5 ม.ค. เวลา 15:17 • ความคิดเห็น
กลุ่มแม่บ้านหัวทุ่ง หมู่ 12

ความรู้สึกและการเรียนรู้ในฐานะนักสื่อสารของสื่อพลเมืองคนหนึ่งนั้นเป็นอย่างไร?

สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวกนกพร ผิวละออ ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยพะเยา คณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ สาขา วิชาการสื่อสารสื่อใหม่ นิสิตชั้นปีที่ 3
บทความนี้ก็จะแสดงถึงความรู้สึก การเรียนรู้ และประสบการณ์ที่ได้ในวิชาสื่อพลเมืองที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างนิสิตมหาลัยไปยังชุมชนเล็กๆ
ต้องขอเกริ่นก่อนเลยว่าวิชาสื่อพลเมืองที่เรียนไปอาจารย์จะเน้นเกี่ยวกับการไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเพื่อให้เข้าใจถึงวิถีชีวิต ปัญหา และ ใช้ความคิดในการออกแบบสื่อเพื่อช่วยถ่ายทอดเสียงเล็กๆของชุมชนให้คนภายนอกรับรู้ โดยจะเน้นให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ถ่ายทอดประสบการณ์ และ สามารถเป็นสื่อพลเมืองได้ด้วยตัวเอง...
ซึ่งก็ยอมรับเลยว่าตอนเรียนครั้งแรกไม่เข้าใจในรายวิชานี้เลยและเป็นวิชาที่ดูจะน่าเบื่อเพราะต้องเรียนข่าวซ้ำ ดิฉันคงคิดว่าก็คจะงเรียนข่าวเหมือนในปีสองเทอมสองอีกแค่เปลี่ยนจากทำข่าวอื่นๆมาเน้นเป็นข่าวของชุมชน
...แต่ เรียนไปสักพักอาจารย์ก็ให้เลือกชุมชนว่าเราอยากจะไปเป็นนักสื่อสารให้เขา ซึ่งกลุ่มพวกเราก็ได้เลือก "บ้านแม่กาหัวทุ่ง" แต่ก็ยัง งง กับการเรียนอยู่ว่าวิชานี้จะสื่ออะไรเกี่ยวกับเราเป็นพลเมืองกับเรากันแน่?
ผู้สูงอายุในหมู่บ้านแม่กาหัวทุ่ง
ครั้งแรกที่ลงก็ได้พูดคุยกับชาวบ้านแต่ก็ไม่ได้ทราบข้อมูลอะไรมากพอเพราะไม่ได้เตรียมคำถามที่แน่ชัดและไปถึงในเวลามืดค่ำเนื่องจากมีเรียนเช้าถึงเย็นจึงไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก ชาวบ้านบางคนก็ยังงุนงง ด้วยว่ามาทำอะไรกันและเลี่ยงทีจะตอบคำถามเพราะยังไม่ไว้วางใจเท่าไหร่นัก
...แต่เมื่อเรียนหลายๆสัปดาห์และตอบคำถามให้อาจารย์ยังไม่ได้ก็จึงเริ่มมีการลงชุมชนที่บ่อยขึ้น ความประทับใจแรกที่เกิดขึ้นมาในใจก็คือความอบอุ่นของผู้คนทุกคนเปิดใจต้อนรับเราอย่างเต็มที่ พวกเราจึงได้พูดคุยกับชาวบ้านทำให้มองเห็นถึงชีวิตที่ต่างออกไปจากที่อื่น ที่มีการรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ได้ เช่น ประเพณีพ่อท้าวควบบ้าน และการออกกำลังกายของสตรีสานสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้านอีกด้วย
และเมื่อลงชุมชนอีกครั้งสิ่งที่ประทับใจอีกครั้งเลยคือ มีแม่ท่านนึงยังถามขึ้นมาอีกด้วยว่า "จบมาจะมาเป็นนักสื่อพลเมืองให้" ดิฉันก็ตอบไปว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากเป็นสื่อพลเมืองให้กับชุมชนเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักเพราะมีประชากรน้อยนิดที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ และ ชาวบ้านยังได้เชิญชวนให้ไปเข้าร่วมพิธีไหว้ศาลพ่อท้าวควบบ้านอีกด้วย
ต่อมาพวกเราได้ลงชุมชนกันไปอีก6คน เพราะอีกส่วนมีทำกิจกรรมมอ ตอนแรกที่ลงไปปกติแต่ก็มียายๆถามว่าที่มาทำกิจกรรมตอนบ่ายใช่มั้ย พวกเราต่างก็งงและมองหน้ากัน แต่ก็มารู้ภายหลังว่ามีสาขา แพทย์แผนจีนเป็นคนมาจัดกิจกรรม
...ไม่รู้ว่ามันคือความบังเอิญหรือไม่?
เพราะพวกเราก็อยากได้ภาพมากิจกรรมมาทำข่าวส่งอาจารย์และฝั่งแพทย์แผนจีนก็ต้องการคนเข้าร่วมกิจกรรมพอดี กลุ่มเราจึงไปเข้าร่วมกิจกรรมกับผู้สูงอายุในชุมชนประหนึ่งเป็นคนในชุมชนทั้งช่วยพยูงคนแก่เดิน อ่านใบแผ่นพับให้ฟัง เต้นออกกำลังด้วยกัน สร้างรอยยิ้มไปด้วยกันจนจบกิจกรรม
ภาพหลังจบกิจกรรมโดยมีนิสิตจากสาขาแพทย์แผนจีนเป็นคนจัดกิจกรรม
และ ยังมีอีกกิจกรรมที่กลุ่มของพวกเราได้เข้าไปร่วมทำอีก
สถานที่ออกกำลังกายของหมู่บ้านห้วยเคียน บ้านบัว และ แม่กาหัวทุ่ง
การไปร่วมออกกำลังกับกลุ่มสตรีหมู่บ้านยอมรับเลยว่าสนุกมากๆแม่ๆเขาใจดี และยังเสียสละเวลาส่วนตัวมาเต้นให้เมื่อรู้ว่าจะมีกลุ่มของพวกเราไปถ่ายคลิปเพราะแม่ๆเขาไม่ได้เต้นเป็นเวลานานแล้วและอาจจะมีการลืมท่าในบางท่าอีกด้วย ซึ่งบอกๆได้เลยว่ากิจกรรมนี้ทั้งสนุก เหนื่อย และ กระชับมิดกับชุมชนเพิ่มมากอีก
เมื่อกิจกรรมจบแม่ๆเขาก็ยังถามต่อว่าจะมาเต้นด้วยกันอีกมั้ยถ้ามามาได้เลยนะ ซึ้งก็เป็นคำถามที่ทำเอาใจฟูมากๆ
จากตอนแรกที่ดิฉันไม่ชอบและเบื่อหน่ายในวิชานี้มากเพราะต้องไปลงชุมชนที่แค่ขับรถผ่านไปมา แต่พอได้รู้ถึงวิถีชุมชนจริงๆแล้วหมู่บ้านแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ลึกซึ้งที่เราคนภายนอกไม่เคยได้รับรู้เลย
และการได้เป็นส่วนหนึ่งของสื่อพลเมืองในบ้านแม่กาหัวทุ่งเป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืม เพราะไม่ได้เป็นเพียงโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับชุมชน แต่ยังเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองในการเป็นสื่อพลเมืองมากขึ้น
และได้เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากการรับฟังและเข้าใจความต้องการของคนในพื้นที่อีกด้วย
🫰ขอบคุณอาจารย์และชุมชนที่สอนให้เราเข้าใจการเป็นพลเมืองมากขึ้น💖🙇‍♀️
นิสิตกลุ่ม Eco Guardian
โฆษณา