เมื่อแมนฯ ซิตี้จะกดสูตรโกงไม่ได้อีก?
ครั้งหนึ่งสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล แมนฯ ซิตี้เคยเป็นทีมที่หยุดจำนวนแชมป์พรีเมียร์ลีกของแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ให้เพิ่มห่างไปไกลเกินไป พวกเขาเคยกระชากแชมป์ในวันสุดท้ายในฤดูกาลแห่งตำนานของกุน อเกวโร่
แต่ในเวลาแมนฯ ซิตี้นี่แหล่ะ กลายเป็นตัวช่วยแฟนบอลปีศาจแดงทางอ้อม พวกเขาหยุดไม่ให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว 3-4 ครั้งที่เพียงพอที่จะทำให้ตัวเลขแชมป์ลีกสูงสุดของลิเวอร์พูลแซงแมนฯ ยูไนเต็ดไปแล้ว
เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือที่ผมยอมรับว่าเก่ง อาจจะตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะที่อยู่ท่ามกลางสตาร์ดังมากมายในฐานะนักเตะท้องถิ่น ผมมักจะเห็นแย้งกับเพื่อนบางคนเกี่ยวกับกวาร์ดิโอล่า ผมว่าเขาเก่งมาก แต่หลายคนก็ยังแย้งว่าแต่ละทีมที่เขาเลือกคุม
ไม่ว่าจะเป็นบาร์เซโลนา บาเยิร์น มิวนิก และเมื่อเขาเลือกมาแมนฯ ซิตี้ แต่ละทีมกับทรัพยากรที่มี มันก็มีโอกาสจะประสบความสำเร็จมากกว่าล้มเหลว ผมมักจะบอกว่าเขาประสบความสำเร็จมาตั้งแต่คุมบาร์เซโลนา เบ หรือชุดบีแล้ว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็คิดได้เหมือนกับว่าบาร์เซโลนา บี ก็ย่อมจะแข็งแกร่งกว่าทีมคู่แข่งจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นถ้าบอกว่าเป๊บเก่งสุดๆ ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่แน่ใจ แต่กลับกันถ้าบอกว่าเขาไม่เก่งเลยก็ดูจะเป็นการมองที่อคติสุดๆ เกินไป
เป๊บเพิ่งต่อสัญญาไปอีก 2 ปี นั่นอาจจะเป็นข่าวดีเดียวเท่านั้นของแมนฯ ซิตี้ในสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บที่มีอยู่แล้ว การที่ มาเตโอ โควาซิช เจ็บเพิ่มไปอีก นี่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ซิตี้เผชิญบ่อยๆ ในยุคของเป๊บ
นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะเขียนถึงวันนี้ ว่าตามตรงแฟนบอลหลายทีมอาจจะอิจฉาซิตี้กับการใช้เงินแบบดูจะไม่มีข้อจำกัดตลอดหลายปีทีผ่านมา แต่ในเวลาเดียวกันแชมป์ของพวกเขาก็ดูจะปราศจากการยอมรับจากแฟนบอลทีมอื่นๆ เกี่ยวกับวิธีการสร้างทีม
ด้วยความเคารพต่อแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ที่อาจจะมีไม่มากที่หลงเข้ามาอ่าน หรือถ้าย้อนไปยุคก่อน หรือสักสองทศวรรษเชื่อว่าพวกเขาแทบไม่มีแฟนบอลบ้านเรา หรืออาจจะมีแต่น้อยมากๆ จริงๆ นับรวมทั่วโลก แต่ในยุคนี้พวกเขามีแฟนบอลอาหรับไม่น้อย
ใน x หรือช่องทางโซเซียลมีเดียอื่นๆ แฟนบอลซิตี้ผุดเยอะขึ้นมาแน่นอน แต่ผมก็สังเกตว่าแฟนบอลตะวันออกกลางค่อนข้างเยอะ เพราะชัดเจนว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึก ‘เป็นเจ้าของ’ ผมจะไม่ลงลึกในส่วนนี้ แต่ผมไม่เคยเห็นด้วยเวลามีข่าวเทคโอเวอร์ลิเวอร์พูล และมีคนหวังแค่เราจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร
แมนฯ ยูไนเต็ดเป็นตัวอย่างของสโมสรที่มั่งคั่งโดยไม่ได้ต้องพึ่งการมีเจ้าของทีมรวยๆ แต่หลายคนอาจจะไม่เห็นภาพ และสงสัยว่าธุรกิจโลกเสรี แมนฯ ซิตี้ทำผิดอะไร พวกเขามีข้อดีตรงที่ไม่ได้สร้างความเกลียดชังให้คู่แข่งมากนักในยุคก่อนหน้านี้ แต่ระยะหลังบางครั้งการแสดงออกของนักเตะ...
