5 ม.ค. เวลา 12:16

เสียงเล็กๆ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในชุมชนแม่ต๋ำน้อย ผ่านความรู้สึกที่ได้เรียนรู้จาก "สื่อพลเมือง"

สวัสดีค่ะ ฉัน ภรณ์สวรรค์ แสนเขียว หรือที่เพื่อนๆ เรียกกันว่า ขิม ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ สาขาการสื่อสารสื่อใหม่ มหาวิทยาลัยพะเยา ฉันเป็นสมาชิกของกลุ่ม RiseTogether กลุ่มที่มีเป้าหมายเป็น “เสียงเล็กๆ” ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม สำหรับฉัน การเป็นสื่อพลเมืองคือการเป็น “เสียง” ที่ช่วยสะท้อนเรื่องราวจากคนในชุมชน เสียงที่มักจะไม่ได้รับการได้ยินในกระแสหลัก เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็น “เสียง” ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักข่าวมืออาชีพ
ในบทความนี้ ฉันอยากพาทุกคนไปรู้จักหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อย ผ่านประสบการณ์และมุมมองของฉันตลอดการทำงานในบทบาทของสื่อพลเมือง
ฉันใช้เวลาเกือบทั้งเทอมในบทบาทของการเป็นสื่อพลเมืองที่ได้เข้าไปสัมผัสคลุกคลีกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนแม่ต๋ำน้อย หมู่18 ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อยนี้เท่าไหร่ เนื่องจากระยะทางและที่ตั้งของหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อยนั้นอยู่ห่างไกลมาก ความรู้สึกแรกที่ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลคือ คิดว่าคงทำงานได้ยาก
เนื่องจากหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อยเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ 2 กลุ่ม ได้แก่ เย้าหรือเมี่ยน และ ลีซู กลุ่มเย้าหรือเมี่ยนนับถือศาสนาพุทธและปฏิบัติตามธรรมเนียมจีน ส่วนกลุ่มลีซูนับถือศาสนาคริสต์
ในช่วงแรกที่ลงพื้นที่ ฉันกังวลเรื่องการสื่อสาร เนื่องจากคนในชุมชนบางส่วนพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ความกังวลเหล่านั้นหมดไปเมื่อได้สัมผัสกับความอบอุ่นและการต้อนรับที่เป็นกันเองของชาวบ้าน
ในตอนแรกตัวฉันมีความกังวลในเรื่องของการสื่อสารกับคนในชุมชนกลัวที่จะสื่อสารกับคนในชุนไม่เข้าใจเพราะคนในชุนบางส่วนสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ แต่พอไปถึงจริงๆแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่กังวลเลยค่ะ
ชาวบ้านในชุมชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี มีส่วนน้อยที่พูดภาษาไทยไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วเขาก็สื่อสารภาษาถิ่นของเขากันค่ะ ถ้าเราคุยกับคนที่ฟังและพูดภาษาไทยไม่ได้ ก็มีพี่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านช่วยคุยให้ค่ะ เราสื่อสารสอบถามกันแบบเป็นกันเองเลยทำให้ตัวฉันรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยค่ะ ยิ่งตอนพูดคุยกับผู้สูงอายุให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นลูกเป็นหลานเขาเลยค่ะ
วิถีชีวิตของชุมชนบ้านแม่ต๋ำน้อย
การเข้าไปสำรวจเก็บข้อมูลในชุมชนบ้านแม่ต๋ำน้อย เป็นอะไรที่เปิดโลกตัวฉันมาก การเดินทางเป็นการเดินทางที่ลำบากสำหรับตัวฉันเนื่องจากในชุมชนยังมีการสร้างถนนที่ไม่สมบูรณ์ทำให้ถนนบางส่วนยังเป็นถนนดินแดงความคิดในหัวตอนนั้นที่นั่งรถเข้าไปในชุมชนคิดว่าถ้าฝนการเดินทางของคนในชุมชนคงลำบากน่าดู สิ่งอำนวยความสะดวกในชุมชนค่อนข้างมีจำกัดค่ะ
วิถีชีวิตของชุมชนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลัก ช่วงกลางวันก็จะออกไปทำงานกัน ทำให้บ้านเรือนค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงผู้สูงอายุที่อยู่บ้านค่ะ ส่วนเด็กๆก็ย้ายไปเรียนกันข้างล่างหมดเนื่องจากโรงเรียนในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ข้างบนของชุมชนได้ปิดตัวลงไปแล้วเนื่องจากจำนวณคุณครูไม่พอต่อการสอนนักเรียนค่ะ
คนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ คุณลุง พีระ แซ่มี่
เมื่อพูดถึงคุณลุงพีระ ภาพที่ชัดที่สุด คือภาพของผู้นำที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น คุณลุงไม่ได้เป็นเพียงผู้นำของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู แต่ยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่คอยสะท้อนปัญหาและความทุกข์ยากของคนในชุมชนออกไปสู่หน่วยงานภายนอก
วันแรกที่ได้รู้จักคุณลุง คือวันที่ไปร่วมกิจกรรมกินข้าวใหม่ที่โบสถ์ ของคุ้มกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู คุณลุง เป็นคนที่กล้าพูด และพูดเก่งมากๆ ตัวฉันเองได้ข้อมูลเกี่ยวกับในชุมชนจากคุณลุงเยอะมาก และทำให้รู้จักประเพณีวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซูมากยิ่งขึ้น ได้เปิดหูเปิดตาของการเข้าโบสถ์เพื่อไปเรียนรู้วัฒนธรรมของคนในชุนมากๆ
คุณลุงพีระ เปรียบเหมือนเสียง ที่เป็นเสียงหลักของชาวลีซู ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำ ที่คุณลุงคอยพูดคุยกับหน่วยงานเทศบาลให้เข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำที่ขาดแคลนของชาลีซู คุณลุงเล่าว่าคุณลุงเคยได้รับหน้าที่ ให้ เป็นคนดูแลคอยสอดส่องเรื่องการเผาป่าแล้วให้โทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เลยทำให้ตัวฉัน แอบคิดในใจคนเดียวว่า ตัวคุณลุงเองมีทักษะพื้นฐานความเป็นสื่อพลเมืองมากๆ แม้คุณลุงจะยังไม่ค่อยถนัดการใช้สื่อโซเชียลมากนัก แต่คุณลุงมีความพยายามและพร้อมที่จะเรียนรู้
คุณลุง พีระ แซ่มี่ ผู้นำกลุ่มชาวลีซู
เนื่องจากตัวฉันและเพื่อนๆ ในทีมได้มีการสอนคุณลุงใช้สื่อไปแล้วเบื้องต้น ตัวฉันเองคิดว่า อนาคตถ้าคุณลุงมีความถนัดในการใช้สื่อมากขึ้น หมู่บ้านแม่ต๋ำน้อยอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้น และผู้คนจากภายนอกอาจจะให้ความสนใจกับหมู่บ้านเล็กๆนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็จะเป็นผลดีต่อชุมชน
ตัวฉันเองรู้สึกขอบคุณคุณลุงพีระมากๆ สิ่งหนึ่งที่ฉันชื่นชมในตัวคุณลุง คือ การที่คุณลุงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมากๆ และให้พื้นที่กับพวกเราที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้สัมผัส กับวัฒนธรรมของชาวลีซูทั้งวัฒนธรรมการกิน ประเพณี ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปพร้อมกับคุณลุงค่ะ ความประทับใจที่มีต่อคุณลุงพีระไม่ใช่เพียงความชื่นชมในตัวบุคคล แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้ตัวฉันและเพื่อนๆในทีม RiseTogether ที่จะไม่ยอมแพ้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อย ด้วยเสียงเล็กๆและพลังใจที่เรามีค่ะ
ประเพณีวันกินข้าวใหม่ของชาวลีซูบ้านแม่ต๋ำน้อย
ตัวฉันกับเพื่อนๆในทีมทำงานกันอย่างหนักหน่วงในบทบาทของสื่อพลเมือง เอาตัวเองเข้าไปซึมซับเข้าถึงบริบทของชุนให้มากที่สุด คิดเสมือนว่าเราเติบโตไปพร้อมกับชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์บริบทชุมชนเพื่อหาแนวทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี เราไปเก็บข้อมูลกันบ่อยมากค่ะอาทิตย์นึงเราลงพื้นที่ไป1-2ครั้งมันกลายเป็นว่าเราผูกพันกับหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อยไปแล้ว
ทั้งความเป็นกันเองของคนในชุมชน น้ำใจ ความห่วงใยของคนในหมู่บ้านแม่ต๋ำน้อยกลายเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงพวกเราตลอดการทำงาน การที่พวกเขาเชื่อมั่นและเปิดใจให้เรากลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เรายืนหยัดในบทบาทสื่อพลเมือง เราไม่ใช่แค่ทีมงานที่มาทำงาน แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแม่ต๋ำน้อยไปโดยไม่รู้ตัว
กิจกรรมวันคริสต์มาสของชาวลีซูบ้านแม่ต๋ำน้อย
ในฐานะสื่อพลเมือง เราไม่ได้เป็นเพียงผู้บันทึกเรื่องราว แต่ยังเป็นผู้เรียนรู้จากชุมชน การได้สัมผัสกับวิถีชีวิต ความคิด และการแก้ปัญหาแบบท้องถิ่น สอนให้เรามองเห็นคุณค่าของความเรียบง่ายและความร่วมมือ เราได้เรียนรู้ว่าทุกปัญหามีทางออกหากเราเปิดใจฟังและเข้าใจกัน
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ฉันและทีมRiseTogether หวังไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในชุมชน แต่คือการส่งต่อแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านทุกคนลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตของพวกเขาเอง ฉันเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างชาวบ้านและพวกเราทีม RiseTogether จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาและเต็มไปด้วยความหวัง
ขอบคุณวิชาสื่อพลเมือง (Citizen Media) ที่ทำให้ตัวฉันได้สัมผัสบทบาทนี้ และทำให้ฉันได้รู้ว่าการเป็น “เสียงเล็กๆ” ก็สามารถสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งค่ะ
ภรณ์สวรรค์ แสนเขียว RiseTogether
โฆษณา