9 ธ.ค. 2024 เวลา 09:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ความแตกต่างระหว่าง Accumulation Phase และ Distribution Phase

ในตลาดหุ้นทั้ง Accumulation Phase และ Distribution Phase เป็นสองช่วงสำคัญในวัฏจักรของราคา (Market Cycle) ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดและมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยความแตกต่างของทั้งสองช่วง
1. Accumulation Phase (ช่วงสะสมหุ้น)
- เป็นช่วงที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideways) หลังจากการปรับตัวลดลงหรือภาวะตลาดขาลง (Bear Market)
- มักเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (Smart Money) หรือกองทุนสถาบันเริ่มทยอยเข้าซื้อหุ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่ดันราคาให้สูงขึ้น
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่ราคาขยับขึ้น แต่ยังไม่เด่นชัด
เหตุผลทางจิตวิทยา
- นักลงทุนมองว่าหุ้นหรือสินทรัพย์อยู่ในระดับราคาที่ต่ำเกินมูลค่าที่แท้จริง (Undervalued)
- ตลาดกำลังรอปัจจัยบวก เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหรือผลประกอบการของบริษัท
พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา
- ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบและมีแนวรับที่แข็งแกร่ง
Indicator อย่าง RSI หรือ MACD อาจแสดงสัญญาณ Divergence
- มีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ใกล้เคียงกันในกราฟ
หาก Accumulation Phase สำเร็จ ราคามักเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
2. Distribution Phase (ช่วงกระจายหุ้น)
- เป็นช่วงที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบคล้ายกับ Accumulation Phase แต่เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น (Bull Market)
- นักลงทุนรายใหญ่เริ่มทยอยขายหุ้นเพื่อทำกำไร โดยไม่กระทบราคาอย่างมีนัยสำคัญในช่วงแรก
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) อาจเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาลดลง
เหตุผลทางจิตวิทยา
- หุ้นหรือสินทรัพย์มีราคาที่สูงเกินมูลค่าที่แท้จริง (Overvalued)
- นักลงทุนคาดการณ์ถึงปัจจัยลบ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือผลประกอบการที่ลดลง
พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา
- ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่มีจุดสูงสุดที่ลดลงทีละน้อย
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในวันหรือช่วงที่ราคาลดลง
- สัญญาณจาก RSI หรือ MACD อาจแสดง Overbought หรือ Divergence
หาก Distribution Phase เสร็จสิ้น ราคามักเข้าสู่แนวโน้มขาลง (Downtrend)
ใครสนใจสูตรสแกน accumulation phase ตามทฤษฎีนี้พิมพ์ "สนใจ"
ติดตามพวกเราในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
LINE : @investic.studio
โฆษณา