11 ธ.ค. 2024 เวลา 06:04 • ธุรกิจ

Thinking Backwards หากคิดอะไรไม่ออก ให้มองย้อนกลับ วิธีคิดไขปัญหา ที่แม้แต่ สตีฟ จ๊อบส์ ยังเลือกใช้

“หากแบคทีเรียเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุก ๆ 24 ชั่วโมง และใช้เวลา 30 วันในการเพิ่มจำนวนจดเต็มสระ ในวันที่เท่าไหร่ที่เเบคทีเรียจะมีปริมาณเท่ากับครึ่งหนึ่งของสระ”
ลองทายคำตอบของคำถามนี้แบบเร็ว ๆ กันดูนะครับ
อาจดูเป็นเรื่องยากหน่อยที่จะต้องคำนวณปริมาณของแบคทีเรียโดยที่ไม่รู้จำนวนตั้งต้น เราอาจต้องลองทายเลขเริ่มต้นไปเรื่อย ๆ แล้วเดาดูว่าต้องใช้เวลากี่วันถึงจะเติมได้ครึ่งสระ ดูจะเป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ
แต่หากลองคิดแบบนี้ หากเราไม่คิดจากจุดเริ่มต้นไปหาจุดจบ หากเราเริ่มจากจุดจบแล้วคิดย้อนกลับมาดู
ในวันที่ 30 แบคทีเรียมีปริมาณเต็มสระ และแบคทีเรียเหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 24 ชั่วโมง
เชื่อว่าคำตอบน่าจะปรากฏมาให้เห็นอย่างชัดเจนนะครับ
วันที่แบคทีเรียมีปริมาณเท่ากับครึ่งหนึ่งของสระ คือวันที่ 29
วิธีคิดข้างต้นที่ช่วยให้เราเห็นคำตอบได้อย่างรวดเร็วคือการคิดย้อนกลับ (Think Backwards) คือการคิดจากจุดสิ้นสุดเพื่อย้อนกลับมาหาจุดเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างที่ดีของการคิดแบบนี้คือเกมปริศนาเขาวงกต เกมเด็กที่ให้คุณลากจุดจากทางเข้าใดทางเข้าหนึ่ง (หลายตัวเลือก) ไปหาทางออก
วิธีการเล่นที่ถูกต้องคือการลองลากเส้นจากทางเข้าต่าง ๆ ที่มีให้เลือกไปหาทางออก แต่วิธีที่จะทำให้คุณเอาชนะปริศนานี้ได้อย่างรวดเร็ว คือการลากเส้นจากทางออก แล้วดูว่ามันได้พาคุณไปสู่ทางเข้าไหน
และวิธีคิดเช่นนี้สามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
งานวิจัยจาก Korea University Business School ได้บอกว่าคนที่ใช้วิธีการคิดแบบย้อนกลับ มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า
เหตุผลเพราะว่าพวกเขาจะสามารถวางแผนชีวิตได้ดีกว่าคนที่คิดแบบไปข้างหน้า
กระบวนการคิดย้อนกลับในการวางแผนต่าง ๆ คือการมองที่ผลลัพธ์ และย้อนกลับมาหาเส้นทางที่ตอบสนองต่อผลลัพธ์นั้นได้
หากในวันนี้คุณเริ่มทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง และคิดไปข้างหน้า คุณจะพบว่าตนเองพยายามไต่เต้าไปในองค์กรเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมายแน่นอน
แต่กลับกัน หากคุณมีเป้าหมายว่าคุณเริ่มทำงานในบริษัทด้านการตลาด เพื่อขึ้นเป็น Marketing Director
คุณคิดย้อนกลับจากเป้าหมายของคุณ คุณจะพบว่าในการขึ้นเป็น Marketing Director จะต้องทำอะไรบ้าง ต้องพัฒนาตนเองอย่างไร ต้องมีบทบาทแบบไหน
ด้วยวิธีการคิดแบบนี้ แม้ว่าคุณอาจไม่ได้เป็น Marketing Director อย่างรวดเร็ว แต่คุณจะเติบโตได้เร็วกว่าคนที่ทำงานโดยไม่ได้คิดจากเป้าหมายเป็นหลักอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยคุณจะเลือกเก็บเกี่ยวทักษะที่จำเป็น พาตัวเองเข้าไปในจุดที่สนับสนุนตัวคุณมากขึ้น และทักษะที่คุณพัฒนาก็จะมุ่งเน้นไปสู่เป้าหมายโดยตรง และทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ในอีกทางหนึ่งด้านของการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือดีไซน์สิ่งต่าง ๆ
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าวิธีคิดของเขานั้นเริ่มต้นจากการดูที่ประสบการณ์ ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน และคิดย้อนกลับจากจุดนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการต่าง ๆ ของผู้ใช้
เราจะเห็นได้ว่าเหตุผลหนึ่งที่นวัตกรรมของ Apple โดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่นในตลาด ก็เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถแก้ปัญหาที่เราเคยมี ได้ก่อนที่เราจะคิดว่าต้องการให้ใครมาแก้เสียอีก
อย่างเช่น iPod ก็เกิดจากความคิดที่ว่าเราไม่อยากพกเครื่อง Walkman ขนาดเทอะทะ (ในวันนี้หลายคนอาจลืมเครื่องเล่น CD พกพานี้กันไปแล้ว)
และแก้โจทย์ย้อนกลับมาด้วยการออกแบบอุปกรณ์ที่แก้ไขปัญหานั้น อุปกรณ์ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้ปุ่มให้น้อย แต่ต้องใช้งานง่าย
การคิดแบบย้อนกลับ (Thinking Backwards) อาจไม่ใช่วิธีเดียวในการคิดสิ่งต่าง ๆ ให้ดี แต่เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งอย่างแน่นอน
เป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางสู่เป้าหมายที่คุณต้องการ ผ่านการมองย้อนกลับมาจากเป้าหมายนั้น ช่วยให้คุณแก้ปัญหาที่ดูยากได้ง่ายขึ้น จากการเห็นจุดสิ้นสุดของมันก่อน
ดังนั้นในวันนี้หากคิดอะไรไม่ออกให้ลองมองย้อนกลับดูนะครับ
เขียนโดย Siravich Singhapon
#FutureTrends #FutureTrendsetter
โฆษณา