ยกตัวอย่างที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ กับท่าทีการแสดงออกที่หลายคนมองว่ายะโส แม้แต่ตอนตั้งแถวเคารพแชมป์ตอนลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่แบร์นาโด้ ซิลวาไม่ปรบมือ อาจจะเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมส่วนตัวที่ไม่น่ารัก แต่มันก็อาจจะพูดได้ว่าเกือบทุกมีนักเตะที่มีพฤติกรรมส่วนตัวแบบนี้
มุมของแฟนซิตี้อาจจะมีบางครั้งที่พวกเขามองว่าเสียเปรียบเรื่องการตัดสินของกรรมการ แต่กรณีของเดวิด คูต อาจจะชัดเจนจากสถิติว่าพวกเขาได้ประโยชน์ แม้ว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการจัดการของเป๊บ พวกเขาอาจจะไม่ได้ยุ่งอะไรกับกรรมการ แต่การมีเงินของพวกเขามันทำให้หลายคนคลางแคลงใจได้
ยูฟาพยายามนำกฎการเงินมาใช้หลายปีแล้ว แต่แมนฯ ซิตี้ก็รอดไปแบบทำให้ผู้คนฉงนไม่น้อยหลายครั้ง พวกเขามีเงิน และสามารถจ้างทนายเก่งๆ สู้ทุกศาลจนเอาตัวรอดมาได้ตลอด จนมาถึงฤดูกาลนี้กับ 115 คดีที่รออยู่ เป็นครั้งแรกที่เริ่มมีสัญญาณว่าพวกเขาไม่น่าจะรอด
ข่าวการต่อสัญญาของเป๊บอาจจะกลบข่าวใหญ่ของพวกเขาสัญญาที่ผ่านมา เมื่อพรีเมียร์ลีกยืนยันด้วยมติ 16-4 ในการเปลี่ยนกฎ APT system!
แมนฯ ซิตี้พยายามต่อสู้ และล็อบบี้ไม่ให้มีการเปลี่ยนกฎนี้อย่างเต็มที่ การจะเปลี่ยนกฎใดๆ ต้องการเสียงอย่างน้อย 14 จาก 20 สโมสร แต่สุดท้ายพวกเขาพ่ายไปแบบไม่ได้ลุ้นในรอบนี้
มีแค่วิลล่าที่อยู่ข้างพวกเขา และอีกสองสโมสรที่ไม่ได้รับการเปิดเผย แต่ก็คาดกันว่าคือนิวคาสเซิล และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
แม้ว่าพวกเขาจะพยายามสู้ต่อ แต่ครั้งนี้กฎที่เป็นช่องว่างในการใช้สูตรโกง หรืออาจจะเรียกว่าซิกแซกก็แล้ว ก็จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ลิเวอร์พูลต่อสัญญากับสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดมากกว่า 200 ล้านปอนด์ในปี 2022 ที่มีระยะเวลาถึงปี 2027 ตกปีละ 40-50 ล้านปอนด์เท่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ดได้เงินจาก “สแนปดรากอน” ตกปีละ 60 ล้านปอนด์ นี่คือสองทีมจากอังกฤษที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก
แต่ที่ผ่านมาพวกเขารับเงินจากเอติฮัดประมาณ 67.5 ล้านปอนด์ต่อปีมาสิบปี และสัญญาใหม่ที่พวกเขาต่อสู้กับพรีเมียร์ลีกจนชนะคดีในเดือนต.ค. พวกเขาอาจจะได้พุ่งไปถึง 100 ล้านปอนด์ต่อไป
คุณว่ามันยุติธรรมไหม?
