบนกูเกิ้ลมากที่สุดอันดับ 1 ประจำปี 2565 โดยช่วงที่คนสนใจมากที่สุดอยู่ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ค. 2565 ในตอนนั้นแฟรนไชส์โกโก้ร้านไอ้ต้นมาแรงที่สุด มีคนพูดต่อกันปากต่อปาก หลังจากเปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2565
ปัจจัยที่ทำให้โกโก้ร้านไอ้ต้นเข้ามาอยู่ในกระแสโลกโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว มาจากการนำเสนอเครื่องดื่มโกโก้ธรรมดา แต่ใส่กิมมิคความเป็นแบรนด์ด้วยใบหน้าเจ้าของแฟรนไชส์สมัยมัธยมศึกษาปีที่ 6 นำมาใส่หนวดตามระดับความเข้มข้นของโกโก้ ตั้งแต่เกลี้ยงเกลาเป็นระดับละอ่อน มีหนวดเล็กน้อยเป็นระดับเข้ม ไปจนถึงหนวดเคราเฟิ้มเป็นระดับโคตรเข้ม
โกโก้ร้านไอ้ต้น เป็นแบรนด์ธุรกิจที่เกิดมาจากการแพร่ระบาดโควิด หลายๆ อาชีพได้รับผลกระทบตามกัน หนึ่งในนั้นก็คือ “คุณต้น-ประชานารถ โพธิสาราช” ซึ่งเป็นนักดนตรี ได้รับผลกระทบจนแทบไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายกลับไม่ลด คุณต้นจึงพยายามหารายได้จากทางอื่น โดยค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ล จนไปพบไอเดียจากนักดนตรีคนหนึ่งที่หันมาขายกาแฟ “Moka Pot”
คุณต้นมองว่าน่าจะเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะกับสถานการณ์ในตอนนั้น เพราะใช้เงินลงทุนน้อยประมาณ 3,000 บาท หลังจากนั้นใช้เวลาฝึกชงกาแฟอยู่ระยะหนึ่ง จนมาเปิดร้านชื่อ “ชาน-ชา-ลา กาแฟ” ขายบนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ แถวริมทางรถไฟสถานีตลาดพลู นอกจากกาแฟ ยังมีโกโก้ที่กลายเป็นเมนูขายดี เพราะความเข้มข้นของโกโก้ และการใช้ผงโกโก้ที่มีคุณภาพ
พอเห็นว่าโกโก้ขายดี มีลูกค้าต่อแถวซื้อจำนวนมาก คุณต้นจึงได้เปิดร้านขายโกโก้แทนในช่วงต้นปี 2565 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 15,000 บาท จุดเด่นของร้านจะใช้ถังสีเป็นเคาน์เตอร์ มีโทนสีของร้านเป็นสีดำกับสีเหลือง และใช้ชื่อ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” ที่สำคัญคุณต้นยังนำรูปถ่ายติดบัตรนักเรียนสมัยมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาเป็นโลโกของร้านอีกด้วย
โดยทั้งร้านจะขายเพียงเมนูเดียว คือ โกโก้ราคาแก้วละ 45 บาท โดยมีความเข้มข้นแตกต่างกันให้ลูกค้าเลือกได้ 3 ระดับ
อีกหนึ่งกิมมิคที่น่าสนใจของร้านโกโก้ร้านไอ้ต้น คือ การนำรูปถ่ายติดบัตรนักเรียนของคุณต้นที่เป็นโลโกร้าน มาแต่งเติมด้วยหนวดเครา เพื่อบ่งบอกระดับความเข้มข้นของโกโก้ ต้องบอกว่าได้รับผลตอบรับดีมาก โดยในช่วงเวลาเปิดร้านตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม คุณต้นสามารถขายได้ถึงวันละ 300 แก้ว หรือคิดเป็นรายได้ต่อวันสูงถึงหลักหมื่นบาท
ธุรกิจโตเร็วด้วย...แฟรนไชส์
โกโก้ร้านไอ้ต้น เป็นกระแสอย่างมากในโลกออนไลน์ ลูกค้าหลายคนเห็นรีวิวจากพวกเพจรีวิวหรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ทำให้ร้านยิ่งเป็นกระแสมากขึ้น ทำให้หลายคนอยากลิ้มลองโกโก้เพิ่มขึ้นไปอีก รวมไปถึงมีคนติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก
คุณต้นมองเห็นโอกาสการต่อธุรกิจ จึงศึกษาระบบแฟรนไชส์ และได้เปิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนทั่วไป ในช่วงแรกๆ ขายแฟรนไชส์ราคา 35,900 บาท ปรากฏว่าได้ลูกค้า 100 คนภายใน 1 เดือน ส่วนใหญ่คนซื้อแฟรนไชส์ไปขายจะใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็สามารถคืนทุนได้ ทำให้มีคนสนใจซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก ระยะเวลาเพียงแค่ 8 เดือน มีมากกว่า 210 สาขาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้อาจเป็นเพราะกระแสของเครื่องดื่มโกโก้ในเมืองไทยเริ่มจางลง ผู้บริโภคคนไทยลดการกินหวาน หรืออาจเป็นเพราะเครื่องดื่มแนวสุขภาพอย่างชาผลไม้จากจีนกำลังมาแรงได้รับความนิยม จึงทำให้ในปัจจุบันแฟรนไชส์ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” มีสาขาจาก 200 กว่าสาขา เหลือเพียง 50 สาขาเท่านั้น แต่คุณต้นยังเปิดขายแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 45,900 บาท
ต้องดูกันต่อไปว่า กระแสโกโก้จะแผ่วเหมือนกับ “ชาเขียว 25 บาท” หรือไม่ ที่ตอนนั้น “ชาพะยอม” เป็นผู้จุดกระแสชา 25 บาทขึ้นมา จนมีมากกว่า 50-60 แบรนด์ทำตาม สุดท้ายทยอยปิดกิจการกันหมด
บุกตลาดจีน โตไว 1 ปีมี 160 สาขา
ตั้งแต่ช่วงปี 2565 คนไทยได้เห็นแฟรนไชส์จีนดาหน้าบุกไทยอย่างบ้าคลั่ง จนหลายคนมองว่าไทยเป็นประเทศจีนแห่งที่สองไปแล้ว มาคราวนี้เราได้เห็นแบรนด์แฟรนไชส์สัญชาติไทยอย่าง “โกโก้ร้านไอ้ต้น” บุกตลาดจีนกันบ้าง ถือเป็นแบรนด์แฟรนไชส์เครื่องดื่มไทยที่มีขนาดเล็ก เป็นแฟรนไชส์สตรีทฟู้ด ที่สามารถขยายสาขาในต่างประเทศได้
โกโก้ร้านไอ้ต้น เปิดสาขาแรกในจีนเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2566 ในเมืองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ภายใต้แบรนด์ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” (ชื่อภาษาจีน : 大胡子冰可可) ได้จดลิขสิทธิ์ในตลาดจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ภายใต้การบริหารและทำการตลาดในประเทศจีน โดยบริษัทฯ ที่รับสิทธิแฟรนไชส์มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครคุนหมิง โดยผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในจีนจะไม่มีการจ้างงานคนไทย แต่จะเป็นการบริหารงานโดยคนจีน 100% โดยมีการนำเข้าวัตถุดิบจากไทยประมาณร้อยละ 50
โมเดลร้านโกโก้ร้านไอ้ต้นในจีนแตกต่างจากในไทยที่เน้นแบบสตรีทฟู้ด เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคคนไทยที่กว้างมากขึ้น โดยในจีนรูปแบบการเปิดร้านจะเป็น Pop-up Store เปิดขายตามสถานที่ต่างๆ หรือศูนย์การค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน
ปัจจุบันโกโก้ร้านไอ้ต้นขยายสาขาไปแล้วกว่า 160 สาขาในหลายมณฑล เช่น มณฑลยูนนาน มณฑลเหอเป่ย มณฑลกว่างซี มณฑลกวางตุ้ง มหานครฉงชิ่ง มหานครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง มณฑลฝูเจี้ยน ฯลฯ
โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ศูนย์การค้า MixC ในเมืองต่างๆ ของจีน
ในประเทศจีน โกโก้ร้านไอต้น ทำการตลาดที่สร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร ช่วยให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนหนุ่มสาวจำนวนมากให้มาแวะมาเช็คอินและถ่ายรูป รวมถึงถ่ายภาพเมนูต่างๆ จากร้านโกโก้ร้านไอต้นลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยมของจีนอย่าง Little Red Book (ชื่อภาษาจีน : 小红书 XiaoHongShu) เป็นจำนวนมาก
Key Success โกโก้ร้านไอ้ต้นในตลาดจีน
1. “โกโก้ร้านไอ้ต้น” ใช้โลโก้ที่ช่วยให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งโลโก้ใช้รูปติดบัตรช่วยให้แตกต่างจากคู่แข่งชัดเจน สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์สามารถเพิ่มการจดจำและเสริมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้เป็นอย่างดี
2. กลยุทธ์การตลาดแนวตลกขบขัน ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นได้ง่าย ทำให้ผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น สร้างสีสัน รอยยิ้มและความพึงพอใจให้ลูกค้า ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อและบอกต่อหรือแชร์ในโลกออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น
3. โกโก้ร้านไอ้ต้น อาจเป็นร้านขายเครื่องดื่มรสชาติใหม่สำหรับวัยรุ่นจีน ซึ่งปกติจะคุ้นเคยแต่ชานมไข่มุกและชาผลไม้สด
4. ร้านโกโก้ร้านไอ้ต้น ใช้รูปถ่ายติดบัตรนักเรียนมาเป็นโลโกร้าน แต่งเติมด้วยหนวดเคราบนโลโก้ข้างแก้ว ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามเมนูหรือความเข้มข้นของโกโก้ที่เลือกซื้อ สามารถสร้างความสะดุดตาต่อกลุ่มผู้บริโภค
5. หนึ่งความสำเร็จของโกโก้ร้านไอ้ต้นในจีน มาจากการบอกต่อแบบปากต่อปากที่มาจากลูกค้าที่เคยไปกิน บอกต่อหรือทำคอนเทนต์แล้วแชร์ลงในโซเชียมีเดียทำให้คนที่ยังไม่รู้จักตามมากิน ที่สำคัญเครื่องดื่มโกโก้กำลังเป็นกระแสใหม่ในกลุ่มวัยรุ่นจีน
6. การเปิดร้านโกโก้ร้านไอ้ต้นมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนไม่สูงมาก ทำให้แบรนด์สามารถขยายสาขาไปยังพื้นที่ต่างๆ ในหลายมณฑลของจีนได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการเลือกตำแหน่งที่ตั้งเปิดสาขา ส่วนใหญ่อยู่บริเวณใกล้ๆ หรือในศูนย์การค้าสำคัญของแต่ละมณฑล โดยไม่ต้องมีหน้าร้านใหญ่โต เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์แต่มีงบประมาณจำกัด
สุดท้ายอยากจะฝากถึงผู้ประกอบการคนไทยที่อยากขยายตลาดในต่างประเทศว่า จากกรณีการบุกตลาดประเทศจีนของ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” ได้สำเร็จ แม้จะเป็นแบรนด์เล็กๆ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเทรนด์ของธุรกิจ จะไม่ขายเฉพาะตัวสินค้าเท่านั้น
แต่จะมุ่งเน้นการสร้างความจดจำและแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์ ถึงจะนำไปสู่การขายลิขสิทธิ์ หรือขายแฟรนไชส์ นับว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสโกอินเตอร์ สำหรับแฟรนไชส์สัญชาติไทยรายอื่นๆ ต่อไป
#แฟรนไชส์ไทย #ขยายสาขาในจีน #โกโก้ร้านไอ้ต้น #แฟรนไชส์โกโก้ #ตลาดจีน #ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์
โฆษณา