20 ธ.ค. 2024 เวลา 13:30 • ไลฟ์สไตล์

จากเงินเดือน 15000 เพิ่มเป็น 20000 , 30000 ,50000 ,100000 ชีวิตเปลี่ยนกันไหม?

มีคนตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ว่ารูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปไหม ระงับสติอารมณ์จากการกินของหรู ซื้อบ้านใหม่ รถใหม่ เสื้อผ้าใหม่ ฯลฯ หรือประหยัดเงินอย่างไรบ้าง และนำเงินที่เพิ่มขึ้นไปทำอะไร?
เป็นคำถามที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว
มีบางคำตอบจากกระทู้ที่อยากเอามาแชร์
💬 ความเห็น A : จะเปลี่ยนมากเปลี่ยนน้อย แต่เปลี่ยนแน่นอนค่ะ
💬 ความเห็น B : โดยรวมๆ กิเลสเยอะขึ้นแน่นอนครับ ความอยากมี อยากได้ มีสูงขึ้น แต่ก็มีสติมากพอ ที่จะรู้จักแบ่งเงินไว้เก็บ ไว้ลงทุนครับ
💬 ความเห็น C : ก็เปลี่ยนนะ ใช้ฟุ่มเพื่อยขึ้น แต่เก็บเงินมันก็ต้องเก็บได้เยอะขึ้นด้วยสิ เพราะถ้าแบ่งการใช้เงินเป็น % เมื่อรายได้เพิ่ม งบทั้งเงินเก็บ เงินใช้จ่ายมันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยอยู่ดี
💬 ความเห็น D : ของเราเปลี่ยนไปมากๆค่ะ .....
แรกๆที่เริ่มทำงาน เงินเดือนน้อย ภาระยังน้อย ใช้น้อย ใช้ประหยัด ไม่มีหนี้สิน
ช่วงต่อๆมา เงินเริ่มมากขึ้น ภาระเริ่มมีมาก ใช้จ่ายได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีหนี้
ช่วงหลังๆนี้ เงินเดือนรับมากขึ้น ภาระก็มีมากขึ้น แต่ยังใช้จ่ายปกติ หนี้สินก็มีมากขึ้นตามฐานะ
หันหลังมองกลับไปแล้วรู้สึกว่า ตอนที่ไม่มีเงิน เราอยู่ได้เพราะไม่มีหนี้ แต่พอมีเงินหนี้สินก็เติบโตตาม
💬 ความเห็น E : ไม่เปลี่ยนครับ ไม่ว่าจะ 15,000 50,000 80,000 เพราะเมียเก็บหมด แล้วให้ใช้วันละ 100 😅
2
อันสุดท้ายนี่พีคสุด แม้จะแอบเศร้าไปสักหน่อย แต่เชื่อว่าเงินที่เก็บออมสำหรับลงทุนเพื่ออนาคตมีเยอะอย่างแน่นอน 😆
✅ ยังไงก็ตาม เมื่อพิจารณาคำถามนี้แล้ว เชื่อว่าเมื่อเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นวิถีชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เพราะมนุษย์ทุกคนอยากมีความสุขในชีวิต มีชีวิตที่สบายในระดับหนึ่ง และเงินก็ซื้อความลำบากหลายๆ อย่างในชีวิตทิ้งไปได้
ประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่อยากจะเน้นย้ำตั้งแต่เงินเดือนยังน้อย คือความสำคัญของการสร้างนิสัยการจัดการเงินที่ดี (แบ่งเงินเป็นสัดเป็นส่วนและติดตามการใช้เงินของตัวเองอย่างใกล้ชิด)
ยิ่งการมีเงินน้อย เราต้องคอยตรวจสอบเป็นประจำ รู้ว่าเงินเข้าเงินออกตรงไหน ติดลบตัวแดงรึเปล่า ตอนนี้เงินเหลือแต่ละเดือนอาจจะมีไม่มาก 300, 500 อะไรว่ากันไป อย่าไปสร้างภาระหนี้สินเยอะเกินตัว
🧐 ลองใช้สูตร 50/30/20
50% ใช้สำหรับสิ่งที่จำเป็น (Needs) : ค่าเช่าบ้าน ผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ ฯลฯ
30% ใช้สำหรับสิ่งที่อยากได้ (Wants) : เก็บเงินเพื่อเดินทาง ของใช้ภายในบ้าน หรืองานอดิเรก ฯลฯ
20% ใช้สำหรับออมและลงทุน (Savings) : เงินส่วนที่จะเก็บออมไว้สำหรับเมื่อจำเป็น (emergency fund) หรือเงินลงทุนเพื่อการเกษียณ (หรือจ่ายหนี้บัตรเครดิตที่ยังติดค้างอยู่)
ในทางทฤษฎีแล้วสูตร 50/30/20 ดูมีเหตุผลและ ‘ถ้า’ ทำได้ก็คงดีไม่น้อย เพียงแต่ว่าในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ค่าเช่าบ้านก็แพง อาหารก็แพง ทุกอย่างต้องใช้เงินไปหมด ชักหน้าจะแทบไม่ถึงหลังอยู่แล้ว บางคนมีภาระทางบ้าน บางคนอาจจะเพิ่งเริ่มทำงานเงินเดือนยังไม่เยอะ บางคนอาจจะอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนงาน
กลายเป็นว่าสูตรการเงินแบบ 50/30/20 นั้นตึงมือไปสักหน่อย ไม่ใช่แค่ยาก บางทีอาจจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
🎯 ช่วงเงินน้อยๆ ลองปรับเป็นสูตร 60/30/10 ดูก็ได้ ออมน้อยลงแล้วไปใส่ในส่วนของสิ่งจำเป็นมากขึ้น
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ก็สามารถค่อยๆ เพิ่มอัตราการออมขึ้นเมื่อคุณเข้าสู่วัยกลางคน และเงินเดือนเพิ่มขึ้น หาความรู้การลงทุนควบคู่ไปด้วย อาจจะแบ่งเงินบางส่วนมาเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ที่เรามีความเข้าใจบ้างก็ได้
สิ่งสำคัญคือควรจะออมให้ได้เป็นเงินอย่างสม่ำเสมอ ถ้า 60/30/10 ยังไม่ไหว ก็ออมเท่าที่ไหว ที่สำคัญคือการสร้างนิสัยการเงินที่ดี เพื่ออนาคตของเรามากกว่า
นิสัยการเงินที่ดี เปิดโอกาสเพื่ออนาคตการเงินที่มั่นคง
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือเมื่อสถานะการเงิน การงาน และชีวิตเริ่มดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น เราก็ควรปรับสูตรการเงินของเราตามไปด้วย ไม่ใช่ว่าตอนนี้เก็บ 10% พอเงินเดือนขึ้น อยู่สบายแล้ว ผ่านไป 10 ปี ก็ยังเก็บเท่าเดิม อันนี้อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีนัก
ที่สำคัญอีกอย่างคือนอกจากจะเก็บเงินเอาไว้สำรองฉุกเฉินแล้ว ถ้ามีหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงๆ ให้พยายามจัดการเรื่องนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนนี้มีเงินเดือน 15,000 บาท แล้วขยับเป็น 30,000 บาท ถือว่าเงินเพิ่มขึ้นมาเท่าตัวเลย การใช้ชีวิตจะสบายขึ้น ห้องเช่าอาจจะขยับไปที่ปลอดภัยมากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้ที่ทำงานอีกหน่อย แต่ยังต้องอยู่ในงบที่ตั้งเอาไว้ และจัดการเงินและภาระให้ดี
😳 พอเงินเพิ่มเป็น 50,000 หรือ 100,000 ตรงนี้ชีวิตจะเริ่มมีทางเลือกมากขึ้น สิ่งที่ต้องระวังคือ Lifestyle Inflation หรือค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น มันไม่แปลกครับที่เราจะใช้ชีวิตที่สบายขึ้น แต่เงินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้การันตีว่าจะมีเงินเหลือเยอะขึ้นถ้าไม่จัดการให้ดี
ที่สำคัญครับต้องหาทางเอาเงินไปลงทุน ต่อยอด ในสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อและวางแผนเพื่อการเกษียณด้วย เพราะเงินเอาฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์โตไม่ทันเงินเฟ้ออย่างแน่นอน (ประเด็นนี้ถ้าพูดก็อีกยาว เอาเป็นว่าหาความรู้และเอาเงินที่มีไปลงทุนครับ)
🛒 สุดท้าย ทำยังไงถึงจะระงับสติอารมณ์ในการใช้เงินซื้อของได้?
อันนี้บอกเลยยากมาก แต่อยากเสนอแบบนี้ครับ จัดเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ในแต่ละเดือนไปเลย สมมุติว่าหลังจากที่จัดแจงเงินทุกอย่างแล้ว (ค่าใช้จ่ายจำเป็น หนี้สิน ออมฉุกเฉิน ประกัน ลงทุน ฯลฯ) และยังพอมีเงินเหลืออยู่ ก็แบ่งออกมาสักหน่อยหนึ่ง กันไว้ซื้อของที่อยากซื้อเลย
การใช้เงินไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่วางแผนเอาไว้แล้ว ซื้อเพื่อความสุขของตัวเองบ้าง ระหว่างทางจะได้มีกำลังใจทำงานและหาเงินเพิ่มด้วยครับ
- โสภณ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ #aomMONEY)
#ปัญหาการเงิน #แนวทางการจัดการเงิน #การเงินส่วนบุคคล #LIfeStyleInflation
โฆษณา