มันสมเหตุสมผลหรือไม่กับภาวะเศรษฐกิจโลกแบบนี้? และความเป็นจริงมันก็แค่เป็นการโยกเงินจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวาของพวกเขา มันคือการซิกแซกกฎการเงินแบบไม่เป็นธรรม ซึ่งถ้าคุณมองจากมุมมองทีมคู่แข่งที่มาจากคนละระบบ นี่คือจุดที่ชัดเจนว่าซิตี้ “เอาเปรียบ” คู่แข่ง
มูลค่าทางการตลาดของซิตี้สูงขนาดควรจะรับตัวเลขนั้นจริงหรือไม่? ให้มองจากดาวอังคารยังรู้ อธิบายง่ายๆ มันเหมือนกับไม่ว่าซิตี้จะล้มเหลวในแง่การบริหารเงินแค่ไหน แค่พวกเขาใช้เงินจากสปอนเซอร์มาโปะตรงนี้ก็ได้เปรียบคู่แข่งร่วมลีกปีละหลายสิบล้านปอนด์
แต่คราวนี้สโมสรที่เข้าข้างพวกเขาไม่พอแล้ว ต่อไปการเข้ามาสนับสนุนทีมของบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับเจ้าของสโมสรต้องได้รับการตรวจสอบ มันยังคงทำได้ แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสมกับราคาตลาดเท่านั้น
หลายคนอาจจะมองว่าสโมสรอื่นๆ หรือพรีเมียร์ลีกต้องการกลั่นแกล้งพวกเขา แต่ลองพิจารณาภาพรวมจริงๆ แบบไหนคือการทำลายวงการฟุตบอล
ยกตัวอย่างหากมีสโมสรในไทยใช้วิธีการนี้ อาจจะทำให้ทีมๆ หนึ่งยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ แต่ก็จะหนีห่างทีมร่วมลีก และไม่พอลองนึกถึงวันที่พวกเขาทิ้งทีม ปล่อยทีมออกไป มันจะเหลือแต่ซากปรักหักพัง ต่างจากการเติบโตที่ควรเป็นปกติ ค่อยเป็นค่อยไป
แบรนด์ของซิตี้ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แม้ว่าพวกเขาจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาหลายสมัย และแชมป์ยุโรปด้วย ใช่ มีการเติบโตของฐานแฟนบอล และรายได้มากขึ้น พวกเขามีการพัฒนาดาวรุ่ง มีทีมเครือข่าย แต่พวกเขาไม่มีทางมาถึงจุดนี้หากไม่มีเงินของเจ้าของทีม
กฎเอพีทียังครอบคลุมสิ่งที่พวกเขาพยายามจะเอาทีมเล็กๆ บางทีมมาเป็นตัวประกัน ก่อนหน้านี้เอฟเวอร์ตัน หรือหลายทีมที่อาศัยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากเจ้าของทีมเพื่อไม่ให้ผิดกฎ และความอยู่รอด
การเปลี่ยนกฎในครั้งนี้มีทีมที่ได้รับผลกระทบแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่สามารถกู้เจ้าของหรือเครือข่ายแบบดอกเบี้ยต่ำได้อีกแล้ว ถ้าให้เห็นภาพง่ายๆ ลิเวอร์พูลต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ในการขยายอัฒจันทร์
แต่ถ้ามีสักทีมขยายสนามด้วยเงินเจ้าของที่ไม่อยู่ในระบบ แบบปล่อยกู้ไม่เอาดอกเบี้ย สำหรับการแข่งขันเสรี นี่ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมอย่างชัดเจน
แต่สุดท้าย 16 สโมสรในพรีเมียร์ลีกเลือกจะสู้เพื่อไปในทิศทางที่ถูกต้อง ใช่ มันดูง่ายในอุดมคติที่แฟนบอลอาจจะอยากเห็นเจ้าของใหม่รวยๆ ทุ่มเงินให้ทีมตัวเองประสบความสำเร็จ
แต่ในแง่ความหยั่งยืนล่ะ? สมมติว่าสโมสรเราหาเงินได้สมดุลพอจะจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะรวมไม่เกิน 1 ล้านปอนด์ แต่ไปจ้างนักเตะระดับค่าเหนื่อย 5 แสนปอนด์มา 2 คน แบบนี้ระยะยาวมันจะไปรอดหรือไม่ หรือต่อให้ไปรอด บางคนมองว่าก็เจ้าของทีมเขารวยเขายอมขาดทุนไง
ก็ตอบมาว่ามันแฟร์กับทีมอื่นหรือไม่?
