5 ม.ค. เวลา 16:54
ตำบลแม่กา

จากเสียงที่ไม่เคยได้ยิน...ของชุมชนบ้านนาไร่เดียว

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเปเป้ บุรัสกร เฮงรวมญาติ กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยพะเยา สาขาวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ จากกลุ่มเพื่อนพลเมือง ฉันได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้ลงพื้นที่เพื่อสังเกตพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนบ้านนาไร่เดียว หมู่14 ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ทำให้ได้รู้ว่าปัญหาหลัก ๆ ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ก็คือ “การสื่อสาร”
เมื่อฉันได้ลงพื้นที่ครั้งแรกในฐานะนักข่าวพลเมือง สิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็นคือความเงียบในหมู่บ้าน ไม่มีความคึกครื้น ไม่มีผู้คนคุยกัน แต่โชคดีที่ติดต่อกับผู้ใหญ่บ้านไว้ล่วงหน้าจึงได้ข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนบ้านนาไร่เดียวมาเยอะมาก และได้รู้ว่าหมู่บ้านนี้มีผู้สูงอายุอาศัยเป็นส่วนมากแล้วยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง (ชาวม้ง)ด้วย
ทำให้การที่คิดจะทำสื่อออกมาให้คนในชุมชนไม่ใช่เรื่องง่าย สื่อที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างเข้าถึงได้ยากเพราะในกลุ่มไลน์หมู่บ้าน “บ้านนาไร่เดียวรวมใจ” มีสมาชิกอยู่เพียงแค่ 79 จากประชากรมากกว่า 300 คน นั่นก็แปลว่าคนที่จะเข้าถึงมีต่ำกว่าครึ่งของประชากรทั้งหมดในชุมชน หรือถ้าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ก็ไม่ทั่วถึงเพราะคนในชุมชนบางส่วนขาดทักษะการอ่าน เป็นการทำงานที่ท้าทายมากเพราะคนในชุมชนค่อนข้างเข้าถึงได้ยากและไม่ค่อยอยากจะเปิดใจให้เข้าไปช่วยสักเท่าไหร่ คำถามที่ขึ้นมาในหัวคือ…ฉันจะสามารถช่วยชุมชนนี้ได้ยัง ?
ฉันได้ลงพื้นที่อีกครั้งและได้เจอกับคุณป้าชาวสวนคนหนึ่งเราจึงได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน ครั้งนี้เราอาจต้องทำให้คนในชุมชนไว้ใจด้วยการรับฟังและเห็นด้วยมากขึ้นอีก และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันคิดถูก เราสามารถทำให้คนในหมู่บ้านเชื่อใจและกล้าพูดปัญหาและความต้องการมากขึ้น หมู่บ้านนาไร่เดียวมีพื้นที่เยอะคนส่วนมากจึงทำการเกษตร และมีรายได้จากการเกษตรเป็นหลัก ในหมู่บ้านมีการเผาขยะกันเดือนละ1-2ครั้ง แต่ไม่ได้เผาขยะจากการเกษตร
ฉันจึงถามถึงปัญหาถังขยะว่าทำไมชุมชนนี้ถึงไม่รับถังขยะจากรัฐ คำตอบที่ได้กลับมาคือ“ราคาสูงคนในหมู่บ้านจ่ายกันไม่ไหว” พอไปถามคุณป้าร้านชำก็บอกว่า”ราคาสูง“ แต่ราคาที่บอกกลับไม่เหมือนกันและห่างกันมาก ทำให้รู้ว่าการสื่อสารกันแบบปากต่อปากอาจทำให้สารผิดเพี้ยนจนเกิดความเข้าใจผิดได้ เพราะการสื่อสารผิดเพี้ยนอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนในชุมชนไม่อยากได้ถังขยะจากรัฐ
เสียงของคนในหมู่บ้านดังขึ้น
เพราะปัญหาน้ำ โดยเฉพาะน้ำที่ไม่สะอาด ซึ่งเป็นปัญหาที่กระตุ้นให้คนในชุมชนออกมาพูดถึงและอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง และฉันในฐานะสื่อพลเมืองไม่สามารถซื้อเครื่องกรองน้ำให้ได้แต่ฉันสามารถทำสื่อบอกวิธีแก้ไขหรือผลกระทบจากน้ำไม่สะอาดได้ เพื่อให้ชุมชนได้ตระหนักถึงปัญหานี้ แล้วก็เอ๊ะมาในหัวอีกว่า แล้วถ้าอยากให้คนนอกมาช่วยชุมชนจริง ๆ ต้องทำยังไง ? ก็แค่ทำสื่อและเผยแพร่ในออนไลน์สิ นี่เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงในตอนแรก เพราะมัวแต่คิดจะทำสื่อให้แค่คนในชุมชนจึงมองข้ามสิ่งที่สำคัญไป
จากนั้นฉันเริ่มสับสนกับสิ่งที่จะทำต่อไปในเมื่อชาวบ้านเริ่มเป็นพลเมืองมากขึ้นเรา
ก็ยิ่งต้องสนับสนุนเสียงของชาวบ้านสิ จึงช่วยกันคิดว่าจะเริ่มจากทำ CL ส่งเสียงให้คนภายนอกได้รับรู้ปัญหาน้ำไม่สะอาดของชุมชนบ้านนาไร่เดียว ซึ่งเป็นคลิปที่กระชับไม่จำเป็นต้องมีเสียงพูดแต่ทุกคนเข้าใจตรงกันผ่านตัวอักษร กระชับและชัดเจน
ต่อมาสิ่งที่อยากจะทำคือร่วมมือกับคนในหมู่บ้านเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านสื่อออนไลน์ และร่วมมือกันทำสื่อเกี่ยวกับบ้านนาไร่เดียวที่เผยแพร่สู่ออนไลน์ให้คนภายนอกได้เห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ เขามีวิถีชีวิตกันอย่างไร เช่นสารคดีหาของป่าของชุมชนบ้านนาไร่เดียว กระบอกไม้ไผ่ , กระบกที่มีสรรพคุณมากมาย เพื่อช่วยหารายได้เข้าชุมชนและทำให้ชุมชนเป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมสร้างเพจเพื่อให้คนในชุมชนกระจายเสียงของตัวเองออกไปได้
สุดท้ายนี้การที่ได้ทำงานร่วมกับชุมชนบ้านนาไร่เดียวเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย
ในการปรับตัวเข้าหาคนในชุมชน สิ่งนี้ทำให้ฉันเข้าใจว่าก่อนที่จะเป็นสื่อพลเมืองที่ดีได้ต้องเป็นนักสื่อสารที่ดีก่อน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากชุมชนนี้คือ
  • ต้องพูดให้ชัดเจนกระชับและเข้าใจง่าย การเลือกใช้คำที่เหมาะสมกับบริบทและผู้ฟัง
  • ต้องรับฟังเสียงของคนในชุมชน การตั้งใจฟังปัญหาหรือความต้องการของคนในชุมชนโดยไม่ขัดจังหวะหรือเพิกเฉย จะช่วยให้สามารถเข้าใจปัญหาหรือความต้องการของคนในชุมชน
  • การวิเคราะห์สื่อให้เหมาะกับกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่จะสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สำคัญมาก ๆ อีกอย่างคือการวิเคราะห์บริบทชุมชน ความต้องการหรือสิ่งที่ต้องได้ จะสามารถทำให้สามารถพัฒนาชุมชนได้อย่างตรงจุด
การรับฟังปัญหาและเข้าใจชุมจะช่วยสร้างความมั่นใจให้คนในชุมชนได้รู้สึกว่าความคิดเห็นของเขามีความหมายและสำคัญเขาจึงเปิดใจและอยากร่วมมือกับเราเพื่อพัฒนาชุมชนของตัวเองให้ดีขึ้น
จากมุมมองนักสื่อสาร ฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงถึงจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แต่ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สำคัญในชีวิต และถ้าฉันมีโอกาสได้ทำเกี่ยวกับชุมชนอีกครั้ง ฉันจะนำประสบการณ์ที่เคยทำมาช่วยให้พัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ ฉันจะพยายามส่งเสริมเสียงของคนในชุมชนให้สะท้อนออกไปข้างนอกให้มากยิ่งขึ้นค่ะ ˚♡
โฆษณา