28 พ.ย. 2024 เวลา 00:07 • กีฬา

แบร็ดลีย์ฟอร์มดีจัดสยบเอ็มบัปเป้, หงส์ลุ้นอาการบาดเจ็บ2ราย(RECAP)

จบไปแล้วสำหรับเกม “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์” ที่น่าจะพูดได้ว่าใหญ่ที่สุดในรอบลีกของแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลนี้สำหรับลิเวอร์พูล ที่ได้โอกาสล้างตาเรอัล มาดริด ซึ่งพวกเขาไม่ชนะมาแล้วหลายปี
ลิเวอร์พูลเอาชนะไปแบบหมดจดเด็ดขาด 2-0 ที่พูดได้อย่างนี้ เพราะถ้าเอามาตรฐานคนดูบอลทั่วไป หงส์แดงของอาร์เน่อเล่นได้เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์การครองบอล 63 ต่อ 47
สถิติการเข้าทำ การลุ้นประตู พื้นที่สุดท้าย ออกมาที่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเหนือกว่าทั้งหมด โดยเฉพาะโอกาสทำประตู 17 ต่อ 9 ครั้ง โดยเป็นลิเวอร์พูลยิงเข้ากรอบ 7 ต่อ 3 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือจังหวะที่เอ็มบัปเป้ยิงไปติดควิวีน เคลเลเฮอร์ที่เซฟจุดโทษเอาไว้ได้
นั่นเป็นจังหวะแรกในเกมที่เรอัล มาดริดยิงเข้ากรอบ! ซึ่งปาเข้าไปในนาทีที่ 61 เลยทีเดียว
ผมอยากจะบอกว่ายิ่งดูทีมของอาร์เน่อในฤดูกาลนี้ ยิ่งคิดถึงคำพูดของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่มักจะให้สัมภาษณ์เสมอว่าเขาไม่ได้สร้างลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ดีที่สุด เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่เขาสร้างทีมลิเวอร์พูลให้เป็นทีมที่ “คู่แข่งเอาชนะยากที่สุด”
 
ทีมของอาร์เน่อดูจะกลายเป็นอย่างนั้นแทนในสายตาของผม เพราะทีมของคล็อปป์เป็นทีมที่ “คู่แข่งเหนื่อยที่สุด” แต่ทีมของอาร์เน่อดูจะเป็นทีมที่คู่แข่งสู้ด้วยยากมากๆ จริง ทั้งส่วนของเกมรับ เกมรุก ซึ่งประเด็นนี้เดี๋ยวขอมีเวลารวมรวมเขียนถึงอีกที
แต่ก็จะบรรยายไปในการ RECAP หลังเกมต่างๆ ตราบเท่าที่มีเวลาเขียน และได้รับการสนับสนุน กดอ่าน กดไลค์กันเยอะๆ ก็ขอขอบคุณมากจริงๆ
เข้าไปที่เกมที่แอนฟิลด์ที่เป็นเกมสำคัญจริงๆ เพราะมีคนดังหลายคนเข้ามาดูในเกมนี้แบบเยอะจริงๆ ทั้งทางฝั่งสเปน และอังกฤษ แต่ตอนที่เขียนเวลานี้ต้องบอกว่าง่วงมาก ดังนั้นอาจจะลืมไปเยอะเลย แต่มีราฟาเอล เบนิเตซ และโดยเฉพาะราฟาเอล นาดาล
นาดาลเป็นแฟนบอลเรอัล มาดริด และเพิ่งประเทศอำลาวงการเทนนิสในฐานะตำนานผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง การเดินทางมาแอนฟิลด์น่ายินดีที่เขาจะได้สนุกกับชีวิตในส่วนอื่นนอกจากเทนนิส แต่วันนี้อาจจะไม่สมหวังกับผลการแข่งขัน
แค่ช่วงต้นเกม กับปลายเกมเล็กน้อยเท่านั้นที่มาดริดดูจะมีโอกาส แดนกลางพวกเขาทำได้ดีโดยรวม แต่ภาพรวมกับโอกาส และจังหวะลุ้นทำประตูที่ไม่ปรากฏในตัวเลข โดยเฉพาะศรีษะของนูนเญซที่บอลเฉี่ยวไปมาหลายครั้งในครึ่งแรก โดยรวมลิเวอร์พูลเหนือกว่าพอสมควร
ด้วยความเคารพต่อทีมแชมป์เก่า พวกเขาขาดตัวหลักหลายตัวก็จริง แต่ลิเวอร์พูลก็ไม่ใช่ทีมที่สมบูรณ์ที่สุด อย่างน้อยๆ ก็มี 6 รายไม่ว่าจะเป็นอลีสซง, เทรนต์, โชต้า, เอลเลียตต์ และเคียซ่า รวมถึงซิมิกาสเป็นรายล่าสุด
อาร์เน่อเลือกจะจัดชุดใหญ่ อาจจะแตกต่างจากความคิดของบางคนที่ว่าพักตัวไว้เกมสำคัญกับซิตี้ดีกว่า ซึ่งผมว่าไม่จำเป็นเลย นี่คือเกมสำคัญที่สุดในแชมเปียนส์ลีกจนถึงเวลานี้ทำไมต้องทำอย่างนั้น
สรุปหลังจบ 5 นัดเราอยู่จ่าฝูงเท่ห์ๆ แต่ประเด็นคือการเข้าเพลย์ออฟไม่ยาก (อันดับ 9-24) ระบบเอื้อไม่ให้ทีมใหญ่ตกรอบอยู่แล้ว ผมแอบคิดในใจตั้งแต่เห็นการวางระบบการแข่งขัน เราแทบจะเข้ารอบตั้งแต่บุกชนะมิลาน เพราะผมเชื่อว่าเกมอื่นๆ เฉลี่ยออกมายังไงลิเวอร์พูลแต้มพอแน่
อย่างไรก็ตามการติด 1-8 แตกต่างออกไป อย่างน้อยก็หายไปรอบหนึ่ง หรือ 2 นัด ถึงเวลานี้เรามี 15 แต้มยังไม่ชัวร์ว่าจะเข้ารอบในฐานะ 8 อันดับแรกเลย ไม่นับว่ารายได้ที่มาจากเงินรางวัล และความได้เปรียบในการจับสลากในรอบต่อไป
แต่หลังจบเกมนี้ด้วยชัยชนะ 15 แต้มเพียงพอแล้วกับการติด 24 อันดับแรก เรียกว่าอีก 3 เกมที่เหลือแพ้ยังได้เพลย์ออฟเป็นอย่างน้อยแล้ว และเหลืออีกไม่กี่แต้มจาก 3 เกมทีเหลือเพื่อเข้าไปยืนเป็น 8 ทีมที่ไม่ต้องเพลย์ออฟ
เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากการล้างตาผลงานในอดีต เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ยังเป็นการทดสอบว่าทีมของอาร์เน่อที่ต้นฤดูกาลมีคนพูดว่าเจอแต่ทีมเล็กๆ แต่ถึงตอนนี้อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลของเขาก็สู้กับทีมใหญ่ได้(และได้ดีด้วย)
ไล่ไปรายบุคคล เคลเลเฮอร์ ดูเด่นขึ้นมาในช่วงท้ายเกม แม้ว่าสถิติจริงๆ เขาไม่ได้เซฟเยอะ แต่ก็มาก และสำคัญพอให้ทีมเก็บชัยชนะในเกมนี้ โดยเฉพาะการหยุดจุดโทษของเอ็มบัปเป้ให้เรอัลไม่สามารถกลับสู่เกมได้
เคลเลเฮอร์เซฟจุดโทษที่ 4 ตั้งแต่ลงเล่นลิเวอร์พูลชุดใหญ่
เคลเลเฮอร์แสดงให้เห็นมาหลายแมตช์แล้วว่าเขาดีพอจะเป็นมือหนึ่งของหลายๆ ทีมด้วยซ้ำ แม้แต่ลิเวอร์พูลชุดนี้ ดังนั้นถ้าคิดว่านี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูลก็น่าเสียดายไม่น้อย แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต
มีช็อตน่ารักๆ ตอนเซฟจุดโทษที่กล้องแพนไปที่อลิสซงที่ใกล้หายเจ็บกลับมายิ้มแฉ่งพร้อมกับหมวกไหมพรม ก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อหมีกับลูกหมี!
โกนาเต้ กับฟาน ไดค์ดูเหมือนยักษ์ในแผงหลังของลิเวอร์พูลที่คอยหยุดเอ็มบัปเป้ให้เล่นไม่ออก ช็อตที่พี่ยักษ์ดัตช์ของเราไปชนกับกองหน้าฝรั่งเศสจนหัวทิ่มเหมือนเต้นบีบอยน่าหวาดเสียวไม่น้อย แต่ก็สะใจในเวลาเดียวกันเหมือนกับยามดูมวยปล้ำ!
สามกัปตันทีมชาติในแผงหลังอีกคนอย่างร็อบโบ้ ช่วงนี้เป็นคนไม่สม่ำเสมอที่สุด เขาผิดพลาดแน่นอนกับจังหวะเสียจุดโทษที่สองในรอบสัปดาห์ แต่รวมๆ เกมรุกของโรเบิร์ตสันยังทำได้ดี การเปิดให้แบรดลีย์ได้ลุ้นประตู และได้แอสซิสต์จากการเปิดให้คักโปได้โหม่งประตูปิดเกม
ถ้าไม่มีจังหวะจุดโทษเกมนี้ร็อบโบ้ประสานงานกับดิอาซได้ดี อาจจะต้องปรับตัวกับอายุ และเรียกสมาธิในช่วงนี้มากหน่อย
ไล่ไปทีละคนแบรดลีย์คือพระเอกของเกมนี้ จังหวะที่เกมเนือยๆ ทั้งสองทีมไม่กล้าทำอะไรกันปลายครึ่งแรก ก่อนที่เขาจะสกัดใส่เอ็มบัปเป้อย่างเด็ดขาดจนกองหน้าฝรั่งเศสกลิ้ง เหมือนกับปลุกอารมณ์แฟนบอลในสนาม และทีมให้เล่นอย่างคึกคักหลังจากนั้น
ไม่ใช่แค่นั้นแบรดลีย์ยังอันตรายในเกมรุก ถ้ากูร์ตัวส์ไม่ได้เซฟเอาไว้จังหวะประสานงานกับโรเบิร์ตสันเรียกว่าสวยมาก เกมรับเมื่อเอาตัวรุกอีกฝั่งอยู่หมัด เขาก็สามารถเติมเกมรุกอย่างดุดัน ก่อนจะแอสซิสต์ให้แม็ค อัลลิสเตอร์ทำประตูปลดล็อกเกม
กราเฟนแบร์คเล่นได้เหมือนที่ผ่านมา แค่นี้ก็ชัดเจนว่าเป็นคำชม เพราะฤดูกาลนี้เขาเล่นได้ไร้ที่ติ แม็คก้าอาจจะหายไปหลังจากสร้างโอกาสให้นูนเญซในช่วงต้น แต่เขายังยิงประตูอย่างชาญฉลาด และเป็นประตูที่สองในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้
แม็ค อัลลิสเตอร์ได้ใบเหลืองทำให้จะพลาดเกมต่อไปในยุโรปกับคิโรน่า แต่เขาจะเล่นเกมกับแมนฯ ซิตี้ในวันอาทิตย์นี้ตามปกติ หวังว่าจะมีประตูแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ในเกมนั้น!
 
โจนส์เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีจังหวะเหม่อ และช้าอยู่นิดเดียว แต่ภาพรวมคือสอดประสานกับแดนกลางคนอื่นๆ ของทีมได้ดีวันดีคืน
ซาลาห์มีส่วนร่วมกับเกม แต่โอกาสจบ และสร้างโอกาสน่อยกว่าหลายเกมในฤดูกาลนี้ แต่ยังสำคัญต่อทีม ถ้ายิงจุดโทษเข้าไปก็อาจจะขโมยซีนคนอื่น แต่ถ้าใครให้คะแนนอาจจะต้องหักจุดโทษที่ยิงออกไปแบบนั้น อย่างไรก็ตาม การพลาดเกมแบบนี้มองในแง่ดีก็ถือว่าโชคดี เพราะพลาดในเกมที่สุดท้ายทีมก็ชนะอยู่ดี
ดิอาซดูอันตรายที่สุดในตัวรุกตัวจริงวันนี้ และมีช่วงที่สลับไปยืนตรงกลางที่ยิ่งดูอันตรายกว่าเดิม ส่วนนูนเญซถูกกูร์ตัวส์เซฟไป และโหม่งออก แต่ที่ทำให้สะดุดไป และต้องระวังเหมือนที่เคยเป็นปัญหาคือใบเหลืองช่วงต้นเกม และหลังจากนั้นยังมีฟาวล์ให้เสียว
ตัวสำรองอย่างคักโปใส่สกอร์ได้ และมีโซโบ กับโกเมซลงมาช่วงท้าย
ภาพรวมเป็นวันที่ยอดเยี่ยมมากของลิเวอร์พูล 5 เกมรวดในยุโรปในฤดูกาลที่น่าจะไม่มีใครคาดหวังไว้ขนาดนี้ แม้แต่ตำนานผู้จัดการทีมเก่าๆ หลายคนยังไม่เคยทำได้
นอกจากนี้ จู๊ด เบลลิงแฮม และเอ็มบัปเป้สองคนที่เคยมีข่าวกับเรากับเสียงโห่นิดหน่อยก็มองเป็นสีสัน อย่างน้อยแฟนๆ ก็ได้ข่มสองคนนี้นิดหน่อย ไม่นับว่าเป็นสัญญาณเตือนเทรนต์ให้คิดให้ดีกับอนาคต หลังจากวีกที่ผ่านมาไมเคิล โอเว่นก็พูดถึงเรื่องนี้
โอเว่นเป็นตัวอย่างอันดีว่าจะย้ายไปสเปนก็ต้องคิดให้จงหนัก
แถมหลังเกมให้อีกนิดหน่อย อาร์เน่อบอกพอใจหลายๆ อย่างในเกมนี้ และเขาบอกให้ลูกทีมระหว่างพักครึ่งว่าต้องอดทนรอให้ช่องเปิด
 
เขายังชมแบรดลีย์ และไม่เซอร์ไพรส์กับฟอร์ม และยกย่องว่าเป็นวันที่ยอดเยี่ยมของอะคาเดมี อ่อ พออ่านสัมภาษณ์ของอาร์เน่อที่พูดถึงเรื่องดีหลายอย่าง เกมนี้ถ้าจะติดอย่างเดียวคือต้นเกมแข้งหงส์แดงฟาวล์เยอะไปหน่อย และได้ใบเหลืองกันค่อนข้างเร็วทำให้เล่นยากขึ้น และต้องคิดหลังจากนั้นทำให้จังหวะเสียไปบ้าง
สุดท้ายที่มาน่าห่วงคือการบาดเจ็บของแบรดลีย์ และโกนาเต้ท้ายเกม รายของแบรดลีย์เดินออกได้ตอนถูกเปลี่ยนออกก็เป็นสัญญาณที่ดี
เป็นธรรมดาที่เกมเพิ่งจบ เวลานี้ยังยากที่จะประเมิน (เข้าไปดูอาร์เน่อก็พูดแบบเดียวกันเป๊ะ!) โชคดีในโชคร้ายคือเทรนต์กลับมามีชื่อแล้ว แต่อาร์เน่อก็บอกว่าสำหรับเกมนี้เขายังไม่พร้อมเป็นตัวจริง ดังนั้นวันอาทิตย์คงต้องรอดูอีกที
โกนาเต้ก็นั่งลงไปช่วงจบเกม ที่ชัดว่ามีการเจ็บต้องรอประเมิน ถ้าจำเป็นในสองตำแหน่งนี้ก็ยังมีโกเมซ และควอนซาห์ แต่ก็หวังว่าทั้งคู่จะพร้อมลงเล่นในวันอาทิตย์นี้
เกมนี้ยกให้เป็นวันของแบรดลีย์ เป็นวันของเขา ครอบครัวของเขา และทีมของเรา แต่ดีมากสำหรับอะคาเดมีอย่างที่อาร์เน่อกล่าวไว้หลังเกม แต่ไม่ใช่แค่ทั้งคู่แต่ยังรวมถึงควิวีน และโจนส์อีกด้วย
Tripple Perfect!!!
จินตะปัญญา
โฆษณา