14 ม.ค. เวลา 04:26 • ท่องเที่ยว

Day82 กลับเข้ากัมพูชา พักเมืองแกบ

วันนี้รู้สึกเพลีย ๆ เพราะอาการไม่ค่อยสบายที่คาดว่ามีสาเหตุต่อเนื่องมาจากแผลที่ขา ด้วยความคันก็เลยเกา พอเกาก็เกิดแผล ตอนแรกมันก็สมานตัวเองดีอยู่ แต่พอหลัง ๆ มันเป็นหนองและอักเสบ ทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบด้านขวาบวม คลำดูรู้สึกได้เลย เราล้างแผลใส่เบทาดีนที่ตรงเป็นแผลมา 3-4 วันได้แล้ว แต่แผลก็ยังไม่หายดี
เช้านี้ฝนตก ตอนออกจากห้องประมาณ 8 โมงครึ่ง ฝนหยุดแล้ว ตกปรอย ๆ เท่านั้น แวะกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารก่อนข้ามสะพานไปทางห่าเตี่ยน ระยะทางจากบาฮันไปห่าเตี่ยนประมาณ 20 กิโลเมตร แล้วก็ต้องปั่นต่ออีกประมาณ 5 กิโลเมตรก็ไปถึงด่านพรมแดนเวียดนาม-กัมพูชา
ระหว่างทางแวะที่ห่าเตี่ยน ดูตลาดปลาที่นั่น เมืองนี้อยู่ติดทะเลก็เลยมีสัตว์ทะเลสด ๆ ขายเยอะ แต่เหมือนไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวชายหาด เพราะดูไม่เห็นมีหาดทรายเลย มีแต่เรือหาปลาออกทะเล
ในตลาดเจอหอยชนิดหนึ่งใหญ่มาก ใหญ่สุดนี่เท่าหัวคนได้เลย ข้างในหอยนั่นเป็นตัวหอยลายสีส้มดำสลับกัน แปลกมาก ไม่นึกว่าจะกินได้กิโลกรัมละ 120,000 ด่อง แต่ถามอีกร้านนึงที่หอยตัวเล็กกว่า กิโลละแค่ 50,000 ด่อง ถูกกว่ากันตั้งเยอะ หอยชนิดอื่น ๆ ก็มีแต่ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ทั้งหอยแครงก็มีทั้งแบบใหญ่แบบเล็ก แบบใหญ่นี่มันใหญ่กว่าหอยแครงเล็ก 3-4 เท่าได้
เดินตลาดนี้ต้องระวังลื่นล้ม เพราะพื้นแฉะมาก เดินดูอยู่แป๊บนึงก็กลับออกมา ไปนั่งกินของหวาน ก่อนเดินทางต่อ
ปั่นต่อไปอีกหน่อยเจอวัดจีนขนาดใหญ่ เลยแวะเข้าไปไหว้พระ แล้วก็ปั่นต่อ ก่อนถึงพรมแดนประมาณ 2 กิโลเมตรมั้งก็ถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อ Thaฺch Dông ป็นวัดในถ้ำหินปูน ค่าเข้าแค่ 5,000 ด่อง
ข้างในมีคนดูรถให้ตรงที่จอดรถ ตอนแรกคิดว่าจะเข้าไปดีไหม เพราะไม่อยากจอดรถทิ้งไว้ โดยไม่มีคนดู แต่ดีที่มีคนดูรถให้ พนักงานขายตั๋วก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราต้องค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตดูว่า ที่นี่มันมีความสำคัญอย่างไร
อ้อ ที่ด้านหน้ามีรูปปั้นเป็นกำปั้นคนและมีตัวอักษรเวียดนามเขียนอยู่ เดาได้ว่าเป็นที่ที่คน 130 คน เคยถูกฆ่าช่วงเขมรแดงบุก เราก็ซื้อตั๋วแล้วจอดรถล็อกไว้เดินขึ้นถ้ำไปดู
