Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มินิซีรี่ย์
•
ติดตาม
14 ธ.ค. 2024 เวลา 07:22 • ประวัติศาสตร์
แผ่นที่ ๓๒๑ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๓ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๐ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ วัดเทพธิดา ๑๐ รูป มีพระสุธรรมธีรคุณเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลา ๕ โมงเศษ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยประทับบนพระที่นั่งโทรน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ท้าวขันตี แลหลวงณรงค์ภักดีแลอื่น ๆ เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลา แลพระราชทานเสื้อผ้าต่าง ๆ ต่อคราวหลังจึงจะแจ้งให้ทราบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสอยู่สักครู่ เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารเทเวศรักษา ประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการเข้าเฝ้า จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น
แจ้งความ
ด้วยเมื่อณวันเสาร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ แผ่นที่ ๓๑๑ เล่ม ๑ ว่าด้วยเวลาเย็น เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งนั้นผิดไป เสด็จประทับสนามหญ้าก่อน แลข้าราชการพระบรมวงศานุวงศ์เข้าเฝ้าก่อน แลในเวลานั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานตรามัณฑนาภ
รณมงกุฎสยาม แลหนังสือใบประกาศ แด่พระยาพิพัฒนโกษา เปลี่ยนจากตราภัทราภรณ์มงกุฎสยาม โดยความชอบที่พระยาพิพัฒนโกษา ไปชำระความผู้ร้ายเมืองนนทบุรี ได้ความหลายเรื่องโดยเร็ว เพราะฉนั้นจึงพระราชทานเปลี่ยนตราตำแหน่งสูงขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งต่อไป ขอท่านทั้งหลายจงทราบเทอญ
โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์
แผ่นที่ ๓๒๒ ออกวันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ออกวันจันทร์ ณวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า พระสงฆ์รับบิณฑบาตแลฉันในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาทุ่ม ๆ เสด็จขึ้น
โดย ก. ม.นเรศร์วรฤทธิ์
แผ่นที่ ๓๒๓ ออกวันอังคาร เดือน ๔ แรม ๕ ค่ำ
ณวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการใหญ่น้อย ประมาณครู่หนึ่ง จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรง รถพระที่นั่ง พร้อมด้วยกระบวรนำแลตาม เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเศษไชยศรี หัวป้อมเผด็จดัสกรไปทางถนนเจริญกรุง แล้วเลี้ยวลงทางสพานช้างด้านเหนือ ไปตามถนน
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าหมื่นสรรเพธภักดีทำขึ้นใหม่๙ แล้วเลี้ยวทางสพานช้างโรงสี มาเข้าประตูสวนสราญรมย์ด้านบูรพา (ตวันออก) แล้วเสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรพรรณไม้ต่าง ๆ อยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษ จึงเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งข้างวังสราญรมย์ ด้านบูรพา (ตวันออก) อยู่จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งกลับเข้ายังพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้า ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการใหญ่น้อย จนเวลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น
โดย เกษมสันตโสภาคย์
แผ่นที่ ๓๒๔ ออกวันพุธ เดือน ๔ แรม ๖ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันอังคาร เดือน ๔ แรม ๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระแลสดัปกรณ์ในพระพุทธนิเวศน์ ในการวันประสูติในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แลเวลากลางคืนมีการสวดมนต์ การนี้ข้าพเจ้าหาได้ใส่จะแจ้งไม่นั้น ต่อ
ภายหลังข้าพเจ้าถึงจะสืบใส่ลงในนี้ให้จะแจ้ง๑๐ ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสนามหญ้า มีพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ณที่นั้น มีพระชลสินธุสงครามไชยกราบถวายบังคมลากลับออกไปเมืองไทร แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานเสื้อเข้มขาบอย่างดี ๑ เสื้อ แล้วจึงประทับตรัสด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จนเวลาจวนทุ่ม
โดย ทองแถมถวัลยวงศ์
แผ่นที่ ๓๒๕ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๗ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันพุธ เดือน ๔ แรม ๖ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จออกประทับสนามหญ้า หลวงนายศักดิจึงนำนายเนตร บุตรพระยาราชภักดีศรีรัตนราชสมบัติ ถวายตัวทำราชการฉลองพระเดชพระคุณ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ไปทรงจุดเทียนนมัสการ พระสงฆ์ ๑๐ รูป
มีพระโพธิวงศ์เปนประธาน จะได้เจริญพระปริตที่โรงช้างริมกำแพงในพระบรมมหาราชวัง หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการที่พระเศวตวรลักษณ์จะเปลี่ยนมาโรงใน แต่โรงนอกหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์มหาปราสาท แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่นั้น จนเวลาทุ่มเศษ จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้น
แจ้งความ
ด้วยเมื่อณวันพุธ เดือน ๔ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ในใบที่ ๓๑๕ นั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับสนามหญ้านั้น ไม่ได้บอกรายที่ถวายตัว ๓ นาย คือ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ได้นำนายเพิ่ม กับนายอั้น บุตรพระพรหมบริรักษ์ (เหมซึ่งถึงอนิจกรรม) แลนายสมบุญ บุตรขุนอมรภักดี รวม ๓ นาย ถวายตัวทำราชการฉลองพระเดชพระคุณในเวรศักดิ
โดย เทวัญอุไทยวงศ์