พรีเมียร์ลีกต่อสู้แบบนี้เป็นตัวอย่างให้กับทีม หรือสโมสรทั่วโลกได้เช่นกัน หรือเราจะหวังว่า 20 ทีมลีกสูงสุดทุกประเทศควรจะเป็นของเล่นคนรวยเท่านั้น? หรือถ้าเจ้าของสโมสร 20 สโมสรเขาพร้อมเข้ามาขาดทุน แล้วมันแฟร์กับสโมสรที่อยู่ในลีกล่างๆ ไหม?
ผมรู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริง ทุกอย่างไม่ได้ยุติธรรมไปหมด ทุกคนมีต้นทุนต่างกัน แต่อย่างน้อยกติกาก็ควรมีหลักยึด มีพื้นฐานของความยุติธรรม
หลายคนไม่ได้แช่ง หรือเชียร์ให้ซิตี้ถูกลงโทษ 115 คดี และหวังว่าจะมีการยกแชมป์บางแชมป์ให้ทีมในอดีต มันย้อนกลับมาไม่ได้ แต่ความจริงหลายอย่างเมื่อมันไม่ยุติธรรมแต่แรก มันก็ควรแก้ไขสำหรับอนาคตได้ แฟนซิตี้ก็ไม่ได้ผิด แฟนทีมอื่นก็ไม่ได้ผิดเช่นกันที่จะคิดว่าพวกเขาเอาเปรียบ
แล้วยิ่งตอนนี้การดิ้นของพวกเขา การพยายามนำเรื่องไปต่อสู้ในศาลอื่นๆ แทน หรือความพยายามนำสิ่งเหล่านี้ไปอยู่ในศาลกีฬาระดับประเทศ ยิ่งพวกเขาดิ้นนั่นแหล่ะ อาจจะทำให้แผลมันใหญ่มากขึ้น
มันไม่ใช่การเตะตัดขาซิตี้ ถ้าพวกเขาทำถูกตามระบบแบบที่แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งใหญ่สองทศวรรษก่อนหน้านี้ภายใต้การคุมทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คงจะไม่มีใครโต้แย้ง หรือทำอะไรได้
แต่วิธีการของพวกเขาไม่ถูก ไม่ว่าจะพยายามเข้าข้างแค่ไหน ความจริงคือพวกเขากดสูตรโกงมาตลอด
จนกลายเป็นว่าหลายทีมพยายามจะกดสูตรโกงด้วย ภาษาเกมอาจจะเหมือนแฮกแมพ แฮกของ ในวงการเกม เกมที่เจอปัญหาเหล่านั้นเราก็เห็นแล้วว่าปลายทางมันกระทบศรัทธา และทำให้ผู้เล่นเลิกเล่นไป มันควรจะถูกหยุดมากกว่าเพื่อให้ทุกอย่างเป็นระบบต่อไป
ถ้าย้อนมองกลับไปหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา มันอาจจะมองได้ว่าเป็นยุคมืดของพรีเมียร์ลีกได้เลย แต่เรายังพอปลอบใจได้ว่า หลายๆ อย่างมาก่อนกาล ก่อนจะมีกติกา เหมือนกับการใช้เงินที่เชลซีของเสี่ยหมี หรือความได้เปรียบในเรื่องงบประมาณการทำทีมของแมนฯ ยูไนเต็ดยุคก่อน ก็เป็นผลมาจากการสร้างทีม และการบริหารของพวกเขา
แต่ตอนนี้กติกาทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป จงเชื่อว่าซิตี้ก็จะยังมีวิธีการ และแนวทางอื่นๆ ที่ทำให้เขาได้เปรียบทีมอื่นๆ หลายๆ ทีม แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นการตัดสูตรโกงไปแล้วหนึ่งเรื่อง
เป๊บจะต่อสัญญาไปอีกกี่ปีหลายคนคงจะไม่ห่วง ถ้าจะได้เห็นการแข่งขันที่ยุติธรรมขึ้น และทุกคนจะได้พูดเต็มปากในอนาคตว่าเป๊บเก่งขนาดไหน แทนที่มันจะเป็นปริศนาไปตลอดกาลว่าเขาแค่เลือกคุมทีมที่ได้เปรียบคู่แข่งมาตลอดก็เท่านั้น...
จินตะปัญญา
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