ที่ถ้ำลมพัดเย็นสบายมาก มีพระอยู่จริง ๆ ด้วย ถ้ำมีโพรงและมีรู อากาศเลยพัดจากอีกฝั่งถ่ายเทไปอีกฝั่ง เย็นสบายดี ให้บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองจีนเลย เพราะวัดนี่ก็คือวัดจีนนั่นแหละ
ปั่นต่อไปถึงพรมแดน ผ่านกระบวนการผ่านแดนโดยไม่ต้องจ่ายค่าอะไรพิเศษ ดีจัง บางด่านเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บเงินเพิ่มทั้งที่ความจริงไม่ต้องจ่ายก็ได้ เงินนี้ก็เข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่นั่นแหละ
ตอนข้ามพรมแดนไปถึงเขตเขมรแล้วก็แวะกินอะไรหน่อย ของคาว เป็นเหมือนเส้นแป้งแบบสั้น ๆ ในน้ำซุปที่มีเนื้อปลาอยู่ รสชาติออกเผ็ด ๆ นิดหน่อย เรียกว่าอะไรไม่รู้ ถ้วยละ 2,000 เรียลเอง ต่อด้วยของหวานเป็นแป้งลูกกลมคล้ายบันจะเนือที่เคยกิน แต่คนละแบบ เพราะแป้งกลมนี้มีไส้เป็นมะพร้าวหวาน ๆ ไม่ใช่ไส้เป็นถั่วเหมือนบันจะเนือ ส่วนน้ำมันก็มีผักหอมใส่มาด้วย คล้ายกับหน้าขนมครก รสชาติก็แอบเหมือนแป้งขนมครกนิดนึงนะ อร่อยดี กินไป 2 ถ้วยแน่ะ
ระหว่างกินของคาวก็โทรหาแม่ ใช้ซิมเวียดนามที่เติมเงินไว้ประมาณ 80 บาทคุยกับแม่ได้ตั้งนาน ร่วม 10 นาทีได้ แม่คงคิดถึงเรามาก บอกว่า ถ้าเราถึงไทยให้แวะกลับบ้านด้วย ตอนแรกเราคิดว่า จะอยู่ทำธุระที่กรุงเทพฯ เสร็จแล้วก็เดินทางต่อเลย ลงใต้ไปมาเลเซีย แต่พอเห็นแม่พูดแบบนี้แล้ว ก็คงต้องกลับบ้านไปหาแม่สัก 1-2 คืน ค่อยเดินทางต่อ
ปั่นจักรยานมาตามถนนสาย 1332 ถนนโล่งมาก 2 ข้างทางเป็นทุ่งนา เป็นทุ่งที่ไม่มีคนทำการเกษตร ก็ดูโล่ง ๆ เป็นพื้นที่ราบ ที่โล่งและดูวังเวงมาก เราปั่นไปตามทางนั้นเหมือนตัวเองอยู่คนเดียว ไม่มีใครเลย จนไปถึงถนนสาย 33 เป็นถนนดินแดงฝุ่นคลุ้งแต่รถเยอะขึ้น คนเยอะขึ้น ปั่นไปถึงทางแยกไปแกบ ถนนสาย 33เอ อันนี้เริ่มกลับมาเป็นถนนลาดยางอีกครั้ง
ปั่นมาเรื่อย ๆ ตามทางจนเริ่มเห็นเกสต์เฮาส์ เริ่มเห็นทะเล แต่ไม่เห็นนักท่องเที่ยว มันดูวังเวงอย่างกับเมืองร้าง ศาลาริมน้ำมีแต่เปลญวนผูกไว้ไม่มีคนนั่งเลยสักศาลา บนถนนรถก็โล่ง นี่เรากำลังมาถึงเมืองท่องเที่ยวชายทะเลจริง ๆ หรือนี่ ปั่นไปจนถึงปลายสุดของแหลมเลยหาที่พัก
ได้ที่พักในราคา 8 US Dollar ชื่อ Brise de Kep ที่พักดูดีมีสไตล์ เป็นร้านอาหารในตัวด้วย จัดร้านน่านั่ง ทุกอย่างเกือบดีถ้าไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ
น้ำประปาที่ห้องไม่ไหล เราไปแจ้งพนักงาน เขาบอกให้รอ 5 นาที ก็ไม่มา ไปบอกใหม่ บอกให้รอ 15 นาที ก็ยังไม่มา นั่งทำแผลล้างแผลจนเสร็จ น้ำก็ยังไม่มา เลยออกไปถามว่า เกิดอะไรขึ้น เขาบอกให้เรารออีก 15 นาที เรากลับเข้าห้องมา และจนถึงสี่ทุ่มน้ำก็ยังไม่มา
คราวนี้บีบยาสีฟันใส่แปรงออกไปถามพนักงานว่า จะให้แปรงฟันได้ที่ไหน เราเอากล้องไปถ่ายด้วย แล้วก็ต่อว่าไปว่าจ่ายเงิน 8 US Dollar ไม่ได้จะมาอยู่โดยไม่มีน้ำใช้ เราเห็นพวกเขากุลีกุจอไปแก้ไขอะไรในห้อง แล้วสักพักก็ออกมาบอกว่าใช้ได้แล้ว คือไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่แก้ไขให้แต่แรก ติดปัญหาอะไร ถึงต้องให้รอตั้ง 3 ชั่วโมง แล้วพอครั้งนี้มาบอกปุ๊บก็แก้ให้ได้ทันที มันหมายความว่ายังไง แย่มาก อีกอย่างเตียงที่ห้องมีมดขึ้นด้วย
เราได้ข้อสรุปแล้วล่ะว่าพรุ่งนี้จะเดินทางต่อเลยเพราะบริการที่นี่ไม่ประทับใจ และไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ไปกำปอดดีกว่า
มื้อเย็นวันนี้เรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวและขนมกับนม พวกอาหารในเมนูราคาแพงมาก 200-300 บาททั้งนั้น เราเลยไม่สั่งกิน ข้าวผัดเฉย ๆ ยังตั้ง 200 บาทเลย ลมริมทะเลเย็นดีนั่งชิล ๆ สักพัก หลังกินอาหารเสร็จก็กลับขึ้นห้องแล้วก็มาเจอเรื่องน้ำไม่ไหลอย่างที่เล่าไปแล้ว
เราคิดว่าจะไปค้างกำปอดพรุ่งนี้ แล้ววันต่อไปก็ปั่นขึ้นเขาโบโกร์ ค้างหนึ่งคืนแล้วค่อยไปสีหนุวิลล์ อ่านข้อมูลท่องเที่ยว เขาบอกอดูน่าสนใจนะ มีน้ำตกด้วย แต่ก่อนบนเขามีพวกกาสิโน มีสิ่งปลูกสร้างสมัยที่ฝรั่งเศสปกครองกัมพูชาด้วย แต่ต่อมาถูกทำลายไปหมด เหลือแต่ซาก ถนนขึ้นเขาเหมือนจะเป็นถนนที่สร้างเสร็จไม่กี่ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นทางลำบาก แต่ที่พักบนเขานี่สิ ราคาแพงหรือเปล่า และมีเยอะไหม
อิสร์ เสรีพัก
จันทร์ 8 กรกฎาคม 2013 - กัมพูชา 82
สถิติการปั่นวันนี้
ระยะทาง 62.87 กิโลเมตร
อัตราเร็วเฉลี่ย 11.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราเร็วสูงสุด 26.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พลังงาน 489 กิโลแคลอรี่
คาร์บอนไดออกไซด์ 9.43
ระยะทางรวม 5,103 กิโลเมตร
ระยะเวลาที่ใช้ 5 ชั่วโมง 22 นาที 53 วินาที
ค่าใช้จ่ายวันนี้
1 ข้าวเช้า+ของหวาน 25,000 ด่อง
2 ค่าห้อง 80,000 ด่อง
3 กล้วยทอด + ไอติม 13,000 ด่อง
4 มื้อเที่ยง+ของหวาน 4,000 เรียล
5 กาแฟ 1,000 เรียล
6 ค่าห้อง 32,000 เรียล
7 ขนม+นม 16,500 เรียญ
8 หมี่ 5,000 เรียล
9 พลาสเตอร์ 4,000 เรียล
10 ขนม 2,500 เรียล
รวม 118,000 ด่อง กับ 65,000 เรียล หรือประมาณ 169 + 487.5 = 656.5 บาท
โฆษณา