Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
31 ธ.ค. 2024 เวลา 12:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หนีหนี้ให้ไกล ถ้าไม่อยากเล่น Squid Game ในชีวิตจริง! 6 วิธีป้องกันตัวเองจากหนี้สินที่ไม่จำเป็น
ใครๆ ก็คงรู้กันว่าในซีรีส์สุดฮิตอย่าง Squid Game ผู้เล่นต้องเข้าไปเล่นเกมที่เสี่ยงถึงชีวิตเพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล โดยหนึ่งในสาเหตุหลักที่ผลักดันให้พวกเขาต้องเข้าแข่งขันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ "หนี้" ที่ท่วมตัวจนไม่มีทางออก
ในแง่หนึ่ง Squid Game จึงจับใจคนดูเพราะไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์ที่สะท้อนความโลภหรือความรุนแรง แต่ยังสะท้อนปัญหาสังคม เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ หนี้สิน และการดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสังคมที่ไม่ยุติธรรม กติกาของมันจึงอธิบายออกมาเป็นประโยคสั้นๆ ได้ว่า "หากคุณชนะในเกมนี้ คุณจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่หากคุณแพ้… คุณจะเสียทุกสิ่ง รวมถึงชีวิตของคุณเอง!"
เอาล่ะ! ถ้าพูดแบบกำปั้นทุบดิน ถ้าไม่อยากให้โชคชะตาผลักดันจนต้องไปเล่น Squid Game ก็ต้องไม่มีหนี้สิน เพราะการไม่มีหนี้เปรียบเสมือนการถอยออกจากสนามแข่งขันที่โหดร้ายไปแล้วหนึ่งก้าว ใช่ไหม?!
ทว่า #ในโลกความเป็นจริง เมื่อเป็นหนี้แล้วเราอาจไม่ได้เจอกับเกมโหดแบบในซีรีส์ แต่หนี้ก็สามารถกลายเป็น "กับดัก" ที่ทำให้ชีวิตเราไม่มีทางเลือกได้ไม่ต่างกัน เพราะหนี้ที่พอกพูนขึ้นทุกวันเปรียบเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ และถ้าไม่รีบจัดการตั้งแต่วันนี้ อาจสายเกินแก้ในวันข้างหน้า
ข้อมูลจากสภาพัฒน์ระบุว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 สัดส่วน หนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 89.6% ซึ่งลดลงจากระดับสูงสุดที่ 91.2% ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หนี้ครัวเรือนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง เนื่องจากลักษณะหนี้บางประเภทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ซึ่งก้อนตรงนี้ที่อาจกลายเป็นหนี้ที่ล้นพ้นตัวจนเข้าสู่ภาวะหนี้เสีย
หันไปทางไหนใครๆก็เสี่ยง ดังนั้นมาเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองจากหนี้สินที่ไม่จำเป็นกัน ก่อนที่คุณจะกลายเป็นอีกผู้เล่นคนหนึ่งที่จมอยู่ในวังวนแห่งหนี้สิน
🎯 1. รู้จักความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ใครหลายคนคงคิดว่าเป็น ‘หนี้’ มันไม่ดีไปทั้งหมด แต่เอาจริงๆ หนี้ที่ดีก็มี เช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้บ้าน หรือการลงทุนในธุรกิจที่คุณเข้าใจความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว
แต่หนี้ที่เป็นปัญหาและบั่นทอนความมั่นคง ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นหนี้ที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ฟุ้งเฟ้อ เช่น บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลจากการบริโภคเกินตัว ที่ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้จ่ายเพื่อสนอง “ความอยาก” มากกว่า “ความจำเป็น” เช่น การซื้อรถยนต์หรูเพราะเห็นว่าเพื่อนในกลุ่มเริ่มมี หรือการเลือกใช้ชีวิตหรูหราในคอนโดที่เกินกำลังรายได้
วิธีเข้าใจความต้องการที่แท้จริงทำได้ง่ายมาก แค่ลองตั้งคำถามง่าย ๆ กับตัวเองก่อนซื้อ
- สิ่งนี้จำเป็นจริงไหม?
- ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ชีวิตจะแย่ลงไหม?
บางครั้งเราอาจค้นพบว่า สิ่งที่เราคิดว่า “ต้องมี” อาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญขนาดนั้น
🎯 2. สร้างระบบการเงินที่มั่นคง
คนที่การเงินกำลังติดลบหรือเสี่ยงจะติดลบในเร็ว มักจะไม่รู้ว่าตัวเองติดลบอยู่เท่าไหร่ จึงทำให้ตั้งหลักไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ดังนั้นต้องวางแผนกันก่อน อย่าเพิ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา เพราะการสู้หนี้โดยมีแผนย่อมดีกว่า
อันดับแรกให้เราตรวจสอบสภาพคล่อง คือการทำรายรับ-รายจ่าย โดยเขียนออกมาว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าเราจะมี รายได้เท่าไหร่ / มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง / มีเงินคงเหลือเท่าไหร่ เพื่อให้เห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แล้วเราค่อยวางแผนจัดการทีละเดือนๆ
🎯 3. ออมก่อนสร้างหนี้ เพราะชีวิตต้องใช้อีกยาว
การใช้หนี้บัตรเครดิต หรือการใช้สิน ด้วยการเริ่มต้นจากการคิดว่า “เดี๋ยวก็มีเงินมาจ่าย” แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้ามคืออัตราดอกเบี้ยที่พอกพูนและทำให้หนี้บานปลาย ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้อย่าใช้เงินในอนาคตเพื่อตอบสนองความสุขชั่วคราว
แล้ว #ทำไมต้องออม ข้อมูลจากสภาพัฒน์ระบุว่า คนไทยในเขตเมืองต้องมีเงินออม 4 ล้านบาท และคนไทยในชนบทต้องมีเงินออม 2.8 ล้านบาท จึงจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้หลังเกษียณ แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวเลขนี้อาจไม่เพียงพอด้วยซ้ำ เพราะเท่ากับว่าเราจะมีเงินใช้เฉลี่ยเดือนละ 11,000 บาทเท่านั้น ยังไม่นับรวมว่าหากเราเจ็บป่วยก็จะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นอีก
ดังนั้น ถ้าเรารู้จักวางแผนการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ สร้างความมั่งคั่งให้ดูแลตัวเองได้ในวันเกษียณจึงเป็นร่มกันฝนชั้นดี และจงจำไว้ว่า “หนี้สร้างแรงกดดัน แต่การออมสร้างอิสรภาพ” การเริ่มต้นวันนี้อาจช่วยให้คุณไม่ต้องพึ่งพาหนี้สินในวันข้างหน้า และมั่นใจได้ว่าชีวิตหลังเกษียณจะไม่เป็นภาระของใคร
🎯 4. ทำความเข้าใจความรู้ทางด้านการเงินเรียนรู้เรื่องดอกเบี้ยและภาระผ่อน
"หนี้สนทนาฉบับกูรู" ระหว่าง โค้ชหนุ่ม กับ รองผู้ว่าการ ธปท. ได้พูดถึงประเด็น #อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยเป็น “ลูกหนี้เรื้อรัง” โดยสาเหตุหลักอันดับต้นๆ เลยก็คือ
คนขาดทักษะและความรู้ทางด้านการเงิน & ไม่เข้าใจต้นทุนที่แท้จริงของหนี้
คนเป็นหนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ คนที่ได้ประโยชน์จากสินเชื่อ คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่วางแผนทางการเงินมาเป็นอย่างดี มีความระมัดระวัง มีเป้าหมายชัดเจนว่าเป็นหนี้เพื่ออะไร มั่นใจว่าผ่อนไหว
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ไม่เห็นต้นทุนที่แท้จริงของหนี้เพราะขาดทักษะและความรู้ทางด้านการเงิน มักจะเป็นคนที่วางแผนการเงินไม่ดีนักหรือมีปัญหาต้องการใช้เงินเร่งด่วน เช่น เห็นโฆษณาดอกเบี้ย 6 บาทต่อวัน ก็คิดว่าดอกเบี้ยถูก ซึ่งตรงนี้อาจทำให้เกิดการกู้เกินศักยภาพในการผ่อนชำระ ทำให้ตัดยอดไปไม่ถึงเงินต้นสักที เพราะจ่ายได้แต่ดอกเบี้ย จนกลายเป็น “ลูกหนี้เรื้อรัง” ในที่สุด
🎯 5. หาทางเพิ่มรายได้ ลดการพึ่งพาหนี้
ในบางครั้ง การลดรายจ่ายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ลองหาช่องทางเพิ่มรายได้ เช่น งานเสริม ขายของออนไลน์ หรือการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางอาชีพ
🎯 6. พูดคุยและขอความช่วยเหลือเมื่อเริ่มมีปัญหา
หากคุณเริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้ อย่าหนีหนี้หรือเพิกเฉย รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน
เพราะหัวใจสำคัญที่สุด คือการเข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ โดยแสดงความบริสุทธิ์ใจ แจ้งเจตนาว่าเรายังต้องการชำระหนี้ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ทำให้เราจ่ายไม่ไหวจริงๆ ซึ่งบางคนอาจจะกลัว ไม่กล้าคุยกับเจ้าหนี้ แต่อย่าลืมว่าถ้าไม่เจรจาเลย เราก็ต้องอยู่ในสภาพเดิมต่อไป วิธีการเจรจาหนี้มีดังนี้
👉ขอพักชำระหนี้
อันดับแรกหากเป็นไปได้ ลองเจรจาขอพักชำระหนี้ทั้งก้อน คือหยุดจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะครับว่า การพักชำระหนี้ดอกเบี้ยยังเดินอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเราจะต้องไปจ่ายตอนหลัง แต่ข้อดีของมันคือหากเรามีหนี้หลายตัว หากเราขอพักชำระหนี้บางตัวไปได้ ก็จะทำให้มีเงินเหลือไปปิดหนี้ก้อนอื่นๆ
👉ขอชำระเฉพาะดอกเบี้ย
แต่ถ้าขอพักชำระหนี้ไม่ได้ แทนที่จะจ่ายค่างวดเต็มทุกเดือน ก็ลองขอชำระเฉพาะดอกเบี้ย แต่ถ้าดอกเบี้ยและค่างวดใกล้เคียงกันมาก ก็อาจจะใช้วิธีถัดไปแทน
👉ขอลดค่างวด หรือขอลดดอกเบี้ย
ใช้ในกรณีที่ค่างวดและดอกเบี้ย มีจำนวนใกล้เคียงกันมากๆ ให้เราขอลดอย่างใดอย่างหนึ่งดูครับ ว่าสามารถทำได้ไหม และผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรบ้าง
👉ยืดระยะเวลาผ่อน (เจรจา+รีไฟแนนซ์)
ถ้าขอใช้วิธีอื่นแล้วไม่ได้จริงๆ ลองเจรจาขอยืดเวลาชำระหนี้ออกไป เช่น เปลี่ยนจากหนี้บัตรเครดิตทั้งก้อน เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล 48 เดือน เพื่อให้เราหายใจคล่องขึ้น หรือขอรีไฟแนนซ์ ย้ายหนี้จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งดอกเบี้ยใหม่ควรต่ำกว่าดอกเบี้ยเดิมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
แต่สิ่งสำคัญในการเจรจาเรื่องหนี้สิน คือ ระยะเวลา เราไม่ควรเดินไปบอกเจ้าหนี้ว่า “จ่ายไม่ไหวแล้ว ขอหยุดพัก” แต่ควรมีกรอบระยะเวลาแจ้งกับเจ้าหนี้ด้วย เช่น ภายใน 3 เดือนหรือ 6 เดือน เป็นต้น
สรุป: เราเข้าใจดีว่าการหลุดพ้นจากหนี้ หรือการไม่สร้างหนี้ตั้งแต่แรก อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นเรื่องที่ทำได้หากมีวินัย และการวางแผนที่ดี เพราะสุดท้ายแล้ว การที่คุณไม่ต้องเข้าไปใน “Squid Game ชีวิตจริง” คือการมีอิสรภาพทางการเงินที่ไม่ต้องแลกมาด้วยอะไรทั้งสิ้น
ที่มา:
https://www.blockdit.com/posts/612db5082c174c041f2854f1
https://www.facebook.com/share/p/187nD7Atxv/
https://www.bot.or.th/.../mpr-box/MPR_2566_Q4_BOX4.pdf
https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/237318
#aomMONEY #SquidGame #ปลดหนี้ #จัดการหนี้ #ก่อนเป็นหนี้ต้องรู้ #การเงินส่วนบุคคล
2 บันทึก
10
4
2
10
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย