27 พ.ย. 2024 เวลา 03:30 • ธุรกิจ

“ลัคกี้ สุกี้” คู่ท้าชิงสุกี้ตี๋น้อย ปีที่แล้ว มีรายได้ 400 ล้าน

ถ้าพูดถึงร้านสุกี้บุฟเฟต์ ปิดดึก ราคาหัวละ 219 บาท
แน่นอนว่ามีหลายตัวเลือก ทั้งเจ้าเล็ก เจ้าใหญ่
แต่มีร้านหนึ่งที่น่าสนใจ ชื่อว่า “ลัคกี้ สุกี้”
โดยในปีที่ผ่านมา ลัคกี้ สุกี้ ทำเงินได้ถึง 400 ล้านบาท
จากจำนวนสาขาทั้งหมดเพียง 6 สาขา
เรื่องราวของ ลัคกี้ สุกี้ เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ ลัคกี้ สุกี้ (Lucky Suki) คือในปี 2564 เกิดจากกลุ่มเพื่อนคือ คุณรสรินทร์ ติยะวราพรรณ, คุณวิรัตน์ โรจยารุณ, คุณรุ่งทิวา วิพัฒนานันทกุล และคุณอิทธิพล ติยะวราพรรณ
ที่ร่วมกันจัดตั้งบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ขึ้นมา
ทั้ง 4 คน ไม่เคยทำธุรกิจร้านอาหารมาก่อนเลย แต่ชื่นชอบการทานสุกี้ และเห็นโอกาสในธุรกิจร้านสุกี้บุฟเฟต์ราคาย่อมเยา
เลยใช้เวลาพัฒนาสูตรและร้านสุกี้บุฟเฟต์ขึ้นมา โดยตั้งชื่อว่า “ลัคกี้ สุกี้” มาจากความเชื่อที่ว่า เมื่อลูกค้าทานอาหารแล้วได้รับประสบการณ์ที่ดี ก็เหมือนกับได้รับความโชคดีกลับบ้านไปด้วย
และในเดือนมกราคม ปี 2565 ร้านลัคกี้ สุกี้ สาขาแรก ก็ได้เปิดอย่างเป็นทางการที่ People Park คอมมิวนิตีมอลล์ย่านอ่อนนุช
โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10:30 น. จนถึงเวลา 02.00 น. เพราะต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่สะดวกทานบุฟเฟต์ตอนกลางวัน รวมถึงกลุ่มคนที่เลิกงานดึก
ราคาบุฟเฟต์อยู่ที่ราคาหัวละ 219 บาท
สามารถทานได้ในเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที
ซึ่งถ้ารวมราคาเครื่องดื่มรีฟิล คนละ 39 บาท กับภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% แล้ว ราคาสุทธิจะอยู่ที่ 276 บาท
หรือก็เท่ากับ ราคาบุฟเฟต์ของร้าน สุกี้ตี๋น้อย เลยนั่นเอง
โดยผู้บริหารของลัคกี้ สุกี้ มองว่า ธุรกิจร้านสุกี้บุฟเฟต์ ถ้าไม่ทำแบบพรีเมียมก็ควรทำแบบแมสไปเลย
เลยเลือกตั้งราคาแมส ที่หัวละ 219 บาท เพราะมองว่าเป็นราคาที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย
หลังจาก ลัคกี้ สุกี้ สาขาแรก เปิดให้บริการ ก็ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า จนมีการบอกต่อ
จากนั้นก็มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้บริหารของ ลัคกี้ สุกี้ ตั้งใจที่จะขยายสาขาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อควบคุมคุณภาพ
การขยายสาขาของร้านลัคกี้ สุกี้ ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2565 ทั้งหมด 2 สาขา
ปี 2566 ทั้งหมด 6 สาขา
ปี 2567 ทั้งหมด 15 สาขา
(ข้อมูล ณ​ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567)
1
และในปี 2567 ทางลัคกี้ สุกี้ ก็ได้เปิดร้านอาหารใหม่เพิ่ม ก็คือร้าน ลัคกี้ บาร์บีคิว (Lucky BBQ)
ซึ่งเป็นร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างยากินิกุ ราคาหัวละ 299 บาท
โดยถ้ารวมเครื่องดื่มรีฟิล และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว ราคาสุทธิจะอยู่ที่ 362 บาท
โดยตอนนี้ มีร้านลัคกี้ บาร์บีคิว แล้วทั้งหมด 4 สาขา
ทำให้ตอนนี้บริษัทมีร้านอาหารในเครือรวมทั้งหมด 19 สาขา
1
แล้วอะไรที่ทำให้ร้านลัคกี้ สุกี้ เติบโตและขยายสาขามาได้เรื่อย ๆ ทั้งที่มีร้านคู่แข่งอยู่เต็มไปหมด ?
หนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ การเลือกทำเลที่เหมาะสม
สังเกตว่าทั้งร้านลัคกี้ สุกี้ และลัคกี้ บาร์บีคิว จะอยู่ในคอมมิวนิตีมอลล์หรือห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
2
และยังสามารถเดินทางมาทานได้สะดวก เพราะมีพื้นที่จอดรถที่สามารถรองรับการให้บริการสำหรับลูกค้าจำนวนมากได้
อีกเรื่องก็คือ การสร้างความประทับใจเกินความคาดหวังให้กับลูกค้า
หนึ่งในหัวใจสำคัญของร้านลัคกี้ สุกี้ ก็คือ น้ำจิ้มสุกี้ สูตรเฉพาะที่กลุ่มผู้ก่อตั้งช่วยกันคิดขึ้นมาทั้งหมด 3 สูตร คือ สูตรกวางตุ้ง, สูตรไหหลำ และน้ำจิ้มซีฟูด
แล้วยังมีเมนูให้เลือกมากกว่า 40 เมนู รวมถึงของทอด เครื่องดื่มสมูทที และติ่มซำ
อย่างน้ำซุปก็จะมีน้ำซุปใหม่ ๆ มาให้ลองทุก 3 เดือน เช่น ซุปก๋วยเตี๋ยวเรือ ซุปต้มยำน้ำข้น
รวมถึงการสั่งออร์เดอร์อาหารผ่าน QR Code และการเสิร์ฟผ่านหุ่นยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า
เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ดี ๆ กลับไป แต่จ่ายเงินในราคาสบายกระเป๋า ก็เหมือนได้รับความโชคดี ตามชื่อ ลัคกี้ สุกี้ ซึ่งก็นำไปสู่การบอกต่อแบบปากต่อปากของลูกค้าอีกที
และนี่คือรายได้ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่ดำเนินกิจการร้านอาหาร ลัคกี้ สุกี้
2
ปี 2565 รายได้ 79.7 ล้านบาท กำไร 2.7 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 409.2 ล้านบาท กำไร 46.3 ล้านบาท
โดยในปี 2566 ร้านลัคกี้ สุกี้ มีทั้งหมด 6 สาขา
ก็เท่ากับว่า ผลประกอบการเฉลี่ยต่อสาขาอยู่ที่
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา อยู่ที่ 68.2 ล้านบาทต่อปี
- กำไรเฉลี่ยต่อสาขา อยู่ที่ 7.7 ล้านบาทต่อปี
โดยถ้าลองเปรียบเทียบกับสุกี้ตี๋น้อย
ในปี 2566 ที่ตอนนั้นมี 55 สาขา
1
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา อยู่ที่ 95.7 ล้านบาทต่อปี
- กำไรเฉลี่ยต่อสาขา อยู่ที่ 16.5 ล้านบาทต่อปี
จะเห็นว่า แม้รายได้เฉลี่ยต่อสาขาของ ลัคกี้ สุกี้ ยังน้อยกว่า สุกี้ตี๋น้อย แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในฐานะร้านน้องใหม่อายุไม่ถึง 3 ปี
ส่วนเรื่องความสามารถในการทำกำไรของ ลัคกี้ สุกี้ ที่ยังไม่สูงเท่าของ สุกี้ตี๋น้อย
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ สุกี้ตี๋น้อย มีสาขาเยอะกว่า ทำให้เกิดความได้เปรียบเรื่อง Economies of Scale มากกว่านั่นเอง
แต่ก็น่าคิดว่า ถ้าลัคกี้ สุกี้ ยังมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าไปเรื่อย ๆ
ซึ่งถ้าเราลองนำ รายได้เฉลี่ยต่อสาขา มาประมาณการรายได้ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ในปี 2567 ที่มีทั้งร้านลัคกี้ สุกี้ 15 สาขา และลัคกี้ บาร์บีคิว 4 สาขา
1
ก็เป็นไปได้ว่า ลัคกี้ สุกี้ อาจจะขึ้นเป็นร้านสุกี้ 1,000 ล้านบาท เจ้าใหม่ของประเทศไทย..
โฆษณา