แผ่นที่ ๓๒๖ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๘ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันพฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๗ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เจ้าพนักงานได้จัดการตั้งเตียงมณฑลแลเครื่องตั้งในเตียงมณฑล ตามอย่างตามธรรมเนียมซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน แล้วเชิญพระพุทธปฏิมากร พระไชยในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นประดิษฐานบนกลางเตียงมณฑล ที่วังหม่อมเจ้าฉายเฉิด ในการซึ่งจะเลื่อนตำแหน่งยศจากหม่อมเจ้า เปนพระองค์เจ้า เวลาเย็นพระสงฆ์ ๑๐ รูป ได้เจริญพระปริต พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ขึ้นไปช่วยในวันนี้สวม
เสื้ออิวนิงเดรศ ติดตราเครื่องราชอิศริยยศ ตามที่ได้รับพระราชทาน เวลาบ่ายประมาณ ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ เออเดอแกมป ๑ จมื่นสุรเดชรณชิต เออเดอแกมป ๑ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร เจ้าพนักงานกรมวัง ๑ พระ
ศรีธรรมสาส์น ๑ พระดิษฐการภักดี ๑ หลวงรัตนายัติ ๑ รวม ๓ ในกรมท่านำมิศเตอรนอกซ กงสุลเยเนอราลแลเอเยนต์เมืองอังกฤษ ๑ มิสเตอรเชิดดอซัน บุตรเอิลออฟดาเตร ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เฝ้าอยู่ประมาณครู่ใหญ่ จึงกลับออกมา เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทใหญ่น้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้า
มนุษยนาคมานพ ไปจุดเทียนเครื่องนมัสการที่โรงช้าง พระสงฆ์ ๑๐ รูป มีพระโพธิวงศ์เปนประธานาธิบดี ได้เจริญพระปริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่สนามหญ้า ประมาณครูใหญ่ จึงเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ ๑ ตามเสด็จบนรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวรนำแลกระบวรตาม ไปประทับวังหม่อมเจ้าฉายเฉิด เสด็จขึ้นประทับบนวัง ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่ประมาณครู่ใหญ่ จึง
แผ่นที่ ๓๒๗ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๘ ค่ำ
เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง กลับเข้าพระบรมมหาราชวังร์ เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น
โดย มนุษยนาคมานพ
ตั้งพระองค์เจ้าฉายเฉิด
แผ่นที่ ๓๒๘ ออกวันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๙ ค่ำ
ณวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๘ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ มีการเลี้ยงพระที่วังหม่อมเจ้าฉายเฉิด เวลา ๒ โมงเศษ เปนมหามงคลฤกษ์ หม่อมเจ้านายเฉิดขึ้นที่สรง พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ก็รดน้ำ ครั้นรดน้ำสรงแล้วเลี้ยงพระเปนเสร็จการที่วัง
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงปิดทองหนังสือตามธรรมเนียมวันพระ แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งโทรน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หม่อมเจ้าฉายเฉิด เข้าไปที่พระที่นั่งโทรน พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ แลทรงเจิมแล้ว พระราชทานพระสุพรรณบัตร จาฤกว่า พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิดสิงหนาม จงเจริญพระชนมายุพรรณ สุขพล
ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลทุกประการ เทอญ แลสัญญาบัตรมีความว่า ให้เลื่อนหม่อมเจ้าฉายเฉิด เปนพระองค์เจ้า มีนามตามจาฤกไว้ในพระสุพรรณบัตรนั้นแล้ว แลมีคำนำหน้าพระนามว่า พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด สิงหนาม ทรงศักดินา ๑๕๐๐ จงเจริญพระชนมายุ พรรณสุขพล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลทุกประการ ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณโดยผาสุกสวัสดิ เทอญ ตั้งแต่ณวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๘ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เป
นวันที่ ๒๖๘๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพานทอง แลคนโททอง เปนเครื่องยศ แล้วเสด็จลงจากพระที่นั่งโทรน แลของที่พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิดถวายนั้น คือ ดอกไม้เทียนทองธูปทอง ต้นไม้ทองเงิน หีบเขียนหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น ในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ ก็สวมเสื้อฟร็อกโก๊ต ติดตราตามที่ได้รับพระราชทาน
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานแห่พระเศวตวรลักษณเข้าโรงในซึ่งสร้างใหม่ ที่หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ด้านตวันออก เวลาทุ่ม ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระ
แผ่นที่ ๓๒๙ ออกวันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๙ ค่ำ
ที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยาน พร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่โรงช้าง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระโพธิวงศ์ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว เสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ พระสงฆ์ราชาคณะ เปรียญ รวม ๑๐ รูป สวดมหาสมัยสูตร แลคาถาอื่น ครั้นเวลา ๒ ทุ่ม
เศษจบ แล้วถวายอติเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากโรงช้าง ทรงพระราชยานขึ้นประทับบนพลับพลา ทอดพระเนตรลคร เวลายามเศษ เสด็จทรงพระราชยานเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม เวลานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตรามหาวราภรณ์ช้างเผือก พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย สวมเสื้ออิวนิงเดรศ ติดตราเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน
โดย สวัสดิประวัติ
แผ่นที่ ๓๓๐ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๙ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๑ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายนอก ประเคนสำรับแลปฏิบัติพระสงฆ์ที่โรงพระเศวตวรลักษณ เวลาประมาณเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันต
สมาคม ประทับเกยหน้าพระทวารเทวราชดำรงศร ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยกระบวรนำแลตาม เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโรงพระเศวตวรลักษณ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมากร พระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นเกย ทรงรดน้ำพระเศวตวรลักษณ พระสงฆ์ก็สวดชยันโต ชาวประโคมกประโคมดุริยางค์ดนตรีขึ้นพร้อมกัน ครั้นทรงรดน้ำแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรด
เกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระปราบปรปักษ์ รดน้ำพระเศวตวรลักษณ ครั้นรดแล้ว เจ้าพนักงานจึงแต่งเครื่องช้างนั้นเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจิมแลพระราชทานกล้วยแก่พระเศวตวรลักษณ ครั้นแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงเจิมแลพระราชทานกล้วย แก่พระเศวตวรลักษณด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประเคนของไทยธรรมแก่พระสงฆ์ แล้วทรงพระกรุณา
โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ ประเคนของไทยธรรมแด่พระสงฆ์ต่อไป แล้วทรงพระเต้าสิโนทก พระโพธิวงศ์ก็ยถา พระสงฆ์สวดสพฺพี แลสพ์พพุทฺธา แล้วพระโพธิวงศ์ก็ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภวตุสพฺพถวายพระพรลา เจ้าพนักงานกรมสังฆการีย์จึงนำพระสงฆ์ออกมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ อยู่ประมาณครู่ใหญ่ จึงเสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งราชยาน ไปประทับพลับพลาทอดพระเนตรลคร อยู่จนเวลาบ่าย ๒ โมง เสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งราชยาน
แผ่นที่ ๓๓๑ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำ
ไปประทับเกยหน้าพระทวารเทวราชดำรงศร เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ในเวลาเช้าวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศสีขาวอย่างทหารราชวัลลภ ทรงสายสพายอย่างทหาร แลดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์ พระบรมวงศานุวงศ์ทรงเครื่องยศอย่างทหารบ้าง ฟรอกโก๊ตบ้าง บางองค์ก็ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ บางองค์ก็ไม่ได้ทรง ขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต
เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ประทับเกยหน้าพระทวารเทวราชดำรงศร ทรงพระที่นั่งราชยาน พร้อมด้วยกระบวรนำแลตาม เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโรงพระเศวตวรลักษณ แล้วพอพราหมณ์ก็เบิกแว่นเวียนเทียนโดยทักษิณาวัฏ ถ้วนตติยวารแล้ว ก็โบกควันแลเจิมตามอย่างตาม
ธรรมเนียม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ อยู่ประมาณครู่ใหญ่ จึงทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับพลับพลา ทรงทอดพระเนตรลคร อยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งราชยานแต่เกยที่พลับพลา ไปประทับเกยหน้าพระทวารเทวราชดำรงศร แล้วเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ในเวลา
เย็นวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศสีขาว อย่างทหารราชวัลลภ แต่มิได้ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยสวมเสื้อครึ่งยศตามตำแหน่งบ้าง ฝ่ายพลเรือนสวมเสื้ออิวนิงเดรศบ้าง ฟร็อกโก๊ตบ้าง การเล่นต่าง ๆ นั้น ทั้งเวลาเช้าแลเวลาเย็น ก็มีตามธรรมเนียมเหมือนอย่างแต่ก่อน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับณพลับพลาทรงทอดพระเนตรลครนั้น ในโรงพระเศวตวรลักษณ์ พราหมณ์ได้อ่านคำกล่อม ๓ บท
อนึ่งในเวลาวันนี้ ที่วังใหม่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ซึ่งอยู่ทิศใต้สุดถนนเจริญกรุง๑๑ ได้ตั้งการที่จะสวดพระพุทธมนต์ ก่อฤกษ์ฝั่งศิลารากที่ ๑ ที่พระตำหนัก เจ้าพนักงานได้เชิญพระไชยเนาวโลหะองค์ ๑ แลหม้อน้ำทอง ๑ หม้อ เงิน ๑ หม้อ ๆ เงินใหญ่ ๆ ๒ หม้อ บาตรทราย ๒ บาตรน้ำมนต์ ๒ แลมีแผ่นอิฐทอง ๓
แผ่น อิฐเงิน ๓ แผ่น อิฐนาค ๓ แผ่น ตั้งประดิษฐานไว้ในโรงพิธี เวลาบ่าย ๔ โมง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้เสด็จไปทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๑๐ รูป มีพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดมเปนประธานาธิบดี เจริญพระพุทธมนต์ เวลาทุ่มหนึ่งจม การในวันนี้สิ้นเท่านี้
โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์
แผ่นที่ ๓๓๒ ออกวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำ
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ไปจุดเทียนเครื่องนมัสการ แลปฏิบัติพระสงฆ์ ฉันที่พระที่นั่งพุทธมณเฑียร เปนการทำบุญวันประสูติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้น
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน ไปประทับโรงพระยาช้างพระเศวตวรลักษณ ซึ่งเข้าอยู่โรงใหม่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนแล้ว เสด็จออกทรงพระราชยานไปประทับเทยที่พลับพลา ทอดพระเนตรลคร ส่วนในโรงพระยาช้างนั้น พราหมณ์ก็ได้กล่อมพระยาช้าง เหมือนอย่างเวลาวานนี้ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ประทับทอดพระเนตรลครอยู่จนเวลารวนทุ่ม ก็เสด็จขึ้นทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรกลับขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จทรงพระราชดำเนิรไปประทับที่พระที่นั่งพุทธมณเฑียร ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วได้ทรงทอดผ้าไตรแลผ้าเช็ดหน้าสดัปกรณ์ แล้วทรงแจกเงินพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ แลทรงพระราชอุทิศเงินเฟื้องเงินสลึงถวายพระสงฆ์ซึ่งรับพระราชทานฉันแลสดัปกรณ์นั้น ครั้นแล้วก็เสด็จพระราชดำเนิรกลับยังพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ส่วนพระสงฆ์นั้นก็เจริญพระพุทธมนต์ไป
อนึ่งในเวลาเช้านั้น มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ราชเอดเดอแกมปหลวง เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการแลแขกเมืองออสเตรีย เข้าไปรับพระราชทานอาหารในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ในเวลาทุ่มหนึ่งนี้ ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ แลแขกเมืองออสเตรีย ได้เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทบนพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รศมี กรมหลวงจักร
แผ่นที่ ๓๓๓ ออกวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำ
พรรดิพงศ์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระยาพิพัฒนโกษา ๑ รวม ๑๐ ด้วยกัน แลแขกเมืองออสเตรีย
นั้น คือ เกานตโยเซฟซีชี ๑ เกานตอนเกิศตซีชี มิสเตอรริชแมน ผู้ว่าการกงสุลออสเตรีย ๑ รวม ๓ นาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสอยู่ด้วยแขกเมืองออสเตรียครู่หนึ่ง ก็เสด็จลงไปชั้นล่างประทับโต๊ะเสวย ฝ่ายซ้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ ต่อออกไป พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระองค์เจ้าเทวัญอไทยวงศ์ ๑ ข้างเบื้องขวานั้นคือ เกานตโยเซฟซีชี ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ มิศเตอรริชแมนผู้ว่าการกงสุล ๑ ตรงกับสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ เบื้องขวานั้น กรมหมื่มนเรศวรฤทธิ ๑ พระองค์เจ้าทวิถวัลยลาภ ๑ พระยาพิพัฒนโกษา ๑ เบื้องซ้ายนั้น เกานต์ออเกิศต์ซีชี ๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับเสวยอยู่จนเวลาเกือบ ๕ ทุ่ม เสวยแล้วก็เสด็จขึ้นชั้นบน ประทับตรัสด้วยแขกเมืองออสเตรีย จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ แขกก็กราบถวายบังคมลากลับ แล้วประทับอยู่จนเวลา ๒ ยาม ก็เสด็จขึ้น
อนึ่งในเวลาเช้าวันนี้นั้น ที่วังสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทำการก่อฤกษ์แลฝังแผ่นศิลารากตำหนัก มีพระสงฆ์ฉันในเวลาเช้า ๑๐ รูป ครั้นเวลาเช้า ๓ โมง พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการแลชาวต่างประเทศได้ไปพร้อมกันที่วังนั้น ครั้นได้ฤกษ์เวลาเช้า ๓ โมง ๔๙ นาที สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี
สว่างวงศ์ แลพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการแลชาวต่างประเทศ ได้ไปประชุมพร้อมกันริมแผ่นศิลาที่จะฝังรากตำหนักนั้น จึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ได้ทรงอ่านคำประกาศมีความว่า ข้าพเจ้าขอประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ที่มานี้ให้ทราบทั่วกันว่า ณวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำ ปีกุนสัปต ศึก เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ๔๙ นาที เปนวันมงคลกาล พร้อมด้วยฤกษดฤถีวาระอุดม จะได้ฝั่งแผ่นศิลารากที่ ๑ ของตำหนักนี้
แผ่นที่ ๓๓๔ ออกวันอังคาร เดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ
ด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์เห็นว่า ที่วังนี้เปนวังเดิม มีเจ้าต่างกรมใหญ่ ๆ เสด็จมาอยู่แต่ก่อนมาหลายพระองค์ คือ กรมหมื่นนรินทรเทพ กรมหมื่นนเรนทรบริรักษ์ แลกรมสมเด็จพระเดชาดิศร กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ ทั้ง ๔ พระองค์นี้ ได้เสด็จมาอยู่ แลเจ้าต่างกรมพระองค์อื่นมิได้เสด็จมาอยู่ ด้วยวังนี้เปนที่สำคัญอยู่ จึงโปรดให้ต่างกรมใหญ่เสด็จมาอยู่ เพื่อจะได้รักษาพระนครด้านตวันออก บัดนี้ที่วังว่างอยู่ สมควรจะพระราชทานให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า
ภาณุรังษีสว่างวงศ์ เสด็จมาอยู่ จึงมีพระบรมราชโองการ ดำรัสสั่งให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เปนผู้จัดการทำตำหนักนี้ แลเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี รับพระบรมราชโองการ ไปคิดจ้างเหมามิศเตอรยุกิงแกรซี ๆ ได้คิดทำอย่างแล้ว ทำหนังสือสัญญาพร้อมตกลงกันแล้ว มิสเตอรยุกิงแกรซีจึงได้ทำการตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ พร้อมการที่จะก่อฤกษฝังศิลารากที่ ๑ ซึ่งจะเปนต้นแรกก่อของตึกใหญ่นี้ต่อไป
แต่บรรดาที่ได้มาประชุมในที่นี้จงมีความยินดีพร้อมกัน ขอผู้ซึ่งสิ่งซึ่งเปนประธานในสกลโลกนี้ ขอจงช่วยอภิบาลรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้สร้างตึกนี้ ให้ทรงพระเจริญพระราชสิริสวัสดิ์ อิทธิวิบุลยผล พระชนมายุ
ยืนนานในสิริรัชสมบัติ จงขจัดสรรพภัยอันตรายทั้งปวง แลขอให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ที่จะได้เสด็จมาอยู่นี่ ให้ทรงพระเจริญสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล พระชนมสุขทุกทิวาราตรี ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณสดวกดีโดยยุติธรรม ขอให้อภิบาลรักษาพระตำหนักนี้ให้มั่นคง จงเจริญยืนยาวสิ้น กาลช้านาน
ครั้นทรงอ่านคำประกาศจบแล้ว ทหารปืนเล็กก็ได้ทำปริเซนต์อาม แตรก็ได้เป่าสรรเสริญพระบารมี ครั้นจบแล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทรงตักปูน
แผ่นที่ ๓๓๕ ออกวันอังคาร เดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ
เกลี่ยในพื้นราก แล้วพระสงฆ์ก็ได้สวดชัยมงคล เจ้าพนักงานก็ประโคมแตรสังข์พิณพาทย์พร้อมกันขึ้น มิศเตอรเยแกรซีได้ชักรอกเลื่อนศิลาออกจากที่ ไปลงยังรากที่เกลี่ยปูนไว้นั้น ครั้นแล้วพระยาเวียงในนฤบาล แลพระยาอัศนีสราภัย ได้ตักปูนเกลี่ยบนแผ่นศิลา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศได้ทรงก่ออิฐทอง อิฐนาค อิฐเงิน เปนฤกษแล้ว จีนก็ได้จัดทำการต่อไป ฝ่ายพระสงฆ์ยถาสัพพีแล้วก็กลับยังอาราม เปนสิ้นการก่อฤกษฝังแผ่นศิลารากตำหนัก
โดย ก. ม.นเรศวรฤทธิ
พระราชพิธีตรุษ
ณวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้าเจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ ได้จัดการตั้งพระแท่นมณฑลที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีม้าหมู่ลายจำหลักปิดทอง ๔ ม้า ม้ากลางที่สูงนั้นเชิญพระแก้วบุษยรัตนขึ้นประดิษฐานองค์ ม้าข้างขวาตรงหน้า ตั้งพระแก้วเรือนทองคำ๑๒ ๑ รองเข้าไปตั้งพระไชยใน
แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยองค์ ๑ ถัดเข้าไปตั้งพระไชยในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์ ๑ รวม ๓ องค์ ม้าข้างซ้ายตรงหน้าตั้งพระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้องค์ ๑ รองเข้าไปตั้งพระไชยในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวองค์ ๑ รองเข้าไปตั้งพระไชยในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวองค์ ๑ รวม ๓ พระองค์ หลังพระแก้วบุษยรัตน
ตั้งพระเจดีย์ถมตะทองบรรจุพระบรมธาตุองค์ ๑ ข้างขวาตั้งพระห้ามญาติเงินองค์ ๑ ข้างซ้ายตั้งพระห้ามญาติทองทรงเครื่ององค์ ๑ ข้างหลัง พระไตรปิฎกสังเขปคัมภีร์ ๑ พระภิกขุปาฏิโมกขแลภิกขุนีปาฏิโมกขคัมภีร์ ๑ รวม ๒ พระคัมภีร์ ข้างขวาแทนมณฑลนั้น ตรงหน้าตั้งเทวดากาไหล่ทองเชิญหีบพระราชลัญจกร รองเข้าไปตั้งหีบมีถุงสักหลาดแดงหุ้ม มีฉลองพระองค์นวมสำหรับพิชัยสงครามอยู่ในนั้น บนหลังหีบตั้งลุ้งพระมหามาลาเบี่ยง รองเข้าไปตั้งหีบพระมหาสังข์มีถุงสักหลาดแดงหุ้ม บนหลัง
หีบตั้งลุ้งพระมหาพิชัยมงกุฎ ข้างซ้ายแท่นมณฑลนั้นตรงหน้าตั้งเทวดากาไหล่ทองเชิญพระแสงขรรค์จีนองค์ ๑ ธารพระกรเทวรูปองค์ ๑ ธารพระกรศักสิทธิองค์ ๑ รวม ๓ องค์ รองเข้าไปตั้งหีบฉลองพระองค์ ๓๒ ชั้น สำหรับพิชัยสงคราม แลมีถุงสักหลาดแดงหุ้มนอก บนหลังมีหีบตั้งลุ้งพระมหามาลาเพ็ชร รองเข้าไปตั้งหีบพระมหาพิชัยมงคล แลเครื่องพิชัยสงครามต่างๆ มีถุงสักหลาดแดงหุ้มนอก บนหลังหีบตั้งลุ้งพระชฎาพระกลีบ
แผ่นที่ ๓๓๖ ออกวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ
ด้านข้างหลังพระแท่นมณฑลนั้น มีกระไดแก้วสำหรับพาดพระแสง ในวงกลางกระไดแก้ว ๓ ช่องนั้นผูกพระแสงศรพรหมาสตร์องค์ ๑ พระแสงศรอัคนีวาตองค์ ๑ พระแสงศรประไลยวาตองค์ ๑ รวม ๓ องค์นี้ช่องละองค์ กระไดแก้วข้างขวานั้นมีพระแสงตรีเพ็ชร์องค์ ๑ พระแสงหางช้างเผือก ๑ สององค์นี้ ผูกไว้เบื้องบน รองลงมาพาด
พระแสงขรรค์เนาวโลหะองค์ ๑ พระแสงดาบใจเพ็ชร์องค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นแฝดองค์ ๑ พระแสงทรงเดิมองค์ ๑ รวม ๖ องค์ กระไดแก้วข้างซ้ายนั้น มีพระแสงปืนนพรัตนองค์ ๑ พระแซ่บนจามรีองค์ ๑ สององค์นี้ยกไว้เบื้องบน รองลงมาพาดพระแสงจักรองค์ ๑ พระแสงขรรค์ไชยศรีองค์ ๑ พระแสงดาบคาบค่ายองค์ ๑ พระแห่งเวียดองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นฝักทองเกลี้ยงประดับเพ็ชร์องค์ ๑ รวม ๗ องค์ ด้านหลังตรงกลาง
ผูกพระแสงขอไม้เท้ากาไหล่ทององค์ ๑ พระแสงของ้าวพลพ่ายองค์ ๑ รวม ๒ องค์ ด้านหน้าพระแท่นมณฑลนั้น ตรงกลางหน้าพระแก้วบุษยรัตนออกมา ตั้งพานทองรองพระสุพรรณบัตร ทั้งขวาทั้งซ้าย ตั้งพานทองรองหีบเครื่องมหาพิชัยสงครามข้างละหีบ นอกพานพระสุพรรณบัตรออกมา ตั้งถาดรองพระเต้า ๕ กระษัตริย์ คือ พระเต้าทององค์ ๑ พระเจ้านากองค์ ๑ พระเต้าเงินองค์ ๑ พระเจ้าสัมฤทธิองค์ ๑ พระเจ้าศิลาองค์ ๑ กับพระถ้วย ๕ กระษัตริย์สำหรับพระเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ด้วย แลมีวันหยก
ตั้งกลางมีเทียนทองปัก แลข้างขวาแลข้างซ้าย ตั้งพระครอบพระกริ่งองค์ ๑ พระเต้าเนาวเคราะห์องค์ ๑ พระเต้าไกรลาสองค์ ๑ พระเต้าเบญจครรภน้อยองค์ ๑ พระเต้านพเก้า ๕ ห้ององค์ ๑ พระเต้าศิลาลงอักษร ๒ องค์ พระเต้าหยกองค์ ๑ พระเต้าประทุม ๑ องค์ พระเจ้าเทวปิดองค์ ๑ แลข้างเทวดากาไหล่ทองสองข้าง ๆ ในนั้น ตั้งเชิงเทียนไชยปักเชิงละ ๔ เล่ม แลใต้มาพระแก้วบุษยรัตนนั้น ตั้งหีบพระแสงจีบถุงชนิดเครื่องต้น
แผ่นที่ ๓๓๗ ออกวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ
แผ่นที่ ๓๗ เสาพระแท่นมณฑลทั้ง ๔ นั้น ได้ถูกพระกรรภิรมย์ ๓ องค์ ไว้องค์ละเสา อิกเสาหนึ่งผูกเศวตฉัตรพระคชาธารองค์ ๑ ใส่ถุงผ้าสักหลาดแดงทั้ง ๔ องค์ เสาข้างซ้าย ๒ เสา ได้ผูกธงนารายณ์ทรงครุฑ เสาข้างขวา ๒ เสาได้ผูกธงกระบี่ยุทธ แลทั้ง ๔ เสาได้ผูกพระแสงหอก พระแสงจ้าว พระแสงทวน เขน ถมตะทอง เสาละ
องค์ แต่ ๒ เสาหน้าได้ผูกพระแสงดาบอิกเสาละองค์ ๆ เสาหลังข้างขวาได้ผูกพระแสงปืนนาคใหญ่องค์ ๑ ข้างซ้ายได้ผูกพระแสงปืนคาบชุดองค์ ๑ แต่ชั้นล่างพระแท่นมณฑลด้านหน้า ตั้งเต้าน้ำกาไหล่ทองเต้า ๑ เต้าน้ำเงิน ๙ เต้า ใส่น้ำสระเกศเต้า ๑ สระแก้วเต้า ๑ ตรงกลางตั้งกระถางธูปหยกกระถาง ๑ ด้านหลังได้ตั้งเต้าน้ำทองขาว ๓ ชั้น ๔ เต้า เต้าสระคาเต้า ๑ สระยมนาเต้า ๑ มีโต๊ะจีนเครื่องหยกตั้ง
อยู่ข้างขวาข้างซ้ายพระแท่นมณฑลข้างละโต๊ะ ๆ ข้างขวาตั้งพระนิรันตรายองค์ ๑ โต๊ะข้างซ้าย ตั้งพระสยามเทวาธิราชองค์ ๑ กับพระเทวรูปอิก ๔ องค์ แลมีพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏองค์ ๑ พระเต้าทองคำองค์ ๑ อยู่บนโต๊ะนั้นด้วย ด้านหลังแท่นมณฑลนั้น ตั้งหีบใส่มงคล ๔ หีบ กับพานแว่นฟ้าใส่มงคล ตั้งบนหลังหีบนั้นด้วย ภายใต้พระแท่นมณฑลนั้น มีกระบองเพ็ชรแลพิศมร ข้างขวาพระแท่นมณฑลหลังโต๊ะจีนซึ่งตั้งพระนิรันตรายนั้น ตั้งปืน ๒ บอก ชื่อมหาฤกษ์ ๑ มหาไชย ๑ ข้างซ้ายแท่น
มณฑลหลังโต๊ะจีนซึ่งตั้งพระสยามเทวาธิราช ตั้งปืน ๒ บอก ชื่อมหาจักร ๑ มหาปราบยุค ๑ หน้าพระแท่นมณฑลนั้นตั้งที่นมัสการม้าจำหลักปิดทอง ที่มุขด้านปัจฉิม (ตวันตก) ตั้งเตียงพระสงฆ์สวดท้องภาณ หน้าเตียงออกมานั้น ตั้งตู้หุ้มผ้าสีขาวใส่เทียนไชย แล้วมีสายสิญจน์วงรอบพระแท่นมณฑล โยงมาที่ตู้เทียนไชย แลรอบพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วโยงไปที่สรงแลเขาไกรลาส ที่มุขด้านใต้ตั้งเก้าอี้ ๕ เก้าอี้ สำหรับหม่อมเจ้าซึ่งโสกันต์มาฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์๑๓
โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)
ณวันอังคาร เดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จไปประทับเกยณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชดำเนิรไปประทับทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์จึงถวายศีล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงจุดเทียนชนวน ๑ เล่ม ทรงถวายแด่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์
แผ่นที่ ๓๓๘ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ
กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์จึงทรงรับไปจุดเทียนไชย ในเวลาที่จุดนั้นพระสวดคาถา แลพิณพาทย์ประโคมจนสุดแล้ว เสด็จกลับมาประทับตามที่ แล้วพระสงฆ์จึงสวดถวายพรพระตามธรรมเนียม ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประเคนพระสงฆ์ พระสงฆ์จึงรับพระราชทานฉัน ครั้นรับพระราชทานฉันแล้ว ก็ถวาย
ยถาสัพพแลอตเรก แล้วถวายพระพรลากลับไปยังอาราม ในขณะพระสงฆ์ฉันอยู่นั้น พระมหาราชครูพิธี ได้ถวายน้ำสังข์ ครั้นพระสงฆ์กลับไปยังวัด ยังเหลืออยู่แต่พระราชา คณะผู้นั่งปรกกับพระพิธีธรรม ๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จไปที่เตียงสำหรับสวดท้องภาณ พระพิธีธรรมก็ขึ้นไปบนเตียง พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว จึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการที่ตั้งอยู่บนเตียงนั้น แล้วพระสงฆ์ก็สวด แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการประมาณครู่หนึ่งจึงเสด็จกลับ เวลาเช้า ๔ โมงครึ่งเศษ ในเวลาเช้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ตสีกรมท่า หาได้ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศไม่ แต่พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการ สวมเสื้อฟรอกโก๊ตสีต่าง ๆ พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานฉันในเวลาวันนี้นั้น กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ๑ เปนประธานาธิบดีในที่นั้น พระราชาคณะ ๑๙ รูป ถานา ๘ พิธีธรรม ๔๐ รวม ๖๘
เวลา ๔ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เข้าไปเฝ้าจนเวลา ๕ โมงเศษกลับออกมา ครั้นเวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จขึ้นเกยหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จไปประทับเกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จไปประทับทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์จึงถวายศีล ครั้นจบแล้ว จึงเสด็จไปประทับยังพระที่นั่งโทรน พระสงฆ์จึงเจริญพระพุทธ มนต์ สิบสองตำนาน ตามแบบอย่างแต่ก่อนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชดำเนิรมาประทับตรัส
แผ่นที่ ๓๓๙ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ
ด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการ พระสงฆ์จึงสวดจบแล้ว พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จกลับมาทางเก่า เสด็จขึ้น เวลาทุ่มเศษ เวลาเย็นวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการ สวมเสื้ออิวนิงเดรส
แจ้งความ
ข่าวราชการเมื่อวันอังคาร เดือน ๔ แรม ๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ ที่ลงบอกณวันพุธ เดือน ๔ แรม ๖ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ ที่ว่าด้วยทำบุญวันประสูติ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แลกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ คือ เหมือนกัน ร่วมวันเดียวกัน เวลาเช้า ๓ โมงเศษ โปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ เสด็จไปทรงประเคน ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ก็
ถวาย ยถา สพฺพี กลับไปยังวัด แล้วพระสงฆ์วัดระฆังโฆสิตาราม แลวัดพระเชตุพน ๒๐๐ รูป เข้าไปสดัปกรณ์ ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธรูป ที่พระพุทธนิเวศน์ มุขด้านเหนือ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าไตรๆ หนึ่ง ผ้าขาวอีก ๔ พับ รวม ๕ ด้วยกัน จึงทรงพระราชอุทิศถวาย ในกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย
ด้วยในวันนี้เปนวันคล้ายกันกับวัน ประสูติ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แลกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ตามจันทรโคจร ครั้นพระสงฆ์สดัปกรณ์แล้ว พระอมรโมลีจึงได้ถวายพระธรรมเทศนาแก้ด้วยพระมหาธรรมสมาทาน ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าแลถวายเครื่องกัณฑ์ต่าง ๆ ตามอย่างธรรมเนียม แต่พระสงฆ์จึงถวาย ยถา สพฺพี อติเรกถวายพระพรลากลับออกมา ขอท่านทั้งหลายจงทราบเทอญ
โดย ทองแถมถวัลยวงศ์
แจ้งความ
แจ้งความมายังท่านทั้งหลายได้ทราบ ด้วยหนังสือคอตซึ่งออกในวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ แผ่นที่ ๓๓๗ ว่าด้วยข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง ในวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ นั้น ข้าพเจ้ายังอธิบายไม่หมด
แผ่นที่ ๓๔๐ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ
บัดนี้ข้าพเจ้า จะได้อธิบายต่อไป เวลาบ่ายเจ้าพนักงานกรมสังฆการียจึงนิมนต์พระสงฆ์ พระราชาคณะ ๒๐ รูป มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน เข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หม่อมเจ้าที่จะโสกันต์ ๔ องค์ คือ ที่ ๑ หม่อมเจ้าชายทินวุฒ ที่ ๒ หม่อมเจ้าหญิงมารศรี รวม ๒ พระองค์ ในพระเจ้าบรมวงศ์
เธอ กรมขุนวรจักธรานุภาพ ที่ ๓ หม่อมเจ้าหญิงเผือก ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี ที่ ๔ หม่อมเจ้าหญิงสวาดิ ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัย นฤเบนทราธิบาล ที่ ๕ หม่อมเจ้าชายเล็ก ในพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ก็มาคอยฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์พร้อมกัน เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทาง พระที่นั่งอนันตสมาคม ประทับเกยทรงพระที่นั่ง
ราชยานไปประทับโรง พระเศวตวรลักษณ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ชีพอพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนโดยทักษิณาวัฏถ้วนตติยวารแล้ว ก็ดับเพลิงโบกควันแลเจิมตามอย่างตามธรรมเนียม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระที่นั่งราชยาน แต่โรงพระเศวตวรลักษณ ไปประทับพลับพลาทอดพระเนตรลครอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จทรงพระที่นั่งราชยานแต่พลับพลาโรงลคร ไปตามหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเลี้ยวถนนข้างวัด เข้าประตูพิมานไชยศรี ไปประทับเกย
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จขึ้นทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ก็ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว จึงทรงจุดเทียนที่โต๊ะจีน ซึ่งตั้งพระนิรันตรายแลพระสยามเทวาธิราช พระสงฆ์สวดทวาทศปริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลาทุ่มเศษ พระสงฆ์สวดจบ จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระเก้าอี้เหลืองโทรน กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภวตุสัพพ แล้วพระพิมลธรรม ถวาย
แผ่นที่ ๓๔๑ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ
พระพรลาแทนพระสงฆ์ทั้งปวง แล้วก็กลับไปยังอาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ประมาณครู่หนึ่ง จึงเสด็จพระราชดำเนิรทรงพระที่นั่งราชยาน แต่เกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มาประทับเกยหน้าพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลายามเศษเสด็จขึ้น ในการสมโภชพระเศวตวรลักษณวันนี้ เวลาเช้าแลเป
นการเล่นก็มีตามธรรมเนียม เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพลับพลาทอดพระเนตรลครนั้น ในโรงพระเศวตวรลักษณ พราหมณ์ได้อ่านคำกล่อม ๓ บท ในเวลาวันนี้ ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ แต่มิได้ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ พระบรมวงศานุวงศ์ทรงเครื่องยศอย่างทหารช้าง อิวนิงเดรศบ้าง ฟร็อกโก๊ตบ้าง ขุนนางข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน สวมเสื้ออิวนิงเดรศ ฝ่ายกรมวังแลทหารตำรวจสวมเสื้อครึ่งยศตามกรม
อนึ่งในเวลาวันนี้ ที่ศาลาวัดสุทัศนเทพวราราม แลป้อมรอบพระนคร แลโรงพิธีฟากข้างโน้น เวลาเย็นได้มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์พิธีตรุษด้วยตามธรรมเนียม
โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)
แผ่นที่ ๓๔๒ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ
แจ้งความ
ณวันศุกร์ เดือน ๔ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ นี้ เปนวันที่สุดปลายปีกุนสัปตศก นับตั้งแต่วันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๑๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ คิดรวมหนังสือคอตที่ได้ออกมาถึง ๖ เดือนเศษ ในเวลาพรุ่งนี้ก็เปนวันปีใหม่ คือปีชวด ข้าพเจ้าจะต้องเก็บรวบรวมหนังสือคอตตั้งแต่แรกตั้งมา รวมเย็บเปนเล่ม ๑ ถ้าท่านทั้งหลายจะต้องประสงค์เย็บเข้าเปนเล่มแล้ว ก็ขอให้รวบรวมหนังสือคอตส่งมาให้หมดตามลำดับ ข้าพเจ้าจะเย็บให้ท่านโดยงามดีทีเดียว แลจะมีหนังสือขายอิกเปนเล่ม ๆ ละ ๑๐
บาท กว่าหนังสือคอตจะหมด แลจะต้องเก็บเงินค่าที่ท่านทั้งหลายได้รับหนังสือคอตต่อไป เปนเงิน ๑๐ บาทเสมอกับหนังสือขาย แลหนังสือนี้เปนส่วนหนึ่งเรียกว่า หนังสือคอต แลต่อไปจะต้องเปนปีละ ๒ เล่ม เพราะหนานักดูไม่ใคร่จะงาม คิดเปนเงินปีละ ๒๐ บาท แต่ที่ว่าไว้แต่เดิมว่าจะเปนของแจกนั้น ก็เพราะยังไม่ทราบราคาแน่ จึงได้บอกว่าจะสับสคริบแชนต่อทีหลัง การนี้ก็เปนการแน่ทราบราคาจึงต้องบอกว่าเปนหนังสือขาย แลเก็บปีหนึ่ง ๒๐ บาทเสมอทุก ๆ ปี พอเปนค่ากระดาษแลเครื่องใช้ต่อไป
อนึ่งหนังสือคอตนี้ดูเหมือนจะแพงกว่าหนังสือราชกิจจานุเบกษามาก คือจะแพงอย่างไร คือต้องตีออกทุกๆวัน แลเปนของแบบตำหรับต่อไปข้างหน้าแลลำบากที่จะแต่งจดจำเปนของละเอียดมาก การจึงแพงนัก ณวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ จะต้องเปนวันขึ้นเล่มใหม่ แลเปลี่ยนหน้าหนังสือว่าข่าวราชกา
รเปนภาษาสยาม แลจะตลอดยืดยาวมาตามเดิม จนถึงเดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่ำเปนหมดเล่ม ๒ แลตั้งเล่มใหม่ตั้งแต่เดือน ๑๑ ขึ้นค่ำ ๑ ไปจนถึง เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำเปนเล่ม ๓ แลจะตีต่อไปปีละ ๒ เล่ม ข่าวการก็จะเปนเหมือนหนังสือคอต แลหนังสือคอตนั้นได้ตี ๒๐ ฉบับก่อน ต่อมาจึงได้ตี ๕๐ ฉบับ ถ้ามีใครมาขอลงชื่อรับหนังสือ
ก็ได้โวดกันในพวกเมมเบอผู้แต่งหนังสือนี้ มีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระวงศ์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๗ พระองค์ ถ้าทรงเห็นพร้อมกันว่าคนนั้น
แผ่นที่ ๓๔๓ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ
ควรจะรับหนังสือนี้ได้แล้ว จึงจะยอมให้ผู้นั้นรับหนังสือนี้ไป ถ้าไม่ทรงเห็นพร้อมกัน ก็จะบอกให้ไม่ได้ คือคนนั้นเปนคนฟุ้งซ่านที่จะทำให้หนังสือคอต ที่มีคุณมีประโยชน์ต่อไปข้างหน้าให้เสื่อมเสียไปได้นั้น ด้วยผู้นั้นเปนคนปากโรค มักติเตียนหนังสือคอตต่าง ๆ มักจะไปพูดต่าง ๆ ที่จะให้เสียในราชการ แลหนังสือนี้เปนของดีที่สุดที่จะต่อไปข้างหน้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตให้ตั้งขึ้น
แล้ว ถ้าจะให้คนอย่างนั้นรับไปแลเห็นเข้าได้ ก็จะทำเหมือนอย่างที่ว่ามาแล้วนั้น ชักให้พระองค์เจ้าผู้แต่งหนังสือคอตแลผู้จัดการพิมพ์ท้อถอยพระทัยไป อนึ่งต้องดูคนที่จะให้ไปต้องให้มีประโยชน์สักหน่อยหนึ่ง อย่าให้ไปเก็บไว้เปล่า ๆ ป่วยการที่จะให้ไป แลการเหล่านี้ต้องถือตลอดไปจนหมดอายุหนังสือข่าวราชการ แลเปลี่ยนเปนหนังสือข่าวราชการแล้ว จะต้องตีอยู่ใน ๒๐๐ ฉบับเลย แต่ผู้รับนั้นน้อยตัวนัก เงินไม่พอที่จะ
ใช้การนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ จะต้องจัดการใช้เงินค่าใช้สรอยเหล่านี้ให้เสร็จ แลจะได้เย็บเปนเล่มไว้ ต่อไปข้างหน้า ขายเปนเล่มราคาอย่างนั้นเหมือนกัน อนึ่งถ้าใครจะมาซื้อลงชื่อเพิ่มเติมอิกก็ได้ ตามแต่ประสงค์ของตน แต่ต้องโวดเมมเบอรเหมือนกับแต่ก่อน จึงจะยอมให้ซื้อไปได้ แต่ผู้ที่ได้รับไว้แต่ก่อนนั้น จะมาซื้อไปอิกเล่มหนึ่งสองเล่มก็ตามใจ แต่ต้องซื้อตามราคาหนังสือนั้น ถ้าผู้ใดอยากจะรับหนังสือนี้ ก็ให้มาบอกขอตามที่ว่ามาแล้ว แต่ต้องระวังตัวให้มาก อย่าให้อี
ฉุกอีฉุยนัก เปนข่าวราชการอยู่จะรับได้แต่ชาวสยาม ขอท่านจงระวังให้มาก เมื่อเมมเบอรเห็นควรจะคัดออก ก็จะเอาออกได้ตามประสงค์ แต่คนรับมักกลัวไม่มีใครที่จะมาขอ ด้วยกลัวจะต้องคัดออกแลอายมาก การนี้ไม่ต้องกลัวเลย ข้าพเจ้าอยากจะให้
ท่านทั้งหลายรับมากจะได้พอใช้การในโรงพิมพ์ ถ้าท่านดีเชื่อตัวได้แล้ว ก็ควรจะมาขอซื้อได้ไม่ต้องกลัวสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย พวกเมมเบอรคงจะทำให้เปนยุติธรรมตลอดไป ไม่ให้ว่าได้ ด้วยหนังสือนี้มีประโยชน์มาก แต่แรกหนังสือคอตนั้นได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฉบับ ๑ มีคนรับคือ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ๑ สมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยค ๑ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ หม่อมเจ้าวัชรินทร ๑ หม่อมเจ้าต๋ง ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑
แผ่นที่ ๓๔๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ
เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ หนังสือนี้เลือกตัวให้ไปไปรเวตจึงจะสมควรกับหนังสือข่าวราชการ อนึ่งแต่แรกท่านทั้งหลายได้ให้คนมารับทุก ๆ วันเสมอ แลถ้าหนังสือค้างเจ้าพนักงานโรงพิมพ์ก็ได้เอาหนังสือไปส่ง แลรับเงินปรับแก่ท่านผู้ที่ได้ลืมนั้น เปนเงินใบละเฟื้องเสมอทุก ๆ ใบ แต่ยังนั้นยังปรับไม่ได้ขาดเลย จะเรียกเงินก็ยากทีละเฟื้อง ๆ บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าหนังสือก็เปลี่ยนขึ้นใหม่ ควรจะให้มีคนไปส่งเสมอมิให้ขาดได้ทุกๆ เวลาเช้าทุกๆ คน ค่าปรับแต่ก่อนก็แพงนัก ไม่สู้จะเปน
ยุติธรรมดี เดี๋ยวนี้จะให้คนไปให้ทุกๆวัน ก็จะต้องคิดเงินเพิ่มขึ้นอีกปีละ ๒ บาทเสมอทุก ๆ ปี ตามบ้านไกลบ้านใกล้ แลจะเลิกธรรมเนียมปรับเงินเฟื้องเสียให้หมด ไม่ให้เปนที่ลำบากแก่ท่านทั้งหลายเลย เด็กผู้ที่ส่งหนังสือนั้นจะได้แต่งตัวใส่เสื้อกางเกงสีน้ำเงิน สพายกระเป๋าหนังสือ ท่านทั้งหลายจะได้เปนสังเกตให้ชัด แต่จะคิดจ้างไปส่งทุกๆวัน แลข้าพเจ้าไว้ใจว่า ท่านทั้งหลายคงจะเต็มใจยอมให้มีคนไปส่ง ด้วยราคา
ก็ถูกเปรียบเอาราชกิจจานุเบกษา ๆ นั้นส่ง ๗ วันต่อหนหนึ่ง ราคาเปน ๒ บาทเท่ากัน แต่หนังสือนี้ส่งทุกวัน ก็ควรจะเปนที่ชักน้ำใจให้มีคนไปส่งได้ อนึ่งคนเหล่านี้จะต้องเปนคนส่งหนังสือฝากด้วย เพิ่มออกจากหนังสือข่าวราชการ ถ้าเวลาเช้าหนังสือไป
ถึงบ้าน ถ้าท่านทั้งหลายผู้รับหนังสือจะส่งหนังสือฝากมาถึงท่านผู้หนึ่งผู้ใดก็ตามแต่จะส่งได้ เหมือนหนึ่งว่าภาษาอังกฤษที่เรียกว่า โปศตแมน แต่จะต้องมีสแตมป์ คือตราอย่างหนึ่งที่เปนกระดาษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ปิดลงที่หลังเมื่อเวลาจะส่งให้กับเด็ก แลเขียนชื่อของตัวลงทับสแตมป์เสียแทนตรา ให้เปนที่สแตมป์ชำรุดใช้ไม่ได้ ถ้าท่านจะ
ส่งหนังสือให้กับเด็กโปศตแมน ถ้าไม่ได้ปิดตราเด็กจะไม่รับเลยเปนอันขาด ฤๅไม่ได้เซนชื่อของนั้นทับหลังสแตมป์ส่งเด็ก ก็จะไม่ให้รับหนังสือเหมือนกัน อนึ่งสแตมป์นั้น ถ้าท่านทั้งหลายจะต้องการ ก็ต้องมาขึ้นเอาจากโรงพิมพ์หนังสือข่าวราชการ ด้วยเปนของเพิ่มเติมในหนังสือข่าวราชการนี้ เอาไปตามมากแลน้อย ที่จะสำหรับใช้การให้พอได้ คิดเปนอันละอัฐรวดเสมอ พอให้ค่าที่จะเปนรางวัลเปนบำเหน็จแก่เด็กผู้ส่งหนังสือขึ้นอิกชั้นหนึ่ง แลที่ไม่มีโปศตออฟฟิศนั้น กลัวจะเปนที่ลำบากมาก ด้วยเปนของส่งกัน
แผ่นที่ ๓๔๕ ออกวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ
ไกล ๆ งอกออกจากหนังสือข่าวราชการ กลัวจะเปนที่ลำบากที่จะต้องตีตราแลอื่นๆนั้น การจึงต้องบังคับให้เขียนชื่อทับสแตมป์ เพื่อจะให้สแตมป์เสียไม่ให้ปลอมได้ด้วยออฟฟิศไม่มี เมื่อถึงกำหนดแล้วจึงจะทำบิลไปรับเงินค่าซื้อสแตมป์อิกทีหนึ่ง ถ้าท่าน
ทั้งหลายจะส่งหนังสือไปถึงผู้ที่อยู่ในพระนครชั้นใน ท่านผู้นั้นจะต้องปิดสแตมป์อันหนึ่ง ราคาอัฐหนึ่ง เปรียบเหมือนหนึ่งว่าค่าจ้างใบละอัฐ ตอนใกล้ก็ดี ไกลก็ดี แต่ถ้านอกคูพระนครชั้นในออกไป ท่านทั้งหลายจะต้องปิดสแตมป์สองอันเปนราคาสองอัฐ
ถ้าปิดน้อยไป โปสตแมนจะไม่รับเอาไปส่ง แลถ้าเขาคิดเห็นว่าไกลยากที่จะไปส่ง คนนั้นจะต้องขอหยุดส่งไม่ได้ การที่จะส่งหนังสือฝากนี้ก็เปนของเพื่อเหตุจากหนังสือข่าวราชการ เพราะว่าพอจะเปนประโยชน์ในคนส่งหนังสือได้บ้างเล็กน้อย คือเมื่อท่านทั้งหลายจะส่งหนังสือก็จะได้ส่งโดยเร็ว แลไม่เปนที่ลำบากแก่บ่าวไพร่ ด้วย
ใช้บ่าวนั้นมักจะไปช้าบิดพลิ้วเสียโดยมาก นี้เปรียบเหมือนหนึ่งใช้ลูกจ้างเหมือนกัน การคงจะดีกว่าเปนแน่ เปรียบเหมือนอย่างก๊าดเชิญ แลก๊าดชื่อเปนของมาก ควรที่จะส่งไปที่โปศตแมนนี้ ก็จะไปส่งให้ทันใจของท่านได้ เห็นการมีประโยชน์ได้บ้าง จึงคิดแกมเข้ากับหนังสือราชการนี้ แต่ท่านทั้งหลายคงจะไม่มีการส่งหนังสือที่โปศตแมน ด้วยเห็นว่าเปลือง ส่งบ่าวดีกว่าเปนแน่ แต่บางท่านที่คิดอย่างหนึ่ง แลชอบในการโปศตแมน ก็คงจะส่งที่หนังสือนี้บ้าง ข้าพเจ้าขอตามใจท่านทั้งสองอย่าง ด้วยเปนของ
เล็กน้อย เนื่องออกจากคนส่งหนังสือข่าวราชการเท่านั้น เปนของไม่สู้สำคัญอะไรนัก อนึ่งหนังสือข่าวราชการที่จะให้คนไปส่งนั้น จะต้องมีสแตมป์อิกอย่างหนึ่ง ปิดกันปลอมไปให้ท่านทั้งหลายใบละอันเสมอ แลการสแตมป์เหล่านี้ ถ้าท่านทั้งหลายยังไม่รู้จะเข้าใจดี ก็ขอให้ถามท่านผู้ที่เข้าใจนั้นให้ทราบความชัดดีเถิด ถ้าทราบแล้วจงเชิญมาซื้อสแตมป์เมื่อไรก็ตามใจ กำหนดคนส่งหนังสือฤๅโปศตแมน แลเปลี่ยนหนังสือเปนข่าวราชการจะได้ออกในวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ ขอท่านจงทราบเทอญ๑๔
โดย ผู้จัดการพิมพ์
๑. เวลานั้นสายโทรเลขยังทำไม่แล้ว ↩
๒. ตรงนี้ความขาด มีบอกแก้ ในแผ่นที่ ๓๐๒ ต่อกับ ๓๐๓ ↩
๓. ที่ปากคลองตลาดซึ่งสร้างโรงเรียนราชินีบัดนี้ ↩
๔. วังนี้อยู่ในบริเวณโรงเรียนราชินีเดี๋ยวนี้ตอนข้างเหนือ ↩
๕. ความชัดเจนอยู่ในแผ่นที่ ๓๑๕, ๓๑๖ ↩
๖. ตรงนี้ผิด มีบอกแก้ในแผ่นที่ ๓๒๑ ↩
๗. คนปลาดนี้เปนชาติกันนากะอยู่ทางเกาะบอเนียว ลงเรือคลื่นชัดมา มีเรือกำปั่นที่จะเข้ามากรุงเทพ ฯ พบเข้า จึงรับเข้ามาส่งในกรุงเทพ ฯ พูดภาษาอื่นไม่ได้นอกจากภาษาของตน พบใครก็บอกแต่ว่า “กันนากะ” ๆ เท่านั้น ↩
๘. ตรงนี้ความขาด มีบอกแก้ในแผ่นที่ ๓๒๕ ↩
๙. คือถนนอัษฎางค์บัดนี้ แต่ในสมัยนั้นทำไปเพียงระหว่างถนนเจริญกรุงกับถนนบำรุงเมือง ↩
๑๐. ข่าวโดยจะแจ้งลงไว้ ในแผ่นที่ ๓๓๙ ตอนแจ้งความ ↩
๑๑. คือวังบูรพาภิรมย์บัดนี้ ↩
๑๒. ตรงนี้ความยังขาด บอกแก้ไว้ในหนังสือข่าวราชการเล่ม ๒ แผ่นที่ ๗ ↩
๑๓. ข่าวราชการวันจันทร์นี้ลงไม่หมด ไปลงต่อไว้ในแผ่นที่ ๓๓๙, ๓๔๐, ๓๔๑, ตอนแจ้งความ ↩
๑๔. วิธีปิดสแตมป์ส่งหนังสือคอตแลรับส่งจดหมาย ซึ่งพรรณามาในแจ้งความนี้ เปนมูลที่จะเกิดมีไปรษณีย์ขึ้นเมืองไทย ในเวลาต่อมา ↩
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย