เรื่องของหมอฟัน
ผมกลัวหมอฟันมาแต่เด็ก ไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด เพราะการทำฟันในสมัยห้าสิบปีก่อนนั้น น่ากลัวจริงๆ
ลองคิดดู เข็มฉีดยาชาในสมัยนั้นใหญ่กว่าตอนนี้สัก 3 เท่า หากเทียบกระบอกฉีดเท่าตัวหมู เข็มก็ประมาณขาหมู (เว่อร์นิด แต่พอเห็นภาพนะ)
หมอที่หาดใหญ่แทงขาหมู เอ๊ย! เข็มยักษ์เข้าไปในเหงือก แล้วใช้ชะแลงงัดฟันออกมา มันน่ากลัวมั่กมั่กสำหรับผมในวัยเด็ก
เครื่องกรอฟันในสมัยนั้นก็ประมาณเครื่องขุดถนนในตอนนี้ กรอทีหมอฟันสั่นสะเทือนไปด้วย (เว่อร์นิด แต่พอเห็นภาพนะ)
ส่วนการอุดฟันนั้นเล่า ก็เป็นเรื่องเหนื่อยเหลือประมาณ การอุดฟันหนึ่งซี่ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน
ไม่ได้เขียนผิด หนึ่งเดือนจริงๆ
เริ่มที่หมอฟันกรอฟันส่วนที่ผุ ใช้สำลีจุ่มน้ำยายัดเข้าไปในรูนั้น แล้วให้กลับบ้านได้ วันรุ่งขึ้นก็หาหมอเปลี่ยนสำลีใหม่ ทำอย่างนี้ทุกวันจนครบเดือน ก็ถึงวันดี-เดย์
วันดี-เดย์ก็คือวันที่หมอก็ดูสภาพรู แล้วบอกว่า “อุดวันนี้ก็แล้วกัน”
ดี-เดย์น่าจะย่อมาจาก Dead Day
หลายปีหลังจากนั้น ผมไปอุดฟันที่กรุงเทพฯ หมอฟันอุดให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง ผมตกใจ พูดว่า “อย่างนี้ก็ได้เหรอ”
ภายหลังจึงรู้ว่าการอุดฟันแบบหนึ่งเดือนเสร็จนั้นไม่น่าจะถูกต้อง เพราะการยัดสำลีในรู แล้วให้กินอาหารตามปกติ สำลีก็เปื้อนอาหาร บางวันก็เผลอกลืนสำลีลงท้อง
สงสัยหมอฟันในต่างจังหวัดเหงามาก หาเรื่องให้คนไข้มาหาหมอทุกวัน
ครั้งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ผมไปทำรากฟันที่คลินิิกแห่งหนึ่งโดยทันตแพทย์หญิง หลังจากนั้นหลายปีผมไปใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก มีช่วงหนึ่งเจ็บฟันมาก ค่ารักษาฟันที่นิวยอร์กแพงมหาโหด ก็ต้องไปที่ New York University มีหน่วยทำฟันพิเศษ ราคาถูก หมอฟันคือนักศึกษา
ไม่มีทางเลือก ไม่มีเงินก็ต้องรักษาแบบถูกๆ
หมอฟันที่รักษาผมเป็นนักศึกษาปริญญาโท เขาตรวจดูสภาพฟันทั้งหมด แล้วถามผมว่า “คุณรักษารากฟันซี่นี้ที่ไหน?”
ผมตอบว่า “ที่กรุงเทพฯ”
ต้องขยายความว่าอยู่ที่ประเทศไทย
หมอฟันฝรั่งนิ่งงันไปนาน บอกว่า “ไม่น่าเชื่อว่าที่ประเทศคุณก็ทำได้”
เขาบอกต่อว่า “คุณภาพการรักษารากฟันของหมอฟันไทยคนนั้นดีมาก ฝีมือดีกว่าที่นี่ิอีก”
เล่าให้ฟังเพื่อบอกว่า คุณภาพหมอฟันบ้านเราได้มาตรฐาน
แต่ว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากไปหาเลยนะ ทุกวันนี้ยังฝันร้ายว่ากลืนสำลีลงท้อง และถูกเข็มขาหมูคาเหงือก